Tuesday, April 6, 2010

โลกใบนี้ดนตรีไทย ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์ 2

โลกใบนี้ดนตรีไทย ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์ 2



คมชัดลึก : ทางพระกล่าวคำสอนให้แก่มนุษย์ได้กำหนดจิต เพื่อไม่ให้มีความคิดฟุ้งซ่าน ด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออกโดยกล่าวคำว่า พุทธ ในขณะหายใจเข้าและกล่าวคำว่า โธ ในขณะที่หายใจออก ซึ่งวิธีนี้ผมเองก็จะใช้บ่อยๆ ในขณะที่ก่อนจะนอนหลับ ซึ่งก็ทำให้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับสมองที่มีพลัง ซึ่งความจริงแล้วการกำหนดจิตก่อนนอนจะเป็นการทำให้เราไม่คิดถึงเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แล้วเมื่อนอนหลับไปแล้วก็จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ฮอร์โมนก็จะเข้าไปสูบฉีดที่ร่างกายโดยเฉพาะสมอง พอตื่นขึ้นมาก็จะทำให้เรามีสมองที่ปลอดโปร่ง







 แต่ก็จะมีคำสอนอยู่อีกแบบหนึ่ง โดยพระท่านสอนให้กำหนดลมหายใจเข้าออกและกล่าวคำว่า ยุบหนอ  พองหนอ แต่ว่าตัวผมเองก็ไม่เคยใช้วิธีนี้ แต่คำว่ายุบหนอ พองหนอนั้น ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวในปัจจุบันที่บอกได้ว่าฮอตสุดๆ ในขณะนี้ ก็คือ ยุบสภา
 แล้วมันเกี่ยวกันอย่างไรหรือครับ ก็คือมันทำให้ผมคิดว่ายุบหนอ พองหนอ แล้วทำไมเราถ้า "ยุบสภา" แล้วไม่ "พองสภา" กันบ้างล่ะ ก็ในเมื่อยุบสภาไม่ได้เราก็พองสภามันซะเลยจะได้หมดเรื่อง
 แล้วพองสภาคืออะไร มีประโยชน์อันใดด้วยหรือ พองสภา ก็คือการเพิ่มที่นั่งให้แก่ ส.ส. อีกเท่าตัว หรือใครอยากเป็นก็ให้มันเป็นไปซะเลย ส่วนนายกฯ จาก 1 คนก็ให้มี 2 คนหรือ 3-4 คนไปเลย ประโยชน์ก็คือมันจะได้ไม่ต้องมาแย่งกันตีกัน เหมือนกับเด็กแย่งของเล่น แต่โดยความจริงแล้วมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะคงไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน มันเป็นเพียงความคิดของผมเองที่มักจะชอบคิดในเรื่องแปลกๆ ออกแนว อัศจรรย์ คันมือ ซึ่งประโยชน์ก็คือทำเรื่องเครียดให้เป็นเรื่องขำเท่านั้นเองแหละครับ
 เอาล่ะครับ เขียนนอกเรื่องมามากแล้วควรจะกลับไปเขียนเรื่องของ ครูดวงเนตร ต่อจากฉบับที่แล้วดีกว่า เพราะตอนนี้ท่านก็คงจะกำลังอ่านอยู่ และก็คงต่อว่าผมอยู่ในใจแล้วล่ะ ตอนนี้ท่านก็เป็นคนขี้บ่นอยู่แล้วด้วย 
 ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงรู้ว่า ครูดวงเนตร เป็นคนขี้บ่น ก็คือ ความจริงท่านเป็นมารดาของผมเองแหละครับ โดยท่านแต่งงานกับ ครูสุพจน์ โตสง่า บิดาของผมเอง เมื่อปี 2505 โดยครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์  นั้นจบการศึกษาระดับ ไฮสคูล ที่ โรงเรียนเขมะสิริอนุสรน์ และมาจบ วิทยาลัยครูสวนสุนันทา ในระดับปริญญาตรี โดยครั้งแรกได้บรรจุเป็นข้าราชการครูที่ โรงเรียนสายปัญญา ตั้งแต่ พ.ศ. 2503 ก่อนที่ กองการสังคีต กรมศิลปากร จะขอตัวให้ท่านมาประจำอยู่ที่กองการสังคีต ในตำแหน่ง คีตศิลปิน3 เมื่อ พ.ศ. 2521 และก็อยู่รับใช้ต้นสังกัด มาจนกระทั่งปลดเกษียณเมื่อ ปีพ.ศ. 2542
 แต่ด้วยต้นสังกัดที่เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักการสังคีต กรมศิลปากร เห็นคุณงามความดีที่ไม่เคยขาดหรือลาราชการ นอกจากเจ็บป่วย ประกอบกับองค์ความรู้ในการขับร้องเพลงไทยที่มากล้น จึงได้ให้ ครูดวงเนตร   ดำรงตำแหน่ง ผู้ชำนานการขับร้องเพลงไทย หรือบอกง่ายๆ ว่าจ้างต่อจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง และนอกจากที่ท่านได้เป็นผู้ชำนาญการของกรมศิลปากรแล้ว ในปัจจุบันก็เป็น อาจารย์พิเศษ อยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลปะ และที่สำคัญก็คือ ชมรมหุ่นกระบอกของ ม.เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ หรือโรงเรียนเพาะช่างเดิม นั่นแหละครับ
 ครูดวงเนตร ดุริยพันธุ์ เกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงและความสามารถในการขับร้องเพลงไทยเดิมมากที่สุดในเมืองไทย ก็คือตระกูล ดุริยประณีต และ ดุริยพันธุ์ ดังนั้นจึงมีสายเลือดของนักร้องเพลงไทยเดิมจากบิดา มารดาอยู่เต็มตัว จึงทำให้ท่านมีพรสวรรค์อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเสียงร้องที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ประกอบกับมีความขยันหมั่นเพียรในการเรียนรู้และฝึกขับร้องตามแบบฉบับของคนโบราณ จึงทำให้ครูดวงเนตรนั้นร้องเพลงเถาได้มากกว่า 200 เพลง ซึ่งในปัจจุบันก็คงจะหายาก
 หลังจากที่ร้องเพลงเถาจนชำนาญ ครูดวงเนตร จึงได้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ กับ ครูละม่อม อิศรางกูร ณ อยุธยา เพื่อศึกษาและฝึกฝนการขับร้องเพลงหุ่นกระบอก เพราะครูละม่อม ในปัจจุบันซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เป็นนักร้องเพลงหุ่นกระบอกโดยตรง และมีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และที่สำคัญ คือครูละม่อมจะมีเทคนิคที่เป็นจุดเด่น คือการร้องที่เรียกว่า ร้องครวญ ที่ให้อารมณ์โศกเศร้าในบทโศก และครูละม่อมก็ได้ถ่ายทอดวิชาการขับร้องให้แก่ครูดวงเนตร อย่างมิได้ปิดบังจึงทำให้ ครูดวงเนตร เป็นนักร้องเพลงหุ่นกระบอกที่มีเทคนิคในการร้องบทโศกมากที่สุด และต่อจากนั้นครูดวงเนตร ก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ ครูเจริญใจ สุนทรวาทิน แต่จะเป็นลักษณะใด ชองการขับร้องเพลงหุ่นกระบอก คงต้องติดตามในฉบับหน้า ซึ่งเป็นฉบับที่ 3 หรือไตรภาคและตอนจบ   ไปล่ะครับ... สวัสดี
"ขุนอิน" 










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive