Saturday, April 17, 2010

เปิดโลกความหรูหราระดับตำนาน โรงแรมเคมปินสกี้

เปิดโลกความหรูหราระดับตำนาน โรงแรมเคมปินสกี้

Adlon Kempinskiอีกเพียงสองเดือนเศษเท่านั้น  ในเดือนมิถุนายนนี้ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ก็จะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ภายใต้แนวคิด Luxury City Resort และเพื่อให้เข้าถึงจิต วิญญาณที่แท้จริงของโรงแรมหรูระดับตำนาน ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 113 ปี ทางกลุ่มโรงแรมเคมปินสกี้จึงเชิญสื่อมวลชนชาวไทยเดินทางไปเยี่ยมชมความหรูหราประณีต และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของงานบริการสไตล์ ยุโรปแท้ๆ โดยตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา โรงแรมเคมปินสกี้ได้ ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ หน้าสำคัญนับไม่ถ้วน รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์ ด้านสถาปัตยกรรม ที่กลายเป็นแลนด์มาร์คของแต่ละประเทศ Ciragan Palace


จุดหมายปลายทางแรกที่ชาวคณะไปเยี่ยมชม คือ Emirates Palace Abu Dhabi โรงแรมสุดหรูแพงระยับที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอาบูดาบี เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปลายปี 2005 ลงทุนสร้างโดยรัฐบาลอาบูดาบี แต่อยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มโรงแรมเคมปินสกี้ ใช้งบก่อสร้างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 1,900 ล้านปอนด์ กินอาณาเขตกว้างขวางกว่า 850,000 ตารางเมตร อาคารภายนอกโรงแรมประกอบด้วยยอดโดม 114 หลัง แต่ละหลังมีความสูงถึง  60  เมตร  ส่วนภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนชั้นเลิศจากอิตาลี และเหลืองอร่ามไปด้วยทองคำแท้ๆทั่วทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ในห้องน้ำ ที่นี่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว และท่าจอดเรือส่วนตัว โดยทุกอย่างเนรมิตขึ้นใหม่หมดด้วยเงินจากการค้าน้ำมัน เหมือนที่เคยใช้เงินเนรมิตอาบูดาบีเมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อน เปลี่ยนโฉมหน้าจากเมืองทะเลทราย กลายเป็นเมืองทันสมัยที่สุด Emirates Palace
นอกเหนือจากห้องพัก 302 ห้อง และห้องสวีต 92 ห้อง ที่นี่ยังมีห้องสวีต สุดเอ็กซ์คลูซีฟ พาเลซ สวีต ไว้คอยบริการแขกเหรื่อระดับเวิลด์คลาส รวมถึงพระราชวงศ์ระดับสูง บุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก และผู้นำประเทศต่างๆ เหมาพื้นที่ยกฟลอร์ทั้งชั้น 6 และชั้น 7 ห้ามบุคคลภายนอกขึ้นมายุ่มย่ามเด็ดขาด โดยจะมีลิฟต์ส่วนตัวคอยให้บริการ และบัตเลอร์ส่วนตัวพร้อมให้เซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง


สำหรับห้องสวีตที่แพงที่สุด คือ Palace Grand Suite ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางถึง 7,319 ตารางฟุต ราคาตกคืนละเกือบ 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ-อเมริกา ภายในประกอบด้วยห้องนอนใหญ่ 3 ห้อง ห้องอาหารสุดเอเลแกนต์ และห้องโถงใหญ่ ประดับทองคำเหลืองอร่าม มีแชนเดอเลียคริสตัลสวารอฟสกี้ระยิบระยับ เป็นจุดเด่น เพิ่มความหรูหราอลังการ เสมือนหนึ่งกำลังพำนักอยู่ในพระราชวังหรูของเจ้าชายอาหรับจากเมืองอาบูดาบี  ชาวคณะเดินทางต่อไปยังกรุงอิสตันบูล  ประเทศตุรกี  ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพันหนึ่งราตรี เพื่อเยี่ยมชมความงดงามมีเสน่ห์ของ Ciragan Palace Kempinski Istanbul หนึ่งในโรงแรมที่โด่งดังมีชื่อเสียงที่สุดในเครือเคมปินสกี้ แม้ที่นี่จะหรูหราอลังการสู้ เอมิเรตส์ พาเลซ ไม่ได้ แต่ก็มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานน่าสนใจยิ่ง
โรงแรมแห่งนี้ดัดแปลงมาจากพระราชวังชีราอาน ซึ่งสุลต่านอับดุลอาซิส องค์ ประมุขแห่งอาณาจักร ออตโตมัน ทรงสร้างขึ้นในช่วงปี 1863-1867 ฝีมือการออกแบบของสถาปนิกชื่อดังชาวอาร์เมเนีย สมัยนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่สุลต่านออตโตมันจะต้องทรงสร้างพระราชวังของพระองค์เองขึ้นใหม่ แทนที่จะทรงใช้พระราชวังเดิมของสุลต่านองค์ก่อนๆ พระราชวังแห่งนี้สร้างในสไตล์บาร็อค โอบล้อมไปด้วยกำแพงหินอ่อน สีสันงดงามจับใจ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลด้านยุโรปของบอสฟอรัส ใจกลางกรุงอิสตันบูล มองเห็นทิวทัศน์บ้านเมืองของฝั่งโซนเอเชียได้แบบพาโนราม่า 360 องศา ใช้เวลาสร้าง และตกแต่งนานเกือบ 10 ปี แต่โชคร้ายที่องค์สุลต่านทรงมีโอกาสประทับในพระราชวังแห่งนี้เพียงไม่กี่ปีก็เสด็จสวรรคต เมื่อเข้าสู่ยุคปกครองของสุลต่านเมห์เม็ตที่ 5 ได้ทรงอนุญาตให้ใช้พระราชวังชีราอาน เป็นที่ประชุมรัฐสภา กระนั้นใช้งานได้สองเดือน พระราชวังแห่งนี้ก็ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ เมื่อปี 1910 เผาผลาญทุกอย่างจนวอดวาย เหลือเพียงแต่กำแพงหินอ่อนเป็นอนุสรณ์ต่างหน้า ภายหลังซากปรักหักพังของพระราชวังถูกดัดแปลงเป็นสนามฟุตบอลอยู่หลายปี กระทั่งปี 1989 มีนายทุนญี่ปุ่นควักกระเป๋าซื้อซากพระราชวังเก่า เพื่อบูรณะซ่อมแซมเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว พร้อมสร้างอาคารสมัยใหม่ เพิ่มเติมบนพื้นที่บริเวณสวน จนกลายเป็นโรงแรมชีราอาน พาเลซ เคมปินสกี้ อิสตันบูล ในปัจจุบัน การเดินทางเพื่อเยี่ยมชมกลุ่มโรงแรมเคมปินสกี้ คงจะสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าพลาดการเยือน Adlon Kempinski Berlin โรงแรมระดับตำนานในเครือเคมปินสกี้ ซึ่งได้ชื่อว่าหรูหราสง่างามที่สุดในโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1907 โดย มร. ลอเรนซ์ แอดลอน เศรษฐีพ่อค้าไวน์ และเจ้าของร้านอาหารหรู ในกรุงเบอร์ลิน เขา เลือกทำเลทองใจกลางเมืองในย่าน  Pariser  Platz  บนถนน  Unter  den  Linden เป็นที่ตั้งโรงแรม ตั้งอยู่ด้านขวามือของประตูบรานเดนบวร์ก ประตูเมืองเก่าแก่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเบอร์ลิน บนยอดประตูชัยมีรูปปั้นพระนางควอดริก้า ราชินีแห่งชัยชนะ ควบรถเทียมม้า 4 ตัว มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน ในมือถืออิสริยาภรณ์กางเขนเหล็ก กับพวงมาลัยใบมะกอก และนกอินทรี แสดงถึงพลานุภาพ ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งถึงสงคราม โลกครั้งที่สอง โรงแรมแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งใน โรงแรมหรูหราโด่งดังที่สุดของยุโรป ได้มีโอกาสต้อนรับบุคคลดังๆระดับโลกมากมาย ไล่ตั้งแต่ หลุยส์ บรู๊คส์, ชาร์ลี แชปลิน, เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์, โจเซฟิน เบเกอร์ และมาร์ลีน ดีทริช ซึ่งถ้าเส้นไม่ใหญ่จริงคงยึดทำเลทองระดับนี้ไม่ได้ เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางสถานทูตใหญ่ๆของชาติมหาอำนาจโลก ไม่ว่าจะเป็น สถานทูตอังกฤษ, อเมริกา, ฝรั่งเศส และอยู่ไม่ห่างจากทำเนียบรัฐบาล รวมถึงที่ทำการกระทรวงสำคัญๆ อย่างไรก็ดี แม้จะรอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ในปี 1945 โรงแรมหรูต้องจมอยู่ในกองเพลิง เพราะอุบัติเหตุจากความเมามายของทหารโซเวียต หลังสิ้นสุดสงครามโลก มีความพยายามบูรณะซ่อมแซมโรงแรมขึ้นใหม่หลายครั้ง จนกระทั่งกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายในปี 1990 จึงเปิดโอกาสให้นายทุนใหม่จากเยอรมันตะวันตกเข้าซื้อกิจการ และสร้างโรงแรมแอดลอนขึ้นใหม่บนทำเลที่ตั้งเดิม ในปี 1997 ภายใต้ยุคใหม่มีการเนรมิตห้องสวีตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ขึ้นเฉพาะอีก 3 ห้อง เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมือง โดยสุดยอดของห้องสวีต หรูต้องยกให้   Adlon Royal    Suite    ซึ่งขึ้น ชื่อว่าเป็นห้องสวีตที่ปลอดภัยที่สุดในโลก    มีการติดตั้งระบบซีเคียวริตี้ ป้องกันแน่นหนามาก และยังมีบริการบอดี้การ์ดส่วน ตัวโชเฟอร์ส่วนตัวพร้อมรถลีมูซีน และลิฟต์ขึ้นลงส่วนตัว 2 ตัว ที่เชื่อมต่อไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินโดยตรง ราคาความหรูหราระดับนี้ ตกคืนละ 20,000 ยูโร คิดเป็นเงินไทย 9 แสนบาท!!

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive