5 ทีมดีไซน์เลือดใหม่ ไอเดียบรรเจิด
คมชัดลึก : เวทีการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดยังก์ดีไซเนอร์ไทยหน้าใหม่ในโครงการ คอตตอน ยูเอสเอ ดีไซน์ ชาเลนจ์ 2010 ในแนวคิด ยูเอส คอตตอน ออน เดอะ เรด คาร์เปต กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เมื่อการแข่งขันมาถึงรอบ Sketch Screening Day ซึ่งเป็นรอบที่คณะกรรมการจะคัดเลือกผลงานการออกแบบเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของทีมผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดให้เหลือ 5 ทีมสุดท้ายเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป
ไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ประเทศไทย กล่าวว่าในรอบนี้ เป็นกิจกรรมต่อเนื่องมาจากกิจกรรม “โอเรนเทชั่น เดย์” ของโครงการฯ ซึ่งทีมผู้เข้าแข่งขันจากสถาบันต่างๆ จะต้องส่งผลงานการออกแบบชุดราตรีในรูปแบบ เรดี้ ทู แวร์ คัลเจอร์ (Ready-to-Wear Couture) หรือชุดราตรีสำหรับสุภาพสตรีที่มีความหรูหราแต่สามารถสวมใส่ออกงานได้จริง พร้อมกับนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณาคัดเลือกผลงานของน้องๆ ที่มีความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ และความเหมาะสมกับโจทย์ที่คอตตอน ยูเอสเอ ตั้งไว้
สำหรับ 5 ทีมที่ฝีมือเข้าตาคณะกรรมการ ได้แก่ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษมบัณฑิต ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (พระนครใต้) และ ม.รังสิต ซึ่งทั้งหมดจะมีโอกาสได้นำผลงานการออกแบบและตัดเย็บชุดมาให้เหล่านางแบบชั้นนำของเมืองไทยได้สวมใส่ในวันคอตตอน เดย์ ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านกูรูแฟชั่น "แมน" กวี ลักษณะสกุลชัย สไตลิสต์ชื่อดังจากนิตยสารแพรว พูดถึงผลงานของน้องๆ ในแต่ละทีมว่า มีการเตรียมตัวที่ดี ส่วนใหญ่จะนำข้อเสนอแนะที่คณะกรรมการให้ไปในรอบแรกไปพัฒนา ต่อยอด และปรับใช้กับการออกแบบชุดได้ดีขึ้น สอดคล้องกับมุมมองของ "ต่าย" ธีระ ฉันทสวัสดิ์ ดีไซเนอร์จากห้องเสื้อ T-Ra ที่ยอมรับว่า ภาพรวมผลงานอยู่ในเกณฑ์ดี แต่สิ่งสำคัญที่จะแนะเพิ่มเติม คือการทำงานเป็นทีมมีความสำคัญมาก แต่ละคนในทีมต้องช่วยกันเสนอความคิดเห็น เพื่อให้ตกผลึกจนได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะการจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ดีนั้น จำเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ขณะเดียวกันก็ควรมีจุดยืนของตัวเองด้วย ถึงจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีคุณภาพ และได้รับการยอมรับ
มาฟังน้องๆ เจ้าของผลงานบรรเจิดที่ผ่านเข้ารอบมาได้ ธีรพันธ์ ฉุนราชา เฉลิมศักดิ์ โชคลาภ และ ณัฐพร ยิ่งยงวัฒนกุล ตัวแทนจาก ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (พระนครใต้) บอกว่า ผลงานการออกแบบในคอนเซ็ปต์ “Holy Thread” นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นฝ้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นไม้จากพุทธประวัติที่คนสมัยก่อนนำเส้นใยมาเข้าเกลียวกันจนเกิดเป็นเส้นด้าย “สายสิญจน์” ใช้ผูกข้อมือเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงร้อยเรียงเรื่องราวที่ว่าด้วยความเชื่อของชาวพุทธและถ่ายทอดออกมาผ่านการออกแบบลวดลายบนเสื้อผ้า
ขณะที่ สุภัสสร เทียมศักดิ์ และ สมสิทธิ์ แซ่ลี้ จากฟาก ม.เกษมบัณฑิต กล่าวถึงที่มาของการค้นหาแนวคิดและแรงบันดาลใจสำหรับออกแบบเสื้อผ้าในการประกวดว่า ใช้วิธี mind mapping ซึ่งทำให้ได้แนวคิดมากมาย จนสุดท้ายเลือกผีเสื้อราตรี ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่ความสวยงาม เปรียบได้กับผู้หญิงทุกคนที่ต้องการความโดดเด่นเมื่อสวมชุดราตรี
หลังจากจบการแข่งขันในรอบนี้แล้ว ทั้ง 5 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คงต้องใช้เวลาอย่างคุ้มค่า และสร้างสรรค์การตัดเย็บชุดจากการออกแบบอย่างประณีต เพื่อทำให้ผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคณะกรรมการ จนสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติไปครอง
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Thursday, April 29, 2010
สครับรับสุดสัปดาห์
สครับรับสุดสัปดาห์
คมชัดลึก : สุดสัปดาห์แบบนี้มาผลัดเซลล์ผิวกันหน่อยดีกว่า ส่วนผสมของสครับฉบับโฮมเมดนี้ก็ไม่ยากเลยสักนิด
มีเพียงน้ำตาลทราย 1 ถ้วย โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ถ้วย และแชมเปญราคาถูกสัก 1/4 ถ้วย นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาขัดผิว น้ำตาลจะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระจากองุ่นในแชมเปญ จะช่วยซ่อมแซมผิวในส่วนที่เสียหายได้ดีทีเดียวล่ะ เท่านี้ผิวพรรณก็จะเนียนนุ่มขึ้นแล้วล่ะ
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก : สุดสัปดาห์แบบนี้มาผลัดเซลล์ผิวกันหน่อยดีกว่า ส่วนผสมของสครับฉบับโฮมเมดนี้ก็ไม่ยากเลยสักนิด
มีเพียงน้ำตาลทราย 1 ถ้วย โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ถ้วย และแชมเปญราคาถูกสัก 1/4 ถ้วย นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาขัดผิว น้ำตาลจะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระจากองุ่นในแชมเปญ จะช่วยซ่อมแซมผิวในส่วนที่เสียหายได้ดีทีเดียวล่ะ เท่านี้ผิวพรรณก็จะเนียนนุ่มขึ้นแล้วล่ะ
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
INSIDE SLS ENGINE
INSIDE SLS ENGINE
เครื่องยนต์V8รหัสM159ของSLS AMG นวัตกรรมจากเยอรมันชิ้นล่าสุดท่ีประจำการอยู่ภายใต้ฝากระโปรงของรถสปอร์ตที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในปี 2010 แท่ง โลหะรูปทรงประหลาดขนาดความยาวเกือบ 40 นิ้ว น้ำหนัก 206 กิโลกรัม พื้นผิวมีส่วนประกอบของอลูมิเนียม เหล็กและวัสดุประเภทโลหะผสมพิเศษ ทั้งหมดถูกประกอบขึ้นด้วยมือของมนุษย์เพื่อให้มันกลายเป็นหัวใจสำคัญของการ ขับเคลื่อนที่เปี่ยมไปด้วยสมถรรนะอันเลอเลิศภายใต้เลขรหัส M159 และนี่คือหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ Mercedes Benz ที่ประจำการอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของรถ SLS AMG งานศิลป์ที่เหนี่ยวนำเอาอานุภาพแห่งพลังและวิศวกรรมชั้นเยี่ยมจากสมองของ ช่างเครื่องยนต์ในสำนักงาน AMG
รถ Mercedes Benz SLS AMG สปอร์ตซุปเปอร์คาร์ประตูปีกนกคันล่าสุดของค่ายดาวสามแฉกมีต้นกำลังเป็น เครื่องยนต์รูปตัว V ขนาด 8 สูบ ปริมาตรความจุ 6.3 ลิตร ซึ่งเกิดจากการคิดค้น พัฒนาและทดสอบอย่างพิถีพิถันภายใต้การควบคุมดูแลของ Friedrich Eichler หัวหน้าทีมวิศวกรที่พัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของแผนก AMG โดยใช้เวลาในการทดสอบและสร้างถึง 3 ปีกว่าจะได้สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นงานคิลป์ชั้นเยี่ยมในโลกแห่งยนต์กรรม พลังทั้งหมดของเครื่องยนต์รหัส M159 เกิดขึ้นจากปฎิกิริยาที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วภายในตัวเครื่องเมื่อมันดูด อากาศผ่านท่อไอดี อากาศที่ถูกดูดเข้าไปเพื่อเผาไหม้ร่วมกับเชื้อเพลิงแล้วจุดระเบิดออกมาเป็น พลังงานมีความเร็วบริเวณท่อทางเดินของอากาศสูงถึง 580 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากการตรวจจับของเซนเซอร์ในช่วงทดสอบซึ่งแจ้งข้อมูลเป็น ตัวเลขและกราฟลงบนจอมอนิเตอร์ที่เหล่าพ่อมดของแผนก AMG จ้องดูอยู่ในช่วงของการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในทุกสภาวะของการทำงาน ที่รอบเครื่องยนต์สูงสุด 7200 รอบต่อนาที M159 จะดูดกินอากาศปริมาณถึง 22 ลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว
ลองจินตนาการถึงห้องเผา ไหม้ที่ต้องทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 2500 เซลเซียสในการจุดระเบิดนับครั้งไม่ถ้วน ระบบจ่ายเชื้อเพลิงเกิดจากการทำงานของหัวฉีดที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำ พร้อมกับจังหวะของการฉีดจ่ายน้ำมัน 28,800 ครั้งต่อนาทีหรือเท่ากับตัวเลข 480 ครั้งต่อวินาที แต่ละหัวฉีดจะพ่นละอองของน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 480 มิลลิกรัมเข้าสู่ห้องเผาไหม้และก่อให้เกิดกระบวนการลุกไหม้ที่ระดับความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและผลักดันอุณหภูมิภายในห้องเผาไหม้ให้ร้อนราวไฟจากนรก โลกันต์ ท่ามกลางสภาวะที่สุดขั้วนี้ชุดของวาว์ลจะทำงานอย่างแม่นยำและทนทานต่อความ ร้อนสะสมที่เกิดขึ้นภายใต้วัสดุโลหะผสมพิเศษที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นส่วนประกอบ ภายในของเครื่อง M159 เพลาลูกเบี้ยวทั้ง 4 ตัวที่แต่ละเพลาจะมีลูกเบี้ยว 8 ตัวและวาว์ลทั้ง 32 ตัวจะทำงานพร้อมกันด้วยการเลื่อนขึ้น-ลงในอัตราส่วน 60 ครั้งต่อวินาที ลูกเบี้ยวแต่ละตัวของเพลาที่หมุนอย่างรวดเร็วและรุนแรงภายใต้เครื่องยนต์น้ำ หนัก 230 กิโลกรัม ชิ้นส่วนประกอบของเครื่องยนต์ทำจากโลหะซึ่งมีทั้งอลูมินัมอัลลอยและ เหล็กกล้านำมาเคลือบทับด้วยสารป้องกันการสึกหรอในขั้นตอนของการผลิต เครื่องยนต์เพื่อให้มันมีความคงทนและสามารถรองรับแรงกระทำที่เกิดจากแรงใน ลักษณะต่างๆรวมถึงอุณหภูมิที่มีค่าแปรผันอยู่ตลอดเวลา
ส่วนพิเศษของการวิเคราะห์คือส่วนประกอบของลูกสูบที่วิศวกรของ AMG จะต้องทำให้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างลูกสูบทำงานภายใต้สภาวะที่กดดันและเสี่ยง ต่อการเสียหายโดยใช้ความละเอียดรอบคอบในการคำนวนแล้วสร้างลูกสูบที่มีความ เบาเป็นพิเศษแต่มีความแข็งแกร่ง ลูกสูบแต่ละตัวรวมถึงแหวนและสลักสูบจะมีน้ำหนักเพียง 544 กรัม ทำหน้าที่เคลื่อนที่่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วภายในกระบอกสูบถึง 120 ครั้งต่อวินาที ความเร็วในการเคลื่อนที่ของลูกสูบนี้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าลอง จินตนาการถึงตำแหน่งที่ตรงกันข้ามในกระบอกสูบเช่น ด้านบนหรือด้านล่างของตำแหน่งศูนย์ตาย ลูกสูบที่อยู่ในตำแหน่งต่ำสุดจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วถึง 120 ครั้งต่อวินาที การเคลื่อนที่ของมันมีความยาวเพียง9.46เซนติเมตรในเครื่องยนต์ของSLS AMGโดยแต่ละลูกสูบจะเคลื่อนที่ด้วยตัวเลขที่มากกว่า3000คูณด้วยความเร็วของ แรงโน้มถ่วงในช่วงมิลลิเมตรแรก หลังจากหนึ่งในสี่พันส่วนของวินาทีก็จะหยุดการทำงานลงทันทีทันใด และส่งต่อแรงมหาศาลที่เกิดจากการลดความเร็วไปยังก้านสูบและเมนแบริ่ง ส่วนประกอบต่างๆทีอยู่ภายในเครื่องยนต์ M159 จะต้องทนทานต่อแรงดันที่ได้จากการคำนวนถึง 2.5 ตัน 120 ครั้งใน1วินาที เทียบเท่าอัตราส่วนของผู้ขับขี่ที่จะต้องแบกน้ำหนักประมาณ 320 ตันเอาไว้บนบ่าแล้วออกวิ่งไปพร้อมกันเลยทีเดียว
การ ทำงานที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพของวาว์ลบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่เกิดขึ้น ในแผนกAMGเพื่อผลักดันในมันขึ้นถึงจุดสูงสุดของสมถรรนะและความคงทน วิศวกรของบริษััทต่างช่วยกันคิดค้นแนวทางที่จะทำให้เครื่องยนต์ตัวนี้มีความ แข็งแกร่งและทำงานภายใต้ขอบเขตที่จำกัดโดยไม่เสียหาย แรงมหาศาลที่เกิดขึ้นกับชิ้นส่วนต่างๆนั้นจะถูกดูดซับด้วยความแข็งแรงของ ชิ้นส่วนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสามารถรองรับได้ทั้งแรงกดดัน แรงเค้นหรือแรงบิดที่เข้ามากระทำในมุมที่แตกต่างกันออกไปแม้จะอยู่ภายใต้ อุณหภูมิที่สุดขั้วก็ตามและจะมีความทนทานตลอดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนจนกว่าจะถึงระยะเวลาของการเข้า รับบริการที่กำหนดไว้อย่างละเอียด เวลากว่า 600 ชั่วโมงในการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในทุกสภาวะเป็นการทดสอบที่ เครื่องยนต์M159 จะต้องแบกรับภาระที่เป็นน้ำหนักบรรทุกอย่างเต็มพิกัดและใช้รอบเครื่องยนต์ใน ตำแหน่งที่ใกล้กับจุดสูงสุดเป็นเวลานานกว่า 60 % ของเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในสภาวะการที่แตกต่าง กันออกไป
ทุกชิ้นส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นตัว เครื่อง M159 จะต้องผ่านการพัฒนาตามมาตรฐานของแผนกAMG และผ่านทดสอบความแข็งแกร่งทนทานซึ่งไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่งปั้มน้ำที่ทำ หน้าที่ส่งน้ำหล่อเย็นไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ปั้มน้ำของเครื่องM159มีกำลังขับ1.8กิโลวัตต์ สามารถทำการส่งน้ำปริมาณถึง4ลิตรในทุกๆวินาที การทำงานของมันเพียงแค่1ชั่วโมงสามารถเติมน้ำให้กับสระว่ายน้ำขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 4 เมตรลึก1.5 เมตรให้เต็มได้อย่างสบาย ส่วนก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้จะออกจากเครื่องยนต์ในอุณหภูมิและความเร็วที่ สูงถึง 900 องศาเซลเซียสและมีความเร็วเท่ากับ1.3คูณด้วยความเร็วของเสียง ความร้อนมหาศาลของก๊าซที่เกิดขึ้นในขั้นตอนของกระบวนการเผาไหม้สามารถ หลอมเหลวตะกั่วหรืออลูมิเนียมที่ปะปนอยู่ในก๊าซไอเสียที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว เข้าสู่ท่อแคตตาไลติคคอนเวอร์เตอร์ 4 ตัวซึ่งมีการทำงานเทียบเท่ากับพื้นผิวประมาณ120,000 ตารางเมตรหรือครอบคลุมพื้นที่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานประมาณ 17 สนามเลยทีเดียว
การตรวจสอบและกำหนดการ ทำงานของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์รหัสM159ที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูง เป็นหน้าที่ของระบบอิเล็คโทรนิคที่ควบคุมการทำงานของทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและการปรับแต่งช่วงล่าง แม้จะเป็นเพียงแค่กล่องอลูมิเนียมเล็กๆแต่การทำงานของมันถูกโปรแกรมให้ ปราศจากข้อผิดพลาดใดๆทั้งปวงที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากความร้อนและความชื้น สมองกลไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรของแผนกAMGสามารถทำการคำนวนค่าต่างๆแล้ว ประมวลผลเพื่อสั่งงานได้ถึง58ล้านครั้งต่อวินาทีเทียบเท่าหรือมีประสิทธิภาพ มากกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ระบบสมองกลดังกล่าวจะมีการทำงานที่ครอบคลุมทั้งระบบของการขับขี่ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัต ระบบเบรคป้องกันการลื่นไถลและการปรับระดับความสูง-ต่ำของตัวรถ เครื่องยนต์V8รหัส M159 ตัวนี้มีจะอายุการใช้งานยาวนานประมาณ250,000กิโลเมตรซึ่งเป็นตัวเลขของการ ใช้งานเครื่องยนต์ในขั้นต่ำสุดเท่านั้น
สมถรรนะ ในการทำความเร็วจาก0-100เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มีรถน้อยคันที่จะปราบSLS AMGเครื่องยนต์V8ด้วยกลยุทธทางเทคนิคของกลไกกับประตูเปิดออกแบบปีกนกที่ ทำให้ย้อนรำลึกไปยังเหตุการณ์ในอดีต บนความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในสนามแข่งของยุค50-60ส่งต่อพันธุ์กรรมอย่างคง เส้นคงวา รูปทรงที่พิเศษของตัวรถ การทำความเร็วและการเกาะยึดเหล่านี้คือความสมบูรณ์แบบที่Mercedes Benzบรรจงสร้างสรรค์ให้กับรถสปอร์ตอย่างSLS AMGเอกสารอ้างอิง-Mercedes Benz Magazine 01-2010arcom roumsuwanE-Mail chang.arcom@thairath.co.thPhoto Bywww.amgforums.comwww.autocar-show.blogspot.com
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เครื่องยนต์V8รหัสM159ของSLS AMG นวัตกรรมจากเยอรมันชิ้นล่าสุดท่ีประจำการอยู่ภายใต้ฝากระโปรงของรถสปอร์ตที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในปี 2010 แท่ง โลหะรูปทรงประหลาดขนาดความยาวเกือบ 40 นิ้ว น้ำหนัก 206 กิโลกรัม พื้นผิวมีส่วนประกอบของอลูมิเนียม เหล็กและวัสดุประเภทโลหะผสมพิเศษ ทั้งหมดถูกประกอบขึ้นด้วยมือของมนุษย์เพื่อให้มันกลายเป็นหัวใจสำคัญของการ ขับเคลื่อนที่เปี่ยมไปด้วยสมถรรนะอันเลอเลิศภายใต้เลขรหัส M159 และนี่คือหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ Mercedes Benz ที่ประจำการอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของรถ SLS AMG งานศิลป์ที่เหนี่ยวนำเอาอานุภาพแห่งพลังและวิศวกรรมชั้นเยี่ยมจากสมองของ ช่างเครื่องยนต์ในสำนักงาน AMG
รถ Mercedes Benz SLS AMG สปอร์ตซุปเปอร์คาร์ประตูปีกนกคันล่าสุดของค่ายดาวสามแฉกมีต้นกำลังเป็น เครื่องยนต์รูปตัว V ขนาด 8 สูบ ปริมาตรความจุ 6.3 ลิตร ซึ่งเกิดจากการคิดค้น พัฒนาและทดสอบอย่างพิถีพิถันภายใต้การควบคุมดูแลของ Friedrich Eichler หัวหน้าทีมวิศวกรที่พัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของแผนก AMG โดยใช้เวลาในการทดสอบและสร้างถึง 3 ปีกว่าจะได้สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นงานคิลป์ชั้นเยี่ยมในโลกแห่งยนต์กรรม พลังทั้งหมดของเครื่องยนต์รหัส M159 เกิดขึ้นจากปฎิกิริยาที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วภายในตัวเครื่องเมื่อมันดูด อากาศผ่านท่อไอดี อากาศที่ถูกดูดเข้าไปเพื่อเผาไหม้ร่วมกับเชื้อเพลิงแล้วจุดระเบิดออกมาเป็น พลังงานมีความเร็วบริเวณท่อทางเดินของอากาศสูงถึง 580 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากการตรวจจับของเซนเซอร์ในช่วงทดสอบซึ่งแจ้งข้อมูลเป็น ตัวเลขและกราฟลงบนจอมอนิเตอร์ที่เหล่าพ่อมดของแผนก AMG จ้องดูอยู่ในช่วงของการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในทุกสภาวะของการทำงาน ที่รอบเครื่องยนต์สูงสุด 7200 รอบต่อนาที M159 จะดูดกินอากาศปริมาณถึง 22 ลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว
ลองจินตนาการถึงห้องเผา ไหม้ที่ต้องทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 2500 เซลเซียสในการจุดระเบิดนับครั้งไม่ถ้วน ระบบจ่ายเชื้อเพลิงเกิดจากการทำงานของหัวฉีดที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำ พร้อมกับจังหวะของการฉีดจ่ายน้ำมัน 28,800 ครั้งต่อนาทีหรือเท่ากับตัวเลข 480 ครั้งต่อวินาที แต่ละหัวฉีดจะพ่นละอองของน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 480 มิลลิกรัมเข้าสู่ห้องเผาไหม้และก่อให้เกิดกระบวนการลุกไหม้ที่ระดับความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและผลักดันอุณหภูมิภายในห้องเผาไหม้ให้ร้อนราวไฟจากนรก โลกันต์ ท่ามกลางสภาวะที่สุดขั้วนี้ชุดของวาว์ลจะทำงานอย่างแม่นยำและทนทานต่อความ ร้อนสะสมที่เกิดขึ้นภายใต้วัสดุโลหะผสมพิเศษที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นส่วนประกอบ ภายในของเครื่อง M159 เพลาลูกเบี้ยวทั้ง 4 ตัวที่แต่ละเพลาจะมีลูกเบี้ยว 8 ตัวและวาว์ลทั้ง 32 ตัวจะทำงานพร้อมกันด้วยการเลื่อนขึ้น-ลงในอัตราส่วน 60 ครั้งต่อวินาที ลูกเบี้ยวแต่ละตัวของเพลาที่หมุนอย่างรวดเร็วและรุนแรงภายใต้เครื่องยนต์น้ำ หนัก 230 กิโลกรัม ชิ้นส่วนประกอบของเครื่องยนต์ทำจากโลหะซึ่งมีทั้งอลูมินัมอัลลอยและ เหล็กกล้านำมาเคลือบทับด้วยสารป้องกันการสึกหรอในขั้นตอนของการผลิต เครื่องยนต์เพื่อให้มันมีความคงทนและสามารถรองรับแรงกระทำที่เกิดจากแรงใน ลักษณะต่างๆรวมถึงอุณหภูมิที่มีค่าแปรผันอยู่ตลอดเวลา
ส่วนพิเศษของการวิเคราะห์คือส่วนประกอบของลูกสูบที่วิศวกรของ AMG จะต้องทำให้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างลูกสูบทำงานภายใต้สภาวะที่กดดันและเสี่ยง ต่อการเสียหายโดยใช้ความละเอียดรอบคอบในการคำนวนแล้วสร้างลูกสูบที่มีความ เบาเป็นพิเศษแต่มีความแข็งแกร่ง ลูกสูบแต่ละตัวรวมถึงแหวนและสลักสูบจะมีน้ำหนักเพียง 544 กรัม ทำหน้าที่เคลื่อนที่่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วภายในกระบอกสูบถึง 120 ครั้งต่อวินาที ความเร็วในการเคลื่อนที่ของลูกสูบนี้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าลอง จินตนาการถึงตำแหน่งที่ตรงกันข้ามในกระบอกสูบเช่น ด้านบนหรือด้านล่างของตำแหน่งศูนย์ตาย ลูกสูบที่อยู่ในตำแหน่งต่ำสุดจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วถึง 120 ครั้งต่อวินาที การเคลื่อนที่ของมันมีความยาวเพียง9.46เซนติเมตรในเครื่องยนต์ของSLS AMGโดยแต่ละลูกสูบจะเคลื่อนที่ด้วยตัวเลขที่มากกว่า3000คูณด้วยความเร็วของ แรงโน้มถ่วงในช่วงมิลลิเมตรแรก หลังจากหนึ่งในสี่พันส่วนของวินาทีก็จะหยุดการทำงานลงทันทีทันใด และส่งต่อแรงมหาศาลที่เกิดจากการลดความเร็วไปยังก้านสูบและเมนแบริ่ง ส่วนประกอบต่างๆทีอยู่ภายในเครื่องยนต์ M159 จะต้องทนทานต่อแรงดันที่ได้จากการคำนวนถึง 2.5 ตัน 120 ครั้งใน1วินาที เทียบเท่าอัตราส่วนของผู้ขับขี่ที่จะต้องแบกน้ำหนักประมาณ 320 ตันเอาไว้บนบ่าแล้วออกวิ่งไปพร้อมกันเลยทีเดียว
การ ทำงานที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพของวาว์ลบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่เกิดขึ้น ในแผนกAMGเพื่อผลักดันในมันขึ้นถึงจุดสูงสุดของสมถรรนะและความคงทน วิศวกรของบริษััทต่างช่วยกันคิดค้นแนวทางที่จะทำให้เครื่องยนต์ตัวนี้มีความ แข็งแกร่งและทำงานภายใต้ขอบเขตที่จำกัดโดยไม่เสียหาย แรงมหาศาลที่เกิดขึ้นกับชิ้นส่วนต่างๆนั้นจะถูกดูดซับด้วยความแข็งแรงของ ชิ้นส่วนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสามารถรองรับได้ทั้งแรงกดดัน แรงเค้นหรือแรงบิดที่เข้ามากระทำในมุมที่แตกต่างกันออกไปแม้จะอยู่ภายใต้ อุณหภูมิที่สุดขั้วก็ตามและจะมีความทนทานตลอดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนจนกว่าจะถึงระยะเวลาของการเข้า รับบริการที่กำหนดไว้อย่างละเอียด เวลากว่า 600 ชั่วโมงในการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในทุกสภาวะเป็นการทดสอบที่ เครื่องยนต์M159 จะต้องแบกรับภาระที่เป็นน้ำหนักบรรทุกอย่างเต็มพิกัดและใช้รอบเครื่องยนต์ใน ตำแหน่งที่ใกล้กับจุดสูงสุดเป็นเวลานานกว่า 60 % ของเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในสภาวะการที่แตกต่าง กันออกไป
ทุกชิ้นส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นตัว เครื่อง M159 จะต้องผ่านการพัฒนาตามมาตรฐานของแผนกAMG และผ่านทดสอบความแข็งแกร่งทนทานซึ่งไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่งปั้มน้ำที่ทำ หน้าที่ส่งน้ำหล่อเย็นไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ปั้มน้ำของเครื่องM159มีกำลังขับ1.8กิโลวัตต์ สามารถทำการส่งน้ำปริมาณถึง4ลิตรในทุกๆวินาที การทำงานของมันเพียงแค่1ชั่วโมงสามารถเติมน้ำให้กับสระว่ายน้ำขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 4 เมตรลึก1.5 เมตรให้เต็มได้อย่างสบาย ส่วนก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้จะออกจากเครื่องยนต์ในอุณหภูมิและความเร็วที่ สูงถึง 900 องศาเซลเซียสและมีความเร็วเท่ากับ1.3คูณด้วยความเร็วของเสียง ความร้อนมหาศาลของก๊าซที่เกิดขึ้นในขั้นตอนของกระบวนการเผาไหม้สามารถ หลอมเหลวตะกั่วหรืออลูมิเนียมที่ปะปนอยู่ในก๊าซไอเสียที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว เข้าสู่ท่อแคตตาไลติคคอนเวอร์เตอร์ 4 ตัวซึ่งมีการทำงานเทียบเท่ากับพื้นผิวประมาณ120,000 ตารางเมตรหรือครอบคลุมพื้นที่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานประมาณ 17 สนามเลยทีเดียว
การตรวจสอบและกำหนดการ ทำงานของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์รหัสM159ที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูง เป็นหน้าที่ของระบบอิเล็คโทรนิคที่ควบคุมการทำงานของทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและการปรับแต่งช่วงล่าง แม้จะเป็นเพียงแค่กล่องอลูมิเนียมเล็กๆแต่การทำงานของมันถูกโปรแกรมให้ ปราศจากข้อผิดพลาดใดๆทั้งปวงที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากความร้อนและความชื้น สมองกลไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรของแผนกAMGสามารถทำการคำนวนค่าต่างๆแล้ว ประมวลผลเพื่อสั่งงานได้ถึง58ล้านครั้งต่อวินาทีเทียบเท่าหรือมีประสิทธิภาพ มากกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ระบบสมองกลดังกล่าวจะมีการทำงานที่ครอบคลุมทั้งระบบของการขับขี่ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัต ระบบเบรคป้องกันการลื่นไถลและการปรับระดับความสูง-ต่ำของตัวรถ เครื่องยนต์V8รหัส M159 ตัวนี้มีจะอายุการใช้งานยาวนานประมาณ250,000กิโลเมตรซึ่งเป็นตัวเลขของการ ใช้งานเครื่องยนต์ในขั้นต่ำสุดเท่านั้น
สมถรรนะ ในการทำความเร็วจาก0-100เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มีรถน้อยคันที่จะปราบSLS AMGเครื่องยนต์V8ด้วยกลยุทธทางเทคนิคของกลไกกับประตูเปิดออกแบบปีกนกที่ ทำให้ย้อนรำลึกไปยังเหตุการณ์ในอดีต บนความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในสนามแข่งของยุค50-60ส่งต่อพันธุ์กรรมอย่างคง เส้นคงวา รูปทรงที่พิเศษของตัวรถ การทำความเร็วและการเกาะยึดเหล่านี้คือความสมบูรณ์แบบที่Mercedes Benzบรรจงสร้างสรรค์ให้กับรถสปอร์ตอย่างSLS AMGเอกสารอ้างอิง-Mercedes Benz Magazine 01-2010arcom roumsuwanE-Mail chang.arcom@thairath.co.thPhoto Bywww.amgforums.comwww.autocar-show.blogspot.com
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
รพ.จุฬาฯทยอยย้ายผู้ป่วยในไปรพ.ศิริราช
รพ.จุฬาฯทยอยย้ายผู้ป่วยในไปรพ.ศิริราช
คมชัดลึก :โรงพยาบาลจุฬาฯ ทยอยย้ายผู้ป่วยในไป โรงพยาบาลศิริราช เพื่อความปลอดภัยแล้ว
(30เม.ย.) รศ.น.พ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบางส่วน ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แทน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและญาติ หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดง บุกเข้ามาตรวจค้นโรงพยาบาลเมื่อกลางดึก โดยอ้างว่ามีกำลังทหารซ่องซุ่มอยู่ภายในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อป้องกันความปลอดภัย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ปกติ และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย รวมทั้งโรงพยาบาลไม่แน่ใจว่า หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะสามารถดูแลความปลอดภัยผู้ป่วยได้ทั่วถึงหรือไม่
ขณะนี้มีผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 500 ราย จะทยอยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกว่า 250 คน ไปโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้ประ สานกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชให้ช่วยเหลือรับผู้ป่วยดังกล่าว ตามที่จะสามารถรองรับได้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนั้น จะสอบถามความสมัครใจของญาติผู้ป่วยและตัวผู้ป่วยว่าจะยินยอมย้ายหรือไม่ แต่หากผู้ใด ประสงค์จะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย
และหากในเวลา 09.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง จะเข้ามาทำการตรวจค้นโรงพยาบาลอีกนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินงาน
ล่าสุดมีรายงานว่าโรงพยาบาลจุฬา ได้ย้ายคนไข้ออกไปทั้งหมดแล้ว โดยผู้ป่วยหนัก นำไปไว้ที่รพ.ศิริราช ส่วนที่เหลือไปโรงพยาบาลข้างเคียง เนื่องจากกลัวว่ากลุ่มเสื้อแดงอาจมาก่อเหตุรุนแรงหรือวางระเบิด กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อคณะแพทย์ ผู้ป่วย รวมทั้งญาติ โดยกลุ่มเสื้อแดง ได้ปิดกั้นไม่ให้นำผู้ป่วยส่งห้องฉุกเฉินด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง"พายัพ"นำการ์ดค้นรพ.จุฬาอ้างมีทหารAlJazeeraโชว์คลิปมือปืนดำร่วมแดงจับจ.ส.ต.ปริญญาพันM79ปัดไม่เกี่ยวข้องแดง พ่อ-แม่พลทหารเหยื่อแดงปะทะจนท.เตรียมรับศพลูก"มาร์ค"ฉุนการ์ดนปช.ค้นรพ.จุฬาเหตุรอนสิทธิ์
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก :โรงพยาบาลจุฬาฯ ทยอยย้ายผู้ป่วยในไป โรงพยาบาลศิริราช เพื่อความปลอดภัยแล้ว
(30เม.ย.) รศ.น.พ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบางส่วน ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แทน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและญาติ หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดง บุกเข้ามาตรวจค้นโรงพยาบาลเมื่อกลางดึก โดยอ้างว่ามีกำลังทหารซ่องซุ่มอยู่ภายในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อป้องกันความปลอดภัย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ปกติ และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย รวมทั้งโรงพยาบาลไม่แน่ใจว่า หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะสามารถดูแลความปลอดภัยผู้ป่วยได้ทั่วถึงหรือไม่
ขณะนี้มีผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 500 ราย จะทยอยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกว่า 250 คน ไปโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้ประ สานกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชให้ช่วยเหลือรับผู้ป่วยดังกล่าว ตามที่จะสามารถรองรับได้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนั้น จะสอบถามความสมัครใจของญาติผู้ป่วยและตัวผู้ป่วยว่าจะยินยอมย้ายหรือไม่ แต่หากผู้ใด ประสงค์จะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย
และหากในเวลา 09.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง จะเข้ามาทำการตรวจค้นโรงพยาบาลอีกนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินงาน
ล่าสุดมีรายงานว่าโรงพยาบาลจุฬา ได้ย้ายคนไข้ออกไปทั้งหมดแล้ว โดยผู้ป่วยหนัก นำไปไว้ที่รพ.ศิริราช ส่วนที่เหลือไปโรงพยาบาลข้างเคียง เนื่องจากกลัวว่ากลุ่มเสื้อแดงอาจมาก่อเหตุรุนแรงหรือวางระเบิด กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อคณะแพทย์ ผู้ป่วย รวมทั้งญาติ โดยกลุ่มเสื้อแดง ได้ปิดกั้นไม่ให้นำผู้ป่วยส่งห้องฉุกเฉินด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง"พายัพ"นำการ์ดค้นรพ.จุฬาอ้างมีทหารAlJazeeraโชว์คลิปมือปืนดำร่วมแดงจับจ.ส.ต.ปริญญาพันM79ปัดไม่เกี่ยวข้องแดง พ่อ-แม่พลทหารเหยื่อแดงปะทะจนท.เตรียมรับศพลูก"มาร์ค"ฉุนการ์ดนปช.ค้นรพ.จุฬาเหตุรอนสิทธิ์
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แดงไม่บุกร.พ.จุฬาแกนนำเครียดติดลบ
แดงไม่บุกร.พ.จุฬาแกนนำเครียดติดลบ
คมชัดลึก :มตินปช.ไม่ไปร.พ.จุฬาฯ แกนนำเครียดแต่เช้าหลัง"พายัพพายับเยิน รับภาพเสื้อแดงติดลบหนักหมอเหวง"ออกปากขอโทษประชา ชน-ร.พ.การันตีหลังจากนี้จะไม่มีอีก สั่งม็อบอยู่ห่างร.พ.10 เมตร ด้านแรมโบ้อ้าง"พายัพ"ไปไม่ใช่มติแกนนำ เตือนแล้วคราวหลังอย่าทำ
(30เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์นายพายัพ ปั้นเกตุ นำมวลชนบุกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เพื่อค้นหาทหาร วานนี้ปรากฎ ว่าสร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำนปช.คนอื่นๆเป็นอย่างมากมีการไปตักเตือนนายพายัพ ว่ากระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมทำให้ภาพลักษณ์นปช.ติดลบในสายตาสังคม โดยในช่วงเช้าแกนนำที่ประจำอยู่ที่เวทีราชประสงค์ที่ตรวจสอบข่าวสารตามสื่อต่างๆมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งพยายามอธิบายกับสื่อมวลชนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความเห็นของคนๆเดียวไม่ใช่มติของนปช.แต่อย่างใด
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า มติของแกนนำนปช.วันนี้จะไม่มีเคลื่อนไหวไปร.พ.จุฬาฯอีก เพราะการที่ไปวานนี้ก็ทำให้ภาพพจน์นปช.เสียหายเป็นอย่างมาก ถือว่าขัดแนวทางของนปช.ที่ยึดหลักการว่าจะไม่บุกเข้าสถานที่ราชการ ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของนายพายัพเป็นการตัดสินใจของคนๆเดียวไม่ได้มีการวางแผนร่วมกับทางแกนนำ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะไปท้าทายนักข่าวว่าจะไปภายใน 10 นาทีจึงเกิดปัญหา ซึ่งได้ตักเตือนนายพายัพแล้ววันนี้นปช.จะทำหนังสือขอโทษร.พ.จุฬาฯที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวยืนยันว่าในวันนี้จะไม่มีการเคลื่อนไหวไปที่รพ.จุฬาฯอย่างแน่นอน เหตุการณ์วานนี้นั้นตนเข้าใจว่านายพายัพต้องการพาสื่อมวลชนไม่กี่คนไปที่ร.พ.เท่านั้น ไม่นึกว่าจะพาคนไปมากขนาดนี้ ซึ่งระหว่างเหตุการณ์ตนก็ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในร.พ.ตลอด และสั่งการให้นายพายัพรีบนำคนออกมาโดยส่งนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ให้ไปเรียกคนเสื้อแดง ทั้งนี้ตนไม่อยากโทษนายพายัพ เพราะเชื่อว่าคงไม่มีเจตนาจะบุกร.พ.เป็นที่คุมสถานการณ์ไม่ได้เพราะไม่มีเครื่องเสียงคอยสั่งการจึงเกิดความชุลมุน
“ทางนปช.ขอโทษประชาชน และขอโทษทางรพ.จุฬาฯ ตอนนี้นปช.ไม่ติดใจว่าภายในรพ.มีการซ่องสุมกองกำลังทหารหรือไม่ ถือว่าเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีเกียรติยศของทางร.พ.หลังจากนี้ผมจะช่วยดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก หากทางร.พ.มีปัญหาจากกลุ่มนปช.ขอให้ติดต่อกับผมเพียงคนเดียว”นพ.เหวง กล่าว
จากนั้นนพ.เหวง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอโทษประชาชนคนไทยและเจ้าหน้าที่ พยาบาล คณะแพทยศาสตร์รพ.จุฬา โดยยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้นปช.เพลี่ยงพล้ำเพราะการเมืองตอนนี้แค่เดินพลาดตาเดียวสามารถแพ้ทั้งกระดานได้ ขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้นอยู่ห่างรพ.5-10 เมตรเพื่อยืนยันว่าร.พ.จุฬาฯจะได้รับความปลอดภัย ยืนยันว่าศัตรูของนปช.มีเพียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณเท่านั้น
ด้านรศ.น.พ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบางส่วน ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แทน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและญาติ หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดง บุกเข้ามาตรวจค้นโรงพยาบาลเมื่อกลางดึก โดยอ้างว่ามีกำลังทหารซ่องซุ่มอยู่ภายในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อป้องกันความปลอดภัย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ปกติ และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย รวมทั้งโรงพยาบาลไม่แน่ใจว่า หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะสามารถดูแลความปลอดภัยผู้ป่วยได้ทั่วถึงหรือไม่
ขณะนี้มีผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 500 ราย จะทยอยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกว่า 250 คน ไปโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้ประ สานกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชให้ช่วยเหลือรับผู้ป่วยดังกล่าว ตามที่จะสามารถรองรับได้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนั้น จะสอบถามความสมัครใจของญาติผู้ป่วยและตัวผู้ป่วยว่าจะยินยอมย้ายหรือไม่ แต่หากผู้ใด ประสงค์จะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย
และหากในเวลา 09.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง จะเข้ามาทำการตรวจค้นโรงพยาบาลอีกนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินงาน
ล่าสุดมีรายงานว่าโรงพยาบาลจุฬา ได้ย้ายคนไข้ออกไปทั้งหมดแล้ว โดยผู้ป่วยหนัก นำไปไว้ที่รพ.ศิริราช ส่วนที่เหลือไปโรงพยาบาลข้างเคียง เนื่องจากกลัวว่ากลุ่มเสื้อแดงอาจมาก่อเหตุรุนแรงหรือวางระเบิด กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อคณะแพทย์ ผู้ป่วย รวมทั้งญาติ โดยกลุ่มเสื้อแดง ได้ปิดกั้นไม่ให้นำผู้ป่วยส่งห้องฉุกเฉินด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้องAlJazeeraโชว์คลิปมือปืนดำร่วมแดง"พายัพ"นำการ์ดค้นรพ.จุฬาอ้างมีทหารจับจ.ส.ต.ปริญญาพันM79ปัดไม่เกี่ยวข้องแดง พ่อ-แม่พลทหารเหยื่อแดงปะทะจนท.เตรียมรับศพลูก"มาร์ค"ฉุนการ์ดนปช.ค้นรพ.จุฬาเหตุรอนสิทธิ์
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก :มตินปช.ไม่ไปร.พ.จุฬาฯ แกนนำเครียดแต่เช้าหลัง"พายัพพายับเยิน รับภาพเสื้อแดงติดลบหนักหมอเหวง"ออกปากขอโทษประชา ชน-ร.พ.การันตีหลังจากนี้จะไม่มีอีก สั่งม็อบอยู่ห่างร.พ.10 เมตร ด้านแรมโบ้อ้าง"พายัพ"ไปไม่ใช่มติแกนนำ เตือนแล้วคราวหลังอย่าทำ
(30เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์นายพายัพ ปั้นเกตุ นำมวลชนบุกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เพื่อค้นหาทหาร วานนี้ปรากฎ ว่าสร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำนปช.คนอื่นๆเป็นอย่างมากมีการไปตักเตือนนายพายัพ ว่ากระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมทำให้ภาพลักษณ์นปช.ติดลบในสายตาสังคม โดยในช่วงเช้าแกนนำที่ประจำอยู่ที่เวทีราชประสงค์ที่ตรวจสอบข่าวสารตามสื่อต่างๆมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งพยายามอธิบายกับสื่อมวลชนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความเห็นของคนๆเดียวไม่ใช่มติของนปช.แต่อย่างใด
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า มติของแกนนำนปช.วันนี้จะไม่มีเคลื่อนไหวไปร.พ.จุฬาฯอีก เพราะการที่ไปวานนี้ก็ทำให้ภาพพจน์นปช.เสียหายเป็นอย่างมาก ถือว่าขัดแนวทางของนปช.ที่ยึดหลักการว่าจะไม่บุกเข้าสถานที่ราชการ ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของนายพายัพเป็นการตัดสินใจของคนๆเดียวไม่ได้มีการวางแผนร่วมกับทางแกนนำ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะไปท้าทายนักข่าวว่าจะไปภายใน 10 นาทีจึงเกิดปัญหา ซึ่งได้ตักเตือนนายพายัพแล้ววันนี้นปช.จะทำหนังสือขอโทษร.พ.จุฬาฯที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวยืนยันว่าในวันนี้จะไม่มีการเคลื่อนไหวไปที่รพ.จุฬาฯอย่างแน่นอน เหตุการณ์วานนี้นั้นตนเข้าใจว่านายพายัพต้องการพาสื่อมวลชนไม่กี่คนไปที่ร.พ.เท่านั้น ไม่นึกว่าจะพาคนไปมากขนาดนี้ ซึ่งระหว่างเหตุการณ์ตนก็ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในร.พ.ตลอด และสั่งการให้นายพายัพรีบนำคนออกมาโดยส่งนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ให้ไปเรียกคนเสื้อแดง ทั้งนี้ตนไม่อยากโทษนายพายัพ เพราะเชื่อว่าคงไม่มีเจตนาจะบุกร.พ.เป็นที่คุมสถานการณ์ไม่ได้เพราะไม่มีเครื่องเสียงคอยสั่งการจึงเกิดความชุลมุน
“ทางนปช.ขอโทษประชาชน และขอโทษทางรพ.จุฬาฯ ตอนนี้นปช.ไม่ติดใจว่าภายในรพ.มีการซ่องสุมกองกำลังทหารหรือไม่ ถือว่าเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีเกียรติยศของทางร.พ.หลังจากนี้ผมจะช่วยดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก หากทางร.พ.มีปัญหาจากกลุ่มนปช.ขอให้ติดต่อกับผมเพียงคนเดียว”นพ.เหวง กล่าว
จากนั้นนพ.เหวง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอโทษประชาชนคนไทยและเจ้าหน้าที่ พยาบาล คณะแพทยศาสตร์รพ.จุฬา โดยยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้นปช.เพลี่ยงพล้ำเพราะการเมืองตอนนี้แค่เดินพลาดตาเดียวสามารถแพ้ทั้งกระดานได้ ขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้นอยู่ห่างรพ.5-10 เมตรเพื่อยืนยันว่าร.พ.จุฬาฯจะได้รับความปลอดภัย ยืนยันว่าศัตรูของนปช.มีเพียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณเท่านั้น
ด้านรศ.น.พ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบางส่วน ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แทน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและญาติ หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดง บุกเข้ามาตรวจค้นโรงพยาบาลเมื่อกลางดึก โดยอ้างว่ามีกำลังทหารซ่องซุ่มอยู่ภายในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อป้องกันความปลอดภัย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ปกติ และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย รวมทั้งโรงพยาบาลไม่แน่ใจว่า หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะสามารถดูแลความปลอดภัยผู้ป่วยได้ทั่วถึงหรือไม่
ขณะนี้มีผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 500 ราย จะทยอยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกว่า 250 คน ไปโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้ประ สานกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชให้ช่วยเหลือรับผู้ป่วยดังกล่าว ตามที่จะสามารถรองรับได้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนั้น จะสอบถามความสมัครใจของญาติผู้ป่วยและตัวผู้ป่วยว่าจะยินยอมย้ายหรือไม่ แต่หากผู้ใด ประสงค์จะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย
และหากในเวลา 09.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง จะเข้ามาทำการตรวจค้นโรงพยาบาลอีกนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินงาน
ล่าสุดมีรายงานว่าโรงพยาบาลจุฬา ได้ย้ายคนไข้ออกไปทั้งหมดแล้ว โดยผู้ป่วยหนัก นำไปไว้ที่รพ.ศิริราช ส่วนที่เหลือไปโรงพยาบาลข้างเคียง เนื่องจากกลัวว่ากลุ่มเสื้อแดงอาจมาก่อเหตุรุนแรงหรือวางระเบิด กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อคณะแพทย์ ผู้ป่วย รวมทั้งญาติ โดยกลุ่มเสื้อแดง ได้ปิดกั้นไม่ให้นำผู้ป่วยส่งห้องฉุกเฉินด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้องAlJazeeraโชว์คลิปมือปืนดำร่วมแดง"พายัพ"นำการ์ดค้นรพ.จุฬาอ้างมีทหารจับจ.ส.ต.ปริญญาพันM79ปัดไม่เกี่ยวข้องแดง พ่อ-แม่พลทหารเหยื่อแดงปะทะจนท.เตรียมรับศพลูก"มาร์ค"ฉุนการ์ดนปช.ค้นรพ.จุฬาเหตุรอนสิทธิ์
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Wednesday, April 28, 2010
ชายหญิงคิดสวนทางกันยามเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เคร่งเครียด
ชายหญิงคิดสวนทางกันยามเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เคร่งเครียด
บุรุษเพศจะพยายามหนีห่างจากสังคม แต่ผู้หญิงกลับหันเข้าหาสังคม บางคนอาจจะเข้าไปเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์...นักจิตวิทยาสหรัฐฯค้นพบว่า ผู้ชายกับผู้หญิง จะประพฤติสวนทางกันเมื่อยามเครียด โดยสตรีจะพยายามผูกมิตรกับคนต่างๆ หรือไม่ก็หันเข้าหาเครือข่ายทางสังคม แต่ฝ่ายบุรุษเพศกลับทำตัวเป็นคนหนีห่างโลกทีมนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ได้พบในการศึกษาว่า เพศทั้งสองเมื่อเวลาเครียด ต่างจะประพฤติสวนทางกันนักวิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ก่อนหน้าว่า คนเราเมื่อเกิดเครียดขึ้นมา เช่น ต้องเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าหนักๆ เรามักจะทำอยู่ 2 ทาง คือไม่สู้ ก็หนี แต่บัดนี้นักจิตวิทยาพบว่า เป็นแต่เฉพาะกับผู้ชายเท่านั้นบุรุษเพศจะพยายามหนีห่างจากสังคม แต่ผู้หญิงกลับหันเข้าหาสังคม บางคนอาจจะเข้าไปเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์ด้วยซ้ำ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
บุรุษเพศจะพยายามหนีห่างจากสังคม แต่ผู้หญิงกลับหันเข้าหาสังคม บางคนอาจจะเข้าไปเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์...นักจิตวิทยาสหรัฐฯค้นพบว่า ผู้ชายกับผู้หญิง จะประพฤติสวนทางกันเมื่อยามเครียด โดยสตรีจะพยายามผูกมิตรกับคนต่างๆ หรือไม่ก็หันเข้าหาเครือข่ายทางสังคม แต่ฝ่ายบุรุษเพศกลับทำตัวเป็นคนหนีห่างโลกทีมนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ได้พบในการศึกษาว่า เพศทั้งสองเมื่อเวลาเครียด ต่างจะประพฤติสวนทางกันนักวิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ก่อนหน้าว่า คนเราเมื่อเกิดเครียดขึ้นมา เช่น ต้องเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าหนักๆ เรามักจะทำอยู่ 2 ทาง คือไม่สู้ ก็หนี แต่บัดนี้นักจิตวิทยาพบว่า เป็นแต่เฉพาะกับผู้ชายเท่านั้นบุรุษเพศจะพยายามหนีห่างจากสังคม แต่ผู้หญิงกลับหันเข้าหาสังคม บางคนอาจจะเข้าไปเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์ด้วยซ้ำ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
นักปราชญ์เตือนระวังภัยมนุษย์ต่างดาว ให้เลี่ยงหนีจะดีกว่า
นักปราชญ์เตือนระวังภัยมนุษย์ต่างดาว ให้เลี่ยงหนีจะดีกว่า
หากว่าพวกเขา มาถึงโลก อาจจะไม่ได้มาดีแน่ เพราะเพียงแต่มาปล้นเอาทรัพยากร แล้วก็จากไป ควรพยายามหลีกเลี่ยง อย่าให้เจอะเจอได้เป็นดีที่สุด...ศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์กิ้ง นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงของโลก กล่าวแสดงความเห็นว่า มนุษย์ต่างดาวน่าจะมีอยู่ จริงอย่างแน่นอน แต่เตือนว่า ควรพยายามหลีกเลี่ยง อย่าให้เจอะเจอได้เป็นดีที่สุดนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์กล่าวในการให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ ดิสคัฟเวอรี แชนเนล ให้ความเห็นว่า มีเหตุผลเต็มที่ที่จะเชื่อว่า จะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาอยู่ทั่วไป แต่บอกเตือนไว้ว่า หากว่าพวกเขา มาถึงโลก อาจจะไม่ได้มาดีแน่ เพราะเพียงแต่มาปล้นเอาทรัพยากร แล้วก็จากไป ผลของมันก็จะเป็นแบบเดียวกับที่โคลัมบัสค้นพบอเมริกา ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ ชาวอเมริกันพื้นเมืองเลย ดังนั้นแทนที่เราพยายามจะติดต่อคบหากับพวกเขา กลับควรจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พบปะจะดีกว่าเขากล่าวว่า มนุษย์ต่างดาวอาจจะมีอยู่ทั่วไปในจักรวาล ไม่แต่บนดาวเคราะห์เท่านั้น หากยังอาจมีอยู่ในใจกลางดาวฤกษ์ หรือแม้แต่ล่องลอยอยู่ในอวกาศระหว่างดวงดาว จักรวาลประกอบด้วยกลุ่มดาวตั้ง 100 พันล้าน แต่ละกลุ่มดาวมีดาวฤกษ์เรือนเป็นล้าน ในจำนวนขนาดนี้ โลกจึงไม่น่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีชีวิตวิวัฒนาการอยู่เพียงแห่งเดียวฮอว์กิ้งบอกเน้นว่า เราควรระวังว่า ชีวิตที่มีสติปัญญาจะพัฒนาขึ้นเป็นสิ่งที่เราไม่อยากพบเห็นอย่างใด ผมเคยคิดว่าพวกเขาอาจจะมากันในเรือยักษ์ หลังจากที่ผลาญทรัพยากรที่ดาว เคราะห์บ้านของตนจนเกลี้ยงแล้ว เที่ยวตระเวนเพื่อพิชิตดาว เคราะห์ดวงอื่นที่สามารถไปถึงได้ เอามาเป็นอาณานิคมของตน.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
หากว่าพวกเขา มาถึงโลก อาจจะไม่ได้มาดีแน่ เพราะเพียงแต่มาปล้นเอาทรัพยากร แล้วก็จากไป ควรพยายามหลีกเลี่ยง อย่าให้เจอะเจอได้เป็นดีที่สุด...ศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์กิ้ง นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงของโลก กล่าวแสดงความเห็นว่า มนุษย์ต่างดาวน่าจะมีอยู่ จริงอย่างแน่นอน แต่เตือนว่า ควรพยายามหลีกเลี่ยง อย่าให้เจอะเจอได้เป็นดีที่สุดนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์กล่าวในการให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ ดิสคัฟเวอรี แชนเนล ให้ความเห็นว่า มีเหตุผลเต็มที่ที่จะเชื่อว่า จะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาอยู่ทั่วไป แต่บอกเตือนไว้ว่า หากว่าพวกเขา มาถึงโลก อาจจะไม่ได้มาดีแน่ เพราะเพียงแต่มาปล้นเอาทรัพยากร แล้วก็จากไป ผลของมันก็จะเป็นแบบเดียวกับที่โคลัมบัสค้นพบอเมริกา ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ ชาวอเมริกันพื้นเมืองเลย ดังนั้นแทนที่เราพยายามจะติดต่อคบหากับพวกเขา กลับควรจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พบปะจะดีกว่าเขากล่าวว่า มนุษย์ต่างดาวอาจจะมีอยู่ทั่วไปในจักรวาล ไม่แต่บนดาวเคราะห์เท่านั้น หากยังอาจมีอยู่ในใจกลางดาวฤกษ์ หรือแม้แต่ล่องลอยอยู่ในอวกาศระหว่างดวงดาว จักรวาลประกอบด้วยกลุ่มดาวตั้ง 100 พันล้าน แต่ละกลุ่มดาวมีดาวฤกษ์เรือนเป็นล้าน ในจำนวนขนาดนี้ โลกจึงไม่น่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีชีวิตวิวัฒนาการอยู่เพียงแห่งเดียวฮอว์กิ้งบอกเน้นว่า เราควรระวังว่า ชีวิตที่มีสติปัญญาจะพัฒนาขึ้นเป็นสิ่งที่เราไม่อยากพบเห็นอย่างใด ผมเคยคิดว่าพวกเขาอาจจะมากันในเรือยักษ์ หลังจากที่ผลาญทรัพยากรที่ดาว เคราะห์บ้านของตนจนเกลี้ยงแล้ว เที่ยวตระเวนเพื่อพิชิตดาว เคราะห์ดวงอื่นที่สามารถไปถึงได้ เอามาเป็นอาณานิคมของตน.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
โบท็อกซ์น็อกอัมพาต รักษาคนไข้อัมพาตแบบสั่นและโรคหงิกงอ
โบท็อกซ์น็อกอัมพาต รักษาคนไข้อัมพาตแบบสั่นและโรคหงิกงอ
ขณะเดียวกันมันก็สามารถช่วยยกระดับความสุขในชีวิตของผู้ป่วยอัมพาตแบบสั่น ขึ้นได้อย่างเห็นชัด เป็นแบบการรักษา ที่จัดได้ว่าเป็นยาวิเศษ...วิธีการบำบัดรักษาเพื่อความงาม อันเป็นที่นิยมกันมากที่สุดของโลกอย่างหนึ่ง คือการกำจัดริ้วรอยเหี่ยวด้วยโบท็อกซ์ กำลังได้รับความชื่นชมอย่างใหม่ ศูนย์บำบัดโรคพาร์กินสัน ที่สถาบันประสาทวิทยาบาร์โรว์ ของ สหรัฐฯ ได้นำเอาโบท็อกซ์ ไปใช้ในการรักษาโรคอัมพาตแบบสั่น และโรคการเคลื่อนไหวที่คุมไม่ได้อื่นๆ เช่น โรคที่ชาวบ้านเรียกว่า โรคหงิกงอหมอกิลเลอโม โมกวล โคบอส แพทย์ ประสาทวิทยากล่าวแจ้งว่า โบท็อกซ์เป็นสารพิษต่อประสาทที่รุนแรงมากที่สุดเท่าที่มนุษย์ รู้จัก แต่ขณะเดียวกันมันก็สามารถช่วยยกระดับความสุขในชีวิตของผู้ป่วยอัมพาตแบบสั่น ขึ้นได้อย่างเห็นชัด เป็นแบบการรักษา ที่จัดได้ว่าเป็นยาวิเศษโรคพาร์กินสัน จะทำให้กล้ามเนื้อผู้ ป่วยแข็งเกร็ง สั่นสะท้าน เคลื่อนไหวร่างกายได้เชื่องช้า แต่เมื่อได้รับการฉีดด้วยโบท็อกซ์เข้ากล้ามเนื้อโดยตรงมันจะทำให้คลายอาการหดเกร็ง และที่สำคัญที่สุด ก็คือระงับความเจ็บปวด ถึงมันจะเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง แต่มันก็ต้องใช้ ศิลปะในการใช้ด้วย เพราะแต่ละรายจะถูกฉีดเข้ากล้ามเนื้อต่างที่กัน และต่างปริมาณกันไป ขึ้นอยู่กับความชำนาญที่มีต่อยาและโรคเป็นสำคัญ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ขณะเดียวกันมันก็สามารถช่วยยกระดับความสุขในชีวิตของผู้ป่วยอัมพาตแบบสั่น ขึ้นได้อย่างเห็นชัด เป็นแบบการรักษา ที่จัดได้ว่าเป็นยาวิเศษ...วิธีการบำบัดรักษาเพื่อความงาม อันเป็นที่นิยมกันมากที่สุดของโลกอย่างหนึ่ง คือการกำจัดริ้วรอยเหี่ยวด้วยโบท็อกซ์ กำลังได้รับความชื่นชมอย่างใหม่ ศูนย์บำบัดโรคพาร์กินสัน ที่สถาบันประสาทวิทยาบาร์โรว์ ของ สหรัฐฯ ได้นำเอาโบท็อกซ์ ไปใช้ในการรักษาโรคอัมพาตแบบสั่น และโรคการเคลื่อนไหวที่คุมไม่ได้อื่นๆ เช่น โรคที่ชาวบ้านเรียกว่า โรคหงิกงอหมอกิลเลอโม โมกวล โคบอส แพทย์ ประสาทวิทยากล่าวแจ้งว่า โบท็อกซ์เป็นสารพิษต่อประสาทที่รุนแรงมากที่สุดเท่าที่มนุษย์ รู้จัก แต่ขณะเดียวกันมันก็สามารถช่วยยกระดับความสุขในชีวิตของผู้ป่วยอัมพาตแบบสั่น ขึ้นได้อย่างเห็นชัด เป็นแบบการรักษา ที่จัดได้ว่าเป็นยาวิเศษโรคพาร์กินสัน จะทำให้กล้ามเนื้อผู้ ป่วยแข็งเกร็ง สั่นสะท้าน เคลื่อนไหวร่างกายได้เชื่องช้า แต่เมื่อได้รับการฉีดด้วยโบท็อกซ์เข้ากล้ามเนื้อโดยตรงมันจะทำให้คลายอาการหดเกร็ง และที่สำคัญที่สุด ก็คือระงับความเจ็บปวด ถึงมันจะเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง แต่มันก็ต้องใช้ ศิลปะในการใช้ด้วย เพราะแต่ละรายจะถูกฉีดเข้ากล้ามเนื้อต่างที่กัน และต่างปริมาณกันไป ขึ้นอยู่กับความชำนาญที่มีต่อยาและโรคเป็นสำคัญ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
นอนกัดฟัน ระวัง ฟันร้าว อาจทำให้เสียฟันโดยไม่รู้ตัว
นอนกัดฟัน ระวัง ฟันร้าว อาจทำให้เสียฟันโดยไม่รู้ตัว
ฟันร้าว เป็นลักษณะฟันที่เกิดรอยแยก มักพบบริเวณด้านบดเคี้ยวของฟัน จะทำให้มีอาการปวดฟันโดยที่ผู้ป่วยไม่สามารถบอกได้ชัดว่าเป็นซี่ใด มักจะมีอาการปวดหรือเสียวเมื่อถูกความร้อน ความเย็น หรือเมื่อเคี้ยว ทพญ.ณัฐพร สุริยะรังสี ทันตกรรมประดิษฐ์ ศูนย์ทันตกรรมเดนทัลลิส โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ฟันร้าว ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ โดยการเกิดรอยร้าวมักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจใช้เวลานาน 12 - 18 เดือน ก่อนที่ฟันร้าวจะแตกอย่างสมบูรณ์
สาเหตุของฟันร้าวฟันร้าวเกิดจากสาเหตุหลายประการ ที่พบได้บ่อยๆ คือการเคี้ยวของแข็ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นของเนื้อฟัน และอวัยวะรอบรากฟันลดลง หมายความว่าฟันจะกรอบมากขึ้น เมื่อมีแรงกัดมากเกินปกติจะทำให้เกิดฟันร้าว หรือแตกได้ฟันผุ ฟันผุที่เป็นรูขนาดใหญ่ หรือฟันที่มีรอยอุดขนาดใหญ่ จะทำให้ฟันซี่นั้นไม่แข็งแรงนัก จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฟันร้าวได้แรงกระแทก จากอุบัติเหตุ หรือจากการเล่นกีฬาการนอนกัดฟัน หรือชอบกัดขบฟันเป็นระยะเวลานานๆ จะพบว่าเกิดฟันร้าวได้ง่ายฟันที่มีปุ่มฟันสูงชัน และมีร่องลึก พบได้มากในฟันกรามน้อย มักจะพบรอยร้าวในแนวดิ่งได้ง่ายการตรวจวินิจฉัยการตรวจในระยะเริ่มแรกทำได้ยาก ผู้ป่วยมักจะเกิดอาการเสียวฟัน หรือปวดฟันเพียงเล็กน้อยเมื่อเคี้ยวอาหาร การตรวจในกรณีที่เกิดฟันร้าว ต้องอาศัยการสังเกตและการตรวจฟันอย่างละเอียดของทันตแพทย์ โดยมีวิธีตรวจที่อาจใช้ร่วมกับเครื่องมือช่วยตรวจอื่นๆ ได้แก่การย้อมสีฟัน (Staining) ซึ่งบางครั้งทันตแพทย์ อาจใช้แสงจากเครื่องฉายแสงอุดฟันร่วมกับการย้อมสี เพื่อให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นการทดสอบโดยให้ผู้ป่วยกัดไม้เนื้อนิ่มแผ่นบางๆ หรือแผ่นยาง หรือก้อนสำลีบนฟันซี่ที่สงสัย ผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดแปลบทันทีที่อ้าปากขึ้นการถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ อาจบอกได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากรอยร้าวมักจะแคบและภาพมักจะมีเงาของฟันซ้อนทับอยู่ แต่จะใช้บอกได้ว่า มีการติดเชื้อคุกคามไปที่ปลายรากฟันหรือไม่ ซึ่งอาจจะพบเป็นเงาดำรอยรากฟันซี่นั้นๆ ได้
การรักษาฟันร้าวการรักษาฟันร้าวจะขึ้นกับระดับความลึกของรอยร้าว ถ้าพบอาการเริ่มแรกควรทำการรักษาด้วยการทำครอบฟันชั่วคราวทันที หลังจากนั้นพักดูอาการประมาณ 2-4 สัปดาห์ ถ้าไม่มีอาการ ก็สามารถทำการบูรณะด้วยครอบฟันถาวรทั้งซี่แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ ซึ่งแสดงว่า รอยร้าวได้ลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟันแล้ว จำเป็นต้องทำการรักษารากฟัน ก่อนที่จะทำครอบฟัน ถ้าฟันซี่นั้นเกิดรอยร้าว เป็นเวลานานจนแตกแยกจากกันในแนวดิ่ง จะไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ จำเป็นต้องถอนออกไปฟันร้าว ถึงได้ชื่อว่าเป็นภัยเงียบในช่องปาก ที่เป็นสาเหตุทำให้ต้องเสียฟันโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น เมื่อมีอาการเสียวฟัน ที่ผิดปกติ จึงไม่ควรละเลย เพราะการตรวจพบในระยะแรกๆ จะทำให้เราสามารถเก็บรักษาฟันซี่นั้นไว้ได้
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ฟันร้าว เป็นลักษณะฟันที่เกิดรอยแยก มักพบบริเวณด้านบดเคี้ยวของฟัน จะทำให้มีอาการปวดฟันโดยที่ผู้ป่วยไม่สามารถบอกได้ชัดว่าเป็นซี่ใด มักจะมีอาการปวดหรือเสียวเมื่อถูกความร้อน ความเย็น หรือเมื่อเคี้ยว ทพญ.ณัฐพร สุริยะรังสี ทันตกรรมประดิษฐ์ ศูนย์ทันตกรรมเดนทัลลิส โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ฟันร้าว ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ โดยการเกิดรอยร้าวมักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจใช้เวลานาน 12 - 18 เดือน ก่อนที่ฟันร้าวจะแตกอย่างสมบูรณ์
สาเหตุของฟันร้าวฟันร้าวเกิดจากสาเหตุหลายประการ ที่พบได้บ่อยๆ คือการเคี้ยวของแข็ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นของเนื้อฟัน และอวัยวะรอบรากฟันลดลง หมายความว่าฟันจะกรอบมากขึ้น เมื่อมีแรงกัดมากเกินปกติจะทำให้เกิดฟันร้าว หรือแตกได้ฟันผุ ฟันผุที่เป็นรูขนาดใหญ่ หรือฟันที่มีรอยอุดขนาดใหญ่ จะทำให้ฟันซี่นั้นไม่แข็งแรงนัก จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฟันร้าวได้แรงกระแทก จากอุบัติเหตุ หรือจากการเล่นกีฬาการนอนกัดฟัน หรือชอบกัดขบฟันเป็นระยะเวลานานๆ จะพบว่าเกิดฟันร้าวได้ง่ายฟันที่มีปุ่มฟันสูงชัน และมีร่องลึก พบได้มากในฟันกรามน้อย มักจะพบรอยร้าวในแนวดิ่งได้ง่ายการตรวจวินิจฉัยการตรวจในระยะเริ่มแรกทำได้ยาก ผู้ป่วยมักจะเกิดอาการเสียวฟัน หรือปวดฟันเพียงเล็กน้อยเมื่อเคี้ยวอาหาร การตรวจในกรณีที่เกิดฟันร้าว ต้องอาศัยการสังเกตและการตรวจฟันอย่างละเอียดของทันตแพทย์ โดยมีวิธีตรวจที่อาจใช้ร่วมกับเครื่องมือช่วยตรวจอื่นๆ ได้แก่การย้อมสีฟัน (Staining) ซึ่งบางครั้งทันตแพทย์ อาจใช้แสงจากเครื่องฉายแสงอุดฟันร่วมกับการย้อมสี เพื่อให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นการทดสอบโดยให้ผู้ป่วยกัดไม้เนื้อนิ่มแผ่นบางๆ หรือแผ่นยาง หรือก้อนสำลีบนฟันซี่ที่สงสัย ผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดแปลบทันทีที่อ้าปากขึ้นการถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ อาจบอกได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากรอยร้าวมักจะแคบและภาพมักจะมีเงาของฟันซ้อนทับอยู่ แต่จะใช้บอกได้ว่า มีการติดเชื้อคุกคามไปที่ปลายรากฟันหรือไม่ ซึ่งอาจจะพบเป็นเงาดำรอยรากฟันซี่นั้นๆ ได้
การรักษาฟันร้าวการรักษาฟันร้าวจะขึ้นกับระดับความลึกของรอยร้าว ถ้าพบอาการเริ่มแรกควรทำการรักษาด้วยการทำครอบฟันชั่วคราวทันที หลังจากนั้นพักดูอาการประมาณ 2-4 สัปดาห์ ถ้าไม่มีอาการ ก็สามารถทำการบูรณะด้วยครอบฟันถาวรทั้งซี่แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ ซึ่งแสดงว่า รอยร้าวได้ลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟันแล้ว จำเป็นต้องทำการรักษารากฟัน ก่อนที่จะทำครอบฟัน ถ้าฟันซี่นั้นเกิดรอยร้าว เป็นเวลานานจนแตกแยกจากกันในแนวดิ่ง จะไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ จำเป็นต้องถอนออกไปฟันร้าว ถึงได้ชื่อว่าเป็นภัยเงียบในช่องปาก ที่เป็นสาเหตุทำให้ต้องเสียฟันโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น เมื่อมีอาการเสียวฟัน ที่ผิดปกติ จึงไม่ควรละเลย เพราะการตรวจพบในระยะแรกๆ จะทำให้เราสามารถเก็บรักษาฟันซี่นั้นไว้ได้
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Monday, April 26, 2010
หนุ่มสาวรุ่นใหม่เติมไฟก่อนเปิดเทอม
หนุ่มสาวรุ่นใหม่เติมไฟก่อนเปิดเทอม
ก้าวตามเทคโนโลยีให้ทัน Betrend แหล่งรวมสินค้าของ ขวัญ, ของตกแต่ง, เครื่องเขียน, ไอที แก็ตเจ็ท ชั้นนำจากต่างประเทศ จึงชวนหนุ่มสาวรุ่นใหม่มาอัพเดตอุปกรณ์อินเทรนด์ก่อนเปิดภาคเรียนกันในงาน Betrend New Term ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรี่ยมกุ๊ก กุ๊ก-รัสวดี ควรทรงธรรม โชว์ปากกาถูกใจ.
สายสวาท เลิศเจริญเสริมสุข ผู้จัด การทั่วไปบริหารสินค้า Betrend เดอะมอลล์ กรุ๊ป เผยว่า ในช่วงใกล้เปิดเทอมนี้ เราได้จัดกิจกรรม Betrend New Term ภายใต้คอนเซปต์ Pop Up Ypur Life by Betrend นำเสนออุปกรณ์เครื่องเขียนมุมโปรด ของแชพ-อภินันท์ เตลาน.
ของขวัญ กิ๊ฟช็อปหลากไอเดีย และสินค้าไอทีแก็ตเจ็ท คอลเลกชั่นใหม่จากหลาก หลายแบรนด์ชั้นนำ โดยได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มาร่วมงานมากมาย อาทิ โอบอุ้ม-วัฒน์ธิดา ชุมสาย ณ อยุธยา, กุ๊กกุ๊ก- รัสวดี ควรทรงธรรม และแชพ-อภินันท์ เตลาน ต่างเพลิดเพลินไปกับมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมของขวัญ, ของตกแต่ง, เครื่องเขียน, ของแฮนด์เมดจากแบรนด์ ชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศโอบ อุ้ม-วัฒน์ธิดา ชุมสาย ณ อยุธยา สนใจหูฟังดีไซน์เก๋.
นอกจากนี้ ทั้ง 3 คนยังติดใจมุมสินค้าไอทีแก็ตเจ็ท ที่ทั้งหมดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มาแล้วทำให้ไลฟ์ สไตล์ไม่ตกเทรนด์ในยุคดิจิตอลนี้จริงๆ นอกจากนี้ในมุมเครื่องเขียน ยังมีอุปกรณ์การเรียนที่เป็นแฟชั่น ทำให้เปิดเทอมนี้มีชีวิตชีวาขึ้นเยอะอีกด้วย.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ก้าวตามเทคโนโลยีให้ทัน Betrend แหล่งรวมสินค้าของ ขวัญ, ของตกแต่ง, เครื่องเขียน, ไอที แก็ตเจ็ท ชั้นนำจากต่างประเทศ จึงชวนหนุ่มสาวรุ่นใหม่มาอัพเดตอุปกรณ์อินเทรนด์ก่อนเปิดภาคเรียนกันในงาน Betrend New Term ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรี่ยมกุ๊ก กุ๊ก-รัสวดี ควรทรงธรรม โชว์ปากกาถูกใจ.
สายสวาท เลิศเจริญเสริมสุข ผู้จัด การทั่วไปบริหารสินค้า Betrend เดอะมอลล์ กรุ๊ป เผยว่า ในช่วงใกล้เปิดเทอมนี้ เราได้จัดกิจกรรม Betrend New Term ภายใต้คอนเซปต์ Pop Up Ypur Life by Betrend นำเสนออุปกรณ์เครื่องเขียนมุมโปรด ของแชพ-อภินันท์ เตลาน.
ของขวัญ กิ๊ฟช็อปหลากไอเดีย และสินค้าไอทีแก็ตเจ็ท คอลเลกชั่นใหม่จากหลาก หลายแบรนด์ชั้นนำ โดยได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มาร่วมงานมากมาย อาทิ โอบอุ้ม-วัฒน์ธิดา ชุมสาย ณ อยุธยา, กุ๊กกุ๊ก- รัสวดี ควรทรงธรรม และแชพ-อภินันท์ เตลาน ต่างเพลิดเพลินไปกับมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมของขวัญ, ของตกแต่ง, เครื่องเขียน, ของแฮนด์เมดจากแบรนด์ ชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศโอบ อุ้ม-วัฒน์ธิดา ชุมสาย ณ อยุธยา สนใจหูฟังดีไซน์เก๋.
นอกจากนี้ ทั้ง 3 คนยังติดใจมุมสินค้าไอทีแก็ตเจ็ท ที่ทั้งหมดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มาแล้วทำให้ไลฟ์ สไตล์ไม่ตกเทรนด์ในยุคดิจิตอลนี้จริงๆ นอกจากนี้ในมุมเครื่องเขียน ยังมีอุปกรณ์การเรียนที่เป็นแฟชั่น ทำให้เปิดเทอมนี้มีชีวิตชีวาขึ้นเยอะอีกด้วย.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
งาน เวดดิ้ง แฟร์ สุดโรแมนติกโชว์ชุดเจ้าสาวมูลค่า 5 ล้าน
งาน เวดดิ้ง แฟร์ สุดโรแมนติกโชว์ชุดเจ้าสาวมูลค่า 5 ล้าน
อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรักและโรแมนติกสุดๆ สำหรับงาน Wedding Fair 2010 by NEO มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านธุรกิจวิวาห์ที่คู่รักรอคอยมากที่สุด ภายใต้คอนเซปต์ Professional of Love โดยปีนี้ ไฮไลต์อยู่ที่การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ชุดเจ้าสาวไทเทียน่า มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ผลงานดีไซน์ของ มร. เกิร์ต เดอ ปุยเซเลย์ ดีไซเนอร์ชื่อดังของเบลเยียม ณ ศูนย์ ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ค. 2553ชุดเจ้า สาวไทเทียน่ามูลค่ากว่า 5 ล้านบาท.
งานนี้ นอกจากจะคึกคักไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานวิวาห์ระดับมืออาชีพอย่างครบวงจรแล้ว ยังจะได้ชมชุดเจ้าสาวราคาแพงที่สุดในโลก มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ซึ่งดีไซเนอร์ชื่อดังของเบลเยียมได้แรงบันดาลใจจากความงด งามอ่อนช้อยของหญิงไทย ถ่ายทอดเป็นชุด วิวาห์สุดงดงาม ตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยปักดิ้นทองลวดลายโบราณ ฝีมือออกแบบของ อ.วีระธรรม ตระกูลเงินไทย ซึ่งเคยฝากผลงานจากการทอผ้าไหมสำหรับผู้นำเอเปคมาแล้ว ขณะเดียวกัน ดีไซเนอร์คนดังยังนำสัญลักษณ์ต่างๆที่สื่อความเป็นไทยมาตก แต่งชุดวิวาห์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นดอกกล้วยไม้ประดิษฐ์ ของศูนย์ศิลปาชีพฯบางไทร และปีกแมลงทับเพื่อให้ชุดเจ้าสาวไทเทียน่าดูสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทางสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ได้มอบหมายให้ อ.สมัย โตเจริญ ออกแบบเครื่องประดับเทียร่าให้โดยเฉพาะมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ประดับ ประดาด้วยเพชร สลับกับบลูโทปาซ และซิตริน น้ำหนักรวม 77 กะรัต เพื่อเทิดพระเกียรติฯสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 77 พรรษา โดยยอดของเทียร่าดีไซน์เป็นรูปนกยูงทอง สื่อถึงตรานกยูงพระราชทาน ซึ่งเป็นเครื่อง หมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย ที่พระราช ทานแก่กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ ผจก.ทั่วไป บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออแกไนเซอร์ ร่วมมือกับ ไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ อธิบดีกรมหม่อนไหม โปรโมตชุด วิวาห์ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย.
ขณะเดียวกัน ภายในงานยังได้จัดแสดงนิทรรศการพระบรมฉายาลักษณ์ในพิธีบรมราชาภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2493 ณ วังสระปทุม โดยพระบรมฉายา ลักษณ์ที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นภาพ ถ่ายจากฟิล์มเก่า ซึ่งหาดูได้ยากยิ่งสำหรับคู่บ่าวสาวที่สนใจงานวิวาห์ สไตล์ย้อนยุค ภายในงานก็มีการจัดแสดงชุดแต่งงานพื้นบ้านของไทย ทั้ง 4 ภาค โดยกรมหม่อนไหม ได้สอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมและความเชื่อต่างๆในงาน แต่งงานของแต่ละภาค ซึ่งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกชุดเป็นผลงานของชาวบ้านท้องถิ่นที่บรรจงสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การผลิตเส้นใยคุณภาพ การทอผ้า และออกแบบตัดเย็บ เพื่อสะท้อนถึงคุณค่าของผ้าไหมไทย และภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ยิ่ง.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรักและโรแมนติกสุดๆ สำหรับงาน Wedding Fair 2010 by NEO มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านธุรกิจวิวาห์ที่คู่รักรอคอยมากที่สุด ภายใต้คอนเซปต์ Professional of Love โดยปีนี้ ไฮไลต์อยู่ที่การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ชุดเจ้าสาวไทเทียน่า มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ผลงานดีไซน์ของ มร. เกิร์ต เดอ ปุยเซเลย์ ดีไซเนอร์ชื่อดังของเบลเยียม ณ ศูนย์ ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ค. 2553ชุดเจ้า สาวไทเทียน่ามูลค่ากว่า 5 ล้านบาท.
งานนี้ นอกจากจะคึกคักไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานวิวาห์ระดับมืออาชีพอย่างครบวงจรแล้ว ยังจะได้ชมชุดเจ้าสาวราคาแพงที่สุดในโลก มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ซึ่งดีไซเนอร์ชื่อดังของเบลเยียมได้แรงบันดาลใจจากความงด งามอ่อนช้อยของหญิงไทย ถ่ายทอดเป็นชุด วิวาห์สุดงดงาม ตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยปักดิ้นทองลวดลายโบราณ ฝีมือออกแบบของ อ.วีระธรรม ตระกูลเงินไทย ซึ่งเคยฝากผลงานจากการทอผ้าไหมสำหรับผู้นำเอเปคมาแล้ว ขณะเดียวกัน ดีไซเนอร์คนดังยังนำสัญลักษณ์ต่างๆที่สื่อความเป็นไทยมาตก แต่งชุดวิวาห์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นดอกกล้วยไม้ประดิษฐ์ ของศูนย์ศิลปาชีพฯบางไทร และปีกแมลงทับเพื่อให้ชุดเจ้าสาวไทเทียน่าดูสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทางสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ได้มอบหมายให้ อ.สมัย โตเจริญ ออกแบบเครื่องประดับเทียร่าให้โดยเฉพาะมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ประดับ ประดาด้วยเพชร สลับกับบลูโทปาซ และซิตริน น้ำหนักรวม 77 กะรัต เพื่อเทิดพระเกียรติฯสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 77 พรรษา โดยยอดของเทียร่าดีไซน์เป็นรูปนกยูงทอง สื่อถึงตรานกยูงพระราชทาน ซึ่งเป็นเครื่อง หมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย ที่พระราช ทานแก่กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ ผจก.ทั่วไป บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออแกไนเซอร์ ร่วมมือกับ ไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ อธิบดีกรมหม่อนไหม โปรโมตชุด วิวาห์ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย.
ขณะเดียวกัน ภายในงานยังได้จัดแสดงนิทรรศการพระบรมฉายาลักษณ์ในพิธีบรมราชาภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2493 ณ วังสระปทุม โดยพระบรมฉายา ลักษณ์ที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นภาพ ถ่ายจากฟิล์มเก่า ซึ่งหาดูได้ยากยิ่งสำหรับคู่บ่าวสาวที่สนใจงานวิวาห์ สไตล์ย้อนยุค ภายในงานก็มีการจัดแสดงชุดแต่งงานพื้นบ้านของไทย ทั้ง 4 ภาค โดยกรมหม่อนไหม ได้สอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมและความเชื่อต่างๆในงาน แต่งงานของแต่ละภาค ซึ่งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกชุดเป็นผลงานของชาวบ้านท้องถิ่นที่บรรจงสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การผลิตเส้นใยคุณภาพ การทอผ้า และออกแบบตัดเย็บ เพื่อสะท้อนถึงคุณค่าของผ้าไหมไทย และภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ยิ่ง.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
หมอแนะสตรีมีอาการก่อนมีประจำเดือนกินยาแล้วออกกำลังกายฝึกสมาธิช่วยได้
หมอแนะสตรีมีอาการก่อนมีประจำเดือนกินยาแล้วออกกำลังกายฝึกสมาธิช่วยได้
นพ.มานพ ชัย/ศ.นพ.สุรศักดิ์อาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิงส่งผลกระทบต่อการทำงานและกิจกรรมทางสังคม รวมทั้งกระทบถึงความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างอีกด้วย ทั้งนี้จากการประชุมวิชาการของราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล คณบดีวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยจำนวนมากไม่รู้จักและไม่ทราบด้วยว่าตัวเองมีอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือน หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน อีกทั้งยังไม่มีการตื่นตัวเกี่ยวกับกลุ่มอาการดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่จะกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่งผลให้ผู้หญิงไทยจำนวนมากต้องเผชิญภาวะเครียด หงุดหงิด และอารมณ์แปรปรวน โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ ซึ่งอาจมาจากอาการดังกล่าว และนับวันสถานการณ์กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงไทยยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ก่อให้เกิดความแปรปรวนทางร่างกายและจิตใจ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้างอาจารย์หมอสุรศักดิ์กล่าวต่อว่า ทางวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข จุฬาฯ ได้ทำการวิจัยโดยการสำรวจ ภายใต้หัวข้อ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงไทย ซึ่งพบว่า กลุ่มอาการดังกล่าวแบ่งเป็น อาการทางด้านร่างกาย อาทิ คัดตึงเต้านม, ท้องอืดน้ำหนักขึ้น, ปวดศีรษะ, มือเท้าบวม, นอนไม่หลับ และอยากอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอาการทางอารมณ์ อาทิ หงุดหงิด, กระวนกระวาย, ซึมเศร้า, อารมณ์แปรปรวน, สับสน, เครียด, ขาดสมาธิ, ปลีกตัวออกจากสังคม และจากการสำรวจในกลุ่มผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 18-45 ปี อาศัยในเขตกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 100 คน พบว่า 58% ของผู้หญิงไทยเกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน โดยได้ รับผลกระทบทางด้านอารมณ์มากที่สุด และก่อให้เกิดความกังวลมากกว่าผลกระทบด้านร่างกาย นอกจากนี้ปัจจัยทางด้านสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงความ เครียดและวิถีการดำเนินชีวิต เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนได้เช่นกัน ส่วนวิธีการปฏิบัติสำหรับผู้มีอาการดังกล่าว คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต และฝึกควบคุมจิตใจและอารมณ์ รับประทานวิตามิน อาจช่วยบรรเทาอาการได้บ้างนอกจากนี้ นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ ภาควิชา สูติศาสตร์นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงผลการวิจัยสารดรอสไพริโนนในฮอร์โมนสูตร 24/4 ที่ล่าสุดได้มีการคิดค้นยาคุมกำเนิดสูตร 24/4 ประกอบด้วยสารโปรเจสโตเจน สังเคราะห์ตัวใหม่ ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา ให้การรับรองว่า สามารถรักษาอาการอันเนื่อง มาจากกลุ่มอาการก่อนมีประเดือนชนิดรุนแรงได้ โดยผลจากการวิจัยพบว่า สารดรอสไพริโนนในฮอร์โมนสูตร 24/4 มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยา ใกล้เคียงกับฮอร์โมนโปรเจสโตเจนในธรรมชาติ จะช่วยในกลไกยับยั้งการบวมคั่งของน้ำในร่างกาย ตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มโดยไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ สารตัวนี้ยังช่วยในกลไกรักษาสิว อย่างไรก็ตาม การรักษาหรือกินยา ในกรณีของผู้มีอาการก่อนมีประจำเดือนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม พร้อมควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ฝึกสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ, พักผ่อนให้เพียงพอ หรือหลีกเลี่ยงความเครียด เป็นต้น.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
นพ.มานพ ชัย/ศ.นพ.สุรศักดิ์อาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิงส่งผลกระทบต่อการทำงานและกิจกรรมทางสังคม รวมทั้งกระทบถึงความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างอีกด้วย ทั้งนี้จากการประชุมวิชาการของราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล คณบดีวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยจำนวนมากไม่รู้จักและไม่ทราบด้วยว่าตัวเองมีอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือน หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน อีกทั้งยังไม่มีการตื่นตัวเกี่ยวกับกลุ่มอาการดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่จะกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่งผลให้ผู้หญิงไทยจำนวนมากต้องเผชิญภาวะเครียด หงุดหงิด และอารมณ์แปรปรวน โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ ซึ่งอาจมาจากอาการดังกล่าว และนับวันสถานการณ์กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงไทยยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ก่อให้เกิดความแปรปรวนทางร่างกายและจิตใจ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้างอาจารย์หมอสุรศักดิ์กล่าวต่อว่า ทางวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข จุฬาฯ ได้ทำการวิจัยโดยการสำรวจ ภายใต้หัวข้อ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงไทย ซึ่งพบว่า กลุ่มอาการดังกล่าวแบ่งเป็น อาการทางด้านร่างกาย อาทิ คัดตึงเต้านม, ท้องอืดน้ำหนักขึ้น, ปวดศีรษะ, มือเท้าบวม, นอนไม่หลับ และอยากอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอาการทางอารมณ์ อาทิ หงุดหงิด, กระวนกระวาย, ซึมเศร้า, อารมณ์แปรปรวน, สับสน, เครียด, ขาดสมาธิ, ปลีกตัวออกจากสังคม และจากการสำรวจในกลุ่มผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 18-45 ปี อาศัยในเขตกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 100 คน พบว่า 58% ของผู้หญิงไทยเกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน โดยได้ รับผลกระทบทางด้านอารมณ์มากที่สุด และก่อให้เกิดความกังวลมากกว่าผลกระทบด้านร่างกาย นอกจากนี้ปัจจัยทางด้านสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงความ เครียดและวิถีการดำเนินชีวิต เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนได้เช่นกัน ส่วนวิธีการปฏิบัติสำหรับผู้มีอาการดังกล่าว คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต และฝึกควบคุมจิตใจและอารมณ์ รับประทานวิตามิน อาจช่วยบรรเทาอาการได้บ้างนอกจากนี้ นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ ภาควิชา สูติศาสตร์นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงผลการวิจัยสารดรอสไพริโนนในฮอร์โมนสูตร 24/4 ที่ล่าสุดได้มีการคิดค้นยาคุมกำเนิดสูตร 24/4 ประกอบด้วยสารโปรเจสโตเจน สังเคราะห์ตัวใหม่ ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา ให้การรับรองว่า สามารถรักษาอาการอันเนื่อง มาจากกลุ่มอาการก่อนมีประเดือนชนิดรุนแรงได้ โดยผลจากการวิจัยพบว่า สารดรอสไพริโนนในฮอร์โมนสูตร 24/4 มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยา ใกล้เคียงกับฮอร์โมนโปรเจสโตเจนในธรรมชาติ จะช่วยในกลไกยับยั้งการบวมคั่งของน้ำในร่างกาย ตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มโดยไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ สารตัวนี้ยังช่วยในกลไกรักษาสิว อย่างไรก็ตาม การรักษาหรือกินยา ในกรณีของผู้มีอาการก่อนมีประจำเดือนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม พร้อมควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ฝึกสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ, พักผ่อนให้เพียงพอ หรือหลีกเลี่ยงความเครียด เป็นต้น.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
รวมพลังคนไทยหัวใจเดียวกัน
รวมพลังคนไทยหัวใจเดียวกัน
คมชัดลึก :จากเหตุการณ์ความแตกแยกในสังคมไทย นำมาซึ่งความทุกข์ของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีจึงได้ร่วมกับองค์กรภาคีทั้งภาครัฐและเอกชน
เปิดตัวโครงการ "คนไทยหัวใจสีขาว" มุ่งรณรงค์ให้คนไทยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทัศนคติของตนเอง หันกลับมาปลูกต้นไม้แห่งคุณงามความดีในใจให้เบ่งบาน เพื่อสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ด้วยการสวมเสื้อและสายรัดข้อมือสีขาว สัญลักษณ์คนไทยหัวใจสีขาว เพื่อแสดงพลังร่วมกันสร้างสรรค์สังคมให้เกิดสันติ สงบร่มเย็นและอยู่อย่างเป็นสุข โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ สู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป
ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพหมานคร ทำให้ผู้คนไร้ชีวิตชีวา และเกิดความหวาดระแวง จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะคนไทยที่เกิดความท้อแท้จากเหตุการณ์ดังกล่าว และมุ่งหวังให้โครงการนี้เป็นเวทีกลางให้แก่คนที่ต้องการทำความดี นอกจากนี้ยังมุ่งรณรงค์การนำธรรมะกลับมาสู่หัวใจคนไทย ให้เกิดความสะอาด สงบ และสว่าง นั่นคือ สะอาดด้วยศีล สงบด้วยสมาธิ และสว่างด้วยปัญญา
"อีกสิ่งที่มีสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ การเปิดใจให้กว้าง วางอคติ ตอนนี้คนไทยมีอคติ ไม่เปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน คนที่มีความคิดไม่เหมือนกันกลายเป็นคนละพรรคคนละพวก ทำให้เกิดความตึงเครียด และความหวาดระแวงขึ้นในสังคม โลกใบนี้มีความงดงามจากความหลากหลาย การที่เราจะอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง คือต้องมีใจเป็นกลาง ใช้ใจสัมผัสกันจะทำให้สัมผัสความคิดที่ต่างกันได้ สิ่งที่อยากแนะให้ทุกคนทำตอนนี้คือ "ยิ้ม" ซึ่งต้องเป็นรอยยิ้มจากใจที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังต้องมีความเมตตาและมีน้ำใจต่อกัน แต่อยากฝากไว้ว่า การที่จะชุมนุมเรียกร้องอะไรก็ตาม ต้องไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่นด้วย อย่างผมไม่เป็นพวกเหลืองหรือพวกแดง แต่ผมมีหัวใจรักในหลวง" ผู้ริเริ่มโครงการกล่าว
พร้อมกันนี้ภายในงานได้จัดการเสวนาในหัวข้อ "สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" โดยผู้มีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ อาทิ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์, พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ, นพ.แท้จริง ศิริพานิช, อนุรุธ ว่องวานิช, ดร.บุญเกียรติ โชควัฒนา, ชาลอต โทณวณิก รวมทั้งเหล่าศิลปินดารา อาทิ "จิ๊ป" วสุ แสงสิงห์แก้ว, "มัดหมี่" พิมดาว พานิชสมัย, "ปิ๊บ" รวิชญ์ เทิดวงส์ เป็นต้น
พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจ จะทุกข์หรือสุขก็ขึ้นอยู่ที่เรา อย่าไปยึดติด โดยส่วนตัวมีความเชื่อมั่นว่า ความดียังไงก็ต้องชนะ ทุกคนต้องพยายามทำใจให้ขาว ถ้าหัวใจสีขาวของทุกคนมารวมกัน สีอื่นก็จะหายไป และหากสามารถสร้างความสงบท่ามกลางความวุ่นวายได้ จะทำให้เรามีความสุขที่สุด
ขณะที่ ชาลอต โทณวณิก กรรมการมูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัล เฮ้าส์ ให้ความเห็นว่า ตัวเราเป็นจุดเล็กๆ ในสังคม เราสามารถทำให้สังคมเกิดสันติสุขได้ โดยเริ่มจากตัวเราก่อน แล้วจึงเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่น โครงการคนไทยหัวใจสีขาวเป็นรวมตัวกันของผู้มีหัวใจสีขาว ซึ่งจะทำให้ความสุขนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น และจะสามารถทำประโยชน์เพื่อสังคมได้มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวคิดว่า การให้คือความสุข โดยเฉพาะการให้แก่คนที่เราไม่รู้จัก และต้องเป็นการให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน อย่าไปหวังว่าเราจะได้สิ่งนั้นคืน ให้แล้วมีความสุขเท่านั้นก็พอแล้ว
ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อเสื้อและสายรัดข้อมือ สัญลักษณ์ "คนไทยหัวใจสีขาว" ได้ที่ร้านนายอินทร์ ร้านซีเอ็ดบุ๊ค เซ็นเตอร์ ร้านบีทูเอส ร้านแมคโดนัลด์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ศูนย์ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 5 แห่งทั่วประเทศ และร้านดีบุ๊คส์ อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22 สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2685-2254
ข่าวที่เกี่ยวข้องใครอะไรที่ไหนประจำวันที่ 22 เม.ย.ศิลาในน้ำเชี่ยว - สังคมสีขาว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก :จากเหตุการณ์ความแตกแยกในสังคมไทย นำมาซึ่งความทุกข์ของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีจึงได้ร่วมกับองค์กรภาคีทั้งภาครัฐและเอกชน
เปิดตัวโครงการ "คนไทยหัวใจสีขาว" มุ่งรณรงค์ให้คนไทยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทัศนคติของตนเอง หันกลับมาปลูกต้นไม้แห่งคุณงามความดีในใจให้เบ่งบาน เพื่อสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ด้วยการสวมเสื้อและสายรัดข้อมือสีขาว สัญลักษณ์คนไทยหัวใจสีขาว เพื่อแสดงพลังร่วมกันสร้างสรรค์สังคมให้เกิดสันติ สงบร่มเย็นและอยู่อย่างเป็นสุข โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ สู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป
ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพหมานคร ทำให้ผู้คนไร้ชีวิตชีวา และเกิดความหวาดระแวง จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะคนไทยที่เกิดความท้อแท้จากเหตุการณ์ดังกล่าว และมุ่งหวังให้โครงการนี้เป็นเวทีกลางให้แก่คนที่ต้องการทำความดี นอกจากนี้ยังมุ่งรณรงค์การนำธรรมะกลับมาสู่หัวใจคนไทย ให้เกิดความสะอาด สงบ และสว่าง นั่นคือ สะอาดด้วยศีล สงบด้วยสมาธิ และสว่างด้วยปัญญา
"อีกสิ่งที่มีสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ การเปิดใจให้กว้าง วางอคติ ตอนนี้คนไทยมีอคติ ไม่เปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน คนที่มีความคิดไม่เหมือนกันกลายเป็นคนละพรรคคนละพวก ทำให้เกิดความตึงเครียด และความหวาดระแวงขึ้นในสังคม โลกใบนี้มีความงดงามจากความหลากหลาย การที่เราจะอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง คือต้องมีใจเป็นกลาง ใช้ใจสัมผัสกันจะทำให้สัมผัสความคิดที่ต่างกันได้ สิ่งที่อยากแนะให้ทุกคนทำตอนนี้คือ "ยิ้ม" ซึ่งต้องเป็นรอยยิ้มจากใจที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังต้องมีความเมตตาและมีน้ำใจต่อกัน แต่อยากฝากไว้ว่า การที่จะชุมนุมเรียกร้องอะไรก็ตาม ต้องไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่นด้วย อย่างผมไม่เป็นพวกเหลืองหรือพวกแดง แต่ผมมีหัวใจรักในหลวง" ผู้ริเริ่มโครงการกล่าว
พร้อมกันนี้ภายในงานได้จัดการเสวนาในหัวข้อ "สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" โดยผู้มีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ อาทิ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์, พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ, นพ.แท้จริง ศิริพานิช, อนุรุธ ว่องวานิช, ดร.บุญเกียรติ โชควัฒนา, ชาลอต โทณวณิก รวมทั้งเหล่าศิลปินดารา อาทิ "จิ๊ป" วสุ แสงสิงห์แก้ว, "มัดหมี่" พิมดาว พานิชสมัย, "ปิ๊บ" รวิชญ์ เทิดวงส์ เป็นต้น
พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจ จะทุกข์หรือสุขก็ขึ้นอยู่ที่เรา อย่าไปยึดติด โดยส่วนตัวมีความเชื่อมั่นว่า ความดียังไงก็ต้องชนะ ทุกคนต้องพยายามทำใจให้ขาว ถ้าหัวใจสีขาวของทุกคนมารวมกัน สีอื่นก็จะหายไป และหากสามารถสร้างความสงบท่ามกลางความวุ่นวายได้ จะทำให้เรามีความสุขที่สุด
ขณะที่ ชาลอต โทณวณิก กรรมการมูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัล เฮ้าส์ ให้ความเห็นว่า ตัวเราเป็นจุดเล็กๆ ในสังคม เราสามารถทำให้สังคมเกิดสันติสุขได้ โดยเริ่มจากตัวเราก่อน แล้วจึงเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่น โครงการคนไทยหัวใจสีขาวเป็นรวมตัวกันของผู้มีหัวใจสีขาว ซึ่งจะทำให้ความสุขนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น และจะสามารถทำประโยชน์เพื่อสังคมได้มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวคิดว่า การให้คือความสุข โดยเฉพาะการให้แก่คนที่เราไม่รู้จัก และต้องเป็นการให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน อย่าไปหวังว่าเราจะได้สิ่งนั้นคืน ให้แล้วมีความสุขเท่านั้นก็พอแล้ว
ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อเสื้อและสายรัดข้อมือ สัญลักษณ์ "คนไทยหัวใจสีขาว" ได้ที่ร้านนายอินทร์ ร้านซีเอ็ดบุ๊ค เซ็นเตอร์ ร้านบีทูเอส ร้านแมคโดนัลด์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ศูนย์ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 5 แห่งทั่วประเทศ และร้านดีบุ๊คส์ อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22 สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2685-2254
ข่าวที่เกี่ยวข้องใครอะไรที่ไหนประจำวันที่ 22 เม.ย.ศิลาในน้ำเชี่ยว - สังคมสีขาว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ตื่นตากับแอฟริกาที่ปลายเล็บ
ตื่นตากับแอฟริกาที่ปลายเล็บ
คมชัดลึก : เผยโฉมกันไปเรียบร้อยสำหรับตัวแทนคนไทยฝีมือดีที่จะไปร่วมทำการแข่งขันตกแต่งเล็บแบบสามมิติระดับนานาชาติในการประกวด INM Thailand Nail Competition ครั้งที่สอง ซึ่งปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่จากการประกวดทำเล็บในแบบเดิมๆ
มาเน้นความเป็นเอกลักษณ์และความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าประกวด พร้องลูกเล่นสามมิติให้ผู้เข้าแข่งขันได้โชว์เทคนิคมากขึ้น ภายในงานยังมีแฟชั่นโชว์คอนเซ็ปต์ “The Africa Safari” จากนางแบบที่เดินเฉิดฉายมาพร้อมกับผลงานการตกแต่งเล็บจากผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้ง 8 ชิ้นซะด้วย
หนึ่งในกรรมการตัดสิน ซึ่งเป็นทั้งวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง ราเชล มัวริทเซ่น กล่าวว่า โดยพื้นฐานคนไทยล้วนมีฝีมือ แต่แตกต่างที่ความคิดสร้างสรรค์ การตีโจทย์ ความเข้าใจคอนเซ็ปต์ รวมไปถึงความชำนาญและประสบการณ์ ผลงานในวันนี้ถือเป็นที่น่าประทับใจ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ตัวแทนฝีมือดีจากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก ปรมาพร โชติเตชานนท์ เจ้าของรางวัลชนะเลิศกับผลงาน “ทุ่งหญ้าแอฟริกาซาฟารี” เล่าถึงแรงบันดาลใจในผลงานชิ้นนี้ว่า เธอต้องการทำให้เหมือนจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสภาพป่าแอฟริกา ความแห้งแล้ง หรือสัตว์ โดยเน้นความหลากหลายและครอบคลุม ที่สำคัญต้องเหมือนจริง ด้วยการหาข้อมูลจากหนังสือสัตว์โลกต่างๆ รวมไปถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพป่าในแอฟริกา ความแตกต่างจากป่าอื่นๆ หลังจากทราบผลแล้ว รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไปด้านเจ้าของรางวัลที่สองอย่าง วาสนา ฤกษ์ชัย ผู้ชื่นชอบการ์ตูนเป็นทุนเดิม จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับผลงาน ‘Go Safari South Africa’ จะพยายามสื่อให้เห็นถึงความสดชื่น ทุ่งหญ้า และสีสันสดใส สำหรับเวทีนี้ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรก ตนเองเน้นใช้ผงอะคริลิกปั้นเป็นตัวนูนต่ำและนูนสูง เพื่อประดับบนเล็บให้สวยงาม
ส่วนผลงาน “Africa World” เจ้าของรางวัลที่สามของ พรรณวดี ยางนอก ยืนยันว่าไม่เสียใจที่ไม่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับโลก แต่จะกลับไปพัฒนาฝีมือเพื่อจะกลับมาแข่งใหม่ในปีต่อไป พร้อมกับเล่าถึงขั้นตอนความสำเร็จในครั้งนี้ว่าได้ลองวาดภาพลงบนกระดาษก่อนเพื่อจะได้เห็นภาพรวมและหาจุดที่สามารถแก้ไขได้ โดยใช้เวลาเตรียมงานหนึ่งสัปดาห์แล้วลงมือทำชิ้นงาน 3 วัน เห็นผลงานแต่ละคนสร้างสรรค์และใส่ใจรายละเอียดอย่างนี้แล้ว คนไทยก้าวสู่เวทีโลกสบาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง'วุ้นเส้น' ดี๊ด๊า 'พระจันทร์ฯ' เรตติ้งดี แชะ แชะ แชะประจำวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553โซนรักสัตว์ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 เม.ย.53มุมหนังสือประจำวันที่18 เม.ย.53แชะ แชะ แชะวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก : เผยโฉมกันไปเรียบร้อยสำหรับตัวแทนคนไทยฝีมือดีที่จะไปร่วมทำการแข่งขันตกแต่งเล็บแบบสามมิติระดับนานาชาติในการประกวด INM Thailand Nail Competition ครั้งที่สอง ซึ่งปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่จากการประกวดทำเล็บในแบบเดิมๆ
มาเน้นความเป็นเอกลักษณ์และความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าประกวด พร้องลูกเล่นสามมิติให้ผู้เข้าแข่งขันได้โชว์เทคนิคมากขึ้น ภายในงานยังมีแฟชั่นโชว์คอนเซ็ปต์ “The Africa Safari” จากนางแบบที่เดินเฉิดฉายมาพร้อมกับผลงานการตกแต่งเล็บจากผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้ง 8 ชิ้นซะด้วย
หนึ่งในกรรมการตัดสิน ซึ่งเป็นทั้งวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง ราเชล มัวริทเซ่น กล่าวว่า โดยพื้นฐานคนไทยล้วนมีฝีมือ แต่แตกต่างที่ความคิดสร้างสรรค์ การตีโจทย์ ความเข้าใจคอนเซ็ปต์ รวมไปถึงความชำนาญและประสบการณ์ ผลงานในวันนี้ถือเป็นที่น่าประทับใจ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ตัวแทนฝีมือดีจากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก ปรมาพร โชติเตชานนท์ เจ้าของรางวัลชนะเลิศกับผลงาน “ทุ่งหญ้าแอฟริกาซาฟารี” เล่าถึงแรงบันดาลใจในผลงานชิ้นนี้ว่า เธอต้องการทำให้เหมือนจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสภาพป่าแอฟริกา ความแห้งแล้ง หรือสัตว์ โดยเน้นความหลากหลายและครอบคลุม ที่สำคัญต้องเหมือนจริง ด้วยการหาข้อมูลจากหนังสือสัตว์โลกต่างๆ รวมไปถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพป่าในแอฟริกา ความแตกต่างจากป่าอื่นๆ หลังจากทราบผลแล้ว รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไปด้านเจ้าของรางวัลที่สองอย่าง วาสนา ฤกษ์ชัย ผู้ชื่นชอบการ์ตูนเป็นทุนเดิม จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับผลงาน ‘Go Safari South Africa’ จะพยายามสื่อให้เห็นถึงความสดชื่น ทุ่งหญ้า และสีสันสดใส สำหรับเวทีนี้ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรก ตนเองเน้นใช้ผงอะคริลิกปั้นเป็นตัวนูนต่ำและนูนสูง เพื่อประดับบนเล็บให้สวยงาม
ส่วนผลงาน “Africa World” เจ้าของรางวัลที่สามของ พรรณวดี ยางนอก ยืนยันว่าไม่เสียใจที่ไม่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับโลก แต่จะกลับไปพัฒนาฝีมือเพื่อจะกลับมาแข่งใหม่ในปีต่อไป พร้อมกับเล่าถึงขั้นตอนความสำเร็จในครั้งนี้ว่าได้ลองวาดภาพลงบนกระดาษก่อนเพื่อจะได้เห็นภาพรวมและหาจุดที่สามารถแก้ไขได้ โดยใช้เวลาเตรียมงานหนึ่งสัปดาห์แล้วลงมือทำชิ้นงาน 3 วัน เห็นผลงานแต่ละคนสร้างสรรค์และใส่ใจรายละเอียดอย่างนี้แล้ว คนไทยก้าวสู่เวทีโลกสบาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง'วุ้นเส้น' ดี๊ด๊า 'พระจันทร์ฯ' เรตติ้งดี แชะ แชะ แชะประจำวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553โซนรักสัตว์ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 เม.ย.53มุมหนังสือประจำวันที่18 เม.ย.53แชะ แชะ แชะวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Sunday, April 25, 2010
เปิดพื้นที่วัฒนธรรมเทิดไท้องค์ราชันย์
เปิดพื้นที่วัฒนธรรมเทิดไท้องค์ราชันย์
คมชัดลึก : เพื่อร่วมระลึกถึงวันครบรอบปีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติ ธ ทรงปกเกล้า จากขุนเขาจรดทะเลขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
โดย เรืออากาศเอกสุริยะ ศึกษากิจ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงภาพรวมของการจัดงานในครั้งนี้ว่า ต้องการเน้นเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ รวมไปถึงส่งเสริมคนทั่วไปให้เข้าใจในสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองเนื่องในวันสากลความหลากหลายทางวัฒนธรรม 21 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
"ประเทศไทยประกอบด้วยหลายชาติพันธุ์ไม่ใช่แค่ภาคหรือจังหวัดเท่านั้น เส้นที่แบ่งแยกเป็นแค่เส้นสมมติ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิด วัฒนธรรมหรือประเพณี หลายครั้งที่มีการแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง ซึ่งงานนี้จะทำให้คนไทยด้วยกันเห็นความแตกต่างตรงนี้อย่างมีความสุข" ร.อ.สุริยะ กล่าว
ด้าน จอนิ โอ่โดเชา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าพะตี ประธานเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยเอ่ยถึงจุดเริ่มต้นในการเข้ามามีส่วนร่วมในงานมหกรรมครั้งนี้ว่า ปกติจะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในหลวงกันที่บ้านเท่านั้น แต่ปีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอและมีการสนับสนุนให้มาร่วมจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯ
"พระองค์ท่านเคยเสด็จฯ มาที่บ้านสองครั้ง ไม่ใช่แค่ที่หมู่บ้านแต่ไปอีกหลายพื้นที่ ทรงทำโครงการหลวงให้ชาวเขาปลูกพืชผลไม้เมืองหนาว ทำให้ชาวเผ่าทุกคนชื่นใจ เข้าใจรู้ซึ้งถึงคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ที่หมู่บ้านเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมามีการปลูกป่าลดโลกร้อนแล้วเกิดไฟไหม้ป่า ตอนนี้เลยต้องคอยดูแล สอนให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักคุณค่าของดินน้ำป่าไม้" ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวกะเหรี่ยงกล่าว
หนึ่งในกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นพ.แท้จริง ศิริพานิช กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้ว่า ทุกคนในโลกนี้เหมือนกันหมดคือมาจากแหล่งเดียวกันแต่มนุษย์เรามาแบ่งกันเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงให้เห็นว่าทุกคนเป็นลูกหมด อยากแสดงให้เห็นว่าทุกคนเป็นพี่น้องกันและรับรู้ถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เอาสิ่งที่มีความแตกต่างมาให้เห็นว่าดอกไม้หลากสีก็จัดอยู่บนแจกันแล้วดูสวยงามได้
นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม ชมรมเยาวชนคนรักษ์ศิลป์พิณภูเขา มาร่วมสร้างความเพลิดเพลินใจด้วยโชว์ดนตรีพื้นเมืองประยุกต์กับเครื่องดนตรีสมัยใหม่ใน เพลงซาลาคาเออ เนื้อเพลงบอกเล่าถึงขั้นตอนก่อนที่จะได้เสื้อผ้าฝ้ายมาหนึ่งตัว เพลงอาโจยะ พูดถึงการแต่งกายของหญิงชาวอาข่า เพลงซียามาลู ที่ถามตัวเราว่าโลกและตัวเรากำลังเปลี่ยนไป ถึงเวลาที่เราจะต้องปรับตัวให้ทันหรือยัง และ เพลงใจเดียวกัน ที่ถ่ายทอดเนื้อเพลงออกมาเป็นภาษาไทยอีกด้วย
ร่วมฟังสัมมนาเรื่อง "ธ ทรงปกเกล้าฯ จากขุนเขาจรดทะเล" และชมนิทรรศการชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยและการจัดแสดงวิถีชีวิตชนเผ่าพื้นเมืองจากต่างประเทศได้ในงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติ ธ ทรงปกเกล้า จากขุนเขาจรดทะเล ซึ่งจะจัดให้ชมในวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น.
เรื่อง / เบญจวรรณ รักมณี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง"ล้วงลูกกัน ที่จำปาสัก-ลาวใต้"
23ชนเผ่าแสดงความภักดีในหลวงจัดงานธทรงปกเกล้าฯ อังคารที่ 13 เมษายน 2553
อาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553ยกย่อง"ในหลวง"ต้นแบบส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก : เพื่อร่วมระลึกถึงวันครบรอบปีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติ ธ ทรงปกเกล้า จากขุนเขาจรดทะเลขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
โดย เรืออากาศเอกสุริยะ ศึกษากิจ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงภาพรวมของการจัดงานในครั้งนี้ว่า ต้องการเน้นเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ รวมไปถึงส่งเสริมคนทั่วไปให้เข้าใจในสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองเนื่องในวันสากลความหลากหลายทางวัฒนธรรม 21 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
"ประเทศไทยประกอบด้วยหลายชาติพันธุ์ไม่ใช่แค่ภาคหรือจังหวัดเท่านั้น เส้นที่แบ่งแยกเป็นแค่เส้นสมมติ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิด วัฒนธรรมหรือประเพณี หลายครั้งที่มีการแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง ซึ่งงานนี้จะทำให้คนไทยด้วยกันเห็นความแตกต่างตรงนี้อย่างมีความสุข" ร.อ.สุริยะ กล่าว
ด้าน จอนิ โอ่โดเชา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าพะตี ประธานเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยเอ่ยถึงจุดเริ่มต้นในการเข้ามามีส่วนร่วมในงานมหกรรมครั้งนี้ว่า ปกติจะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในหลวงกันที่บ้านเท่านั้น แต่ปีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอและมีการสนับสนุนให้มาร่วมจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯ
"พระองค์ท่านเคยเสด็จฯ มาที่บ้านสองครั้ง ไม่ใช่แค่ที่หมู่บ้านแต่ไปอีกหลายพื้นที่ ทรงทำโครงการหลวงให้ชาวเขาปลูกพืชผลไม้เมืองหนาว ทำให้ชาวเผ่าทุกคนชื่นใจ เข้าใจรู้ซึ้งถึงคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ที่หมู่บ้านเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมามีการปลูกป่าลดโลกร้อนแล้วเกิดไฟไหม้ป่า ตอนนี้เลยต้องคอยดูแล สอนให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักคุณค่าของดินน้ำป่าไม้" ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวกะเหรี่ยงกล่าว
หนึ่งในกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นพ.แท้จริง ศิริพานิช กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้ว่า ทุกคนในโลกนี้เหมือนกันหมดคือมาจากแหล่งเดียวกันแต่มนุษย์เรามาแบ่งกันเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงให้เห็นว่าทุกคนเป็นลูกหมด อยากแสดงให้เห็นว่าทุกคนเป็นพี่น้องกันและรับรู้ถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เอาสิ่งที่มีความแตกต่างมาให้เห็นว่าดอกไม้หลากสีก็จัดอยู่บนแจกันแล้วดูสวยงามได้
นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม ชมรมเยาวชนคนรักษ์ศิลป์พิณภูเขา มาร่วมสร้างความเพลิดเพลินใจด้วยโชว์ดนตรีพื้นเมืองประยุกต์กับเครื่องดนตรีสมัยใหม่ใน เพลงซาลาคาเออ เนื้อเพลงบอกเล่าถึงขั้นตอนก่อนที่จะได้เสื้อผ้าฝ้ายมาหนึ่งตัว เพลงอาโจยะ พูดถึงการแต่งกายของหญิงชาวอาข่า เพลงซียามาลู ที่ถามตัวเราว่าโลกและตัวเรากำลังเปลี่ยนไป ถึงเวลาที่เราจะต้องปรับตัวให้ทันหรือยัง และ เพลงใจเดียวกัน ที่ถ่ายทอดเนื้อเพลงออกมาเป็นภาษาไทยอีกด้วย
ร่วมฟังสัมมนาเรื่อง "ธ ทรงปกเกล้าฯ จากขุนเขาจรดทะเล" และชมนิทรรศการชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยและการจัดแสดงวิถีชีวิตชนเผ่าพื้นเมืองจากต่างประเทศได้ในงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติ ธ ทรงปกเกล้า จากขุนเขาจรดทะเล ซึ่งจะจัดให้ชมในวันที่ 1-5 พฤษภาคมนี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น.
เรื่อง / เบญจวรรณ รักมณี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง"ล้วงลูกกัน ที่จำปาสัก-ลาวใต้"
23ชนเผ่าแสดงความภักดีในหลวงจัดงานธทรงปกเกล้าฯ อังคารที่ 13 เมษายน 2553
อาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553ยกย่อง"ในหลวง"ต้นแบบส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แพทย์เผยหญิงไทยมีอาการน่าวิกฤติกับอาการก่อนมีประจำเดือน
แพทย์เผยหญิงไทยมีอาการน่าวิกฤติกับอาการก่อนมีประจำเดือน
คมชัดลึก : วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกรมอนามัย ตระหนักถึงภัยเงียบที่ซ่อนเร้นในอาการไม่พึงประสงค์ช่วงก่อนมีประจำเดือนในกลุ่มผู้หญิง ล่าสุดจึงได้ทำการวิจัยสำรวจภายใต้หัวข้อ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงไทย (PMS) นับเป็นครั้งแรกที่ทำการวิจัยสำรวจโดยใช้หลัก ACOG (American College of Obstetricians and Gynecologists)
ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยจำนวนมากไม่รู้จักและไม่ทราบว่าตัวเองมีอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือน หรือ PMS อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีการศึกษาเกี่ยวกับอาการ PMS น้อยและไม่ลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับความรุนแรงและการชุกตัวของอาการ ทั้งยังไม่มีการตื่นตัวเกี่ยวกับอาการ PMS ว่าเป็นสิ่งที่จะกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่งผลให้ผู้หญิงไทยจำนวนมากต้องเผชิญภาวะเครียด หงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวน โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุซึ่งอาจมาจากอาการดังกล่าว ซึ่งนับวันสถานการณ์ PMS ในผู้หญิงไทยนั้นยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ก่อให้เกิดความแปรปรวนทางร่างกายและจิตใจ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้าง
"อาการหลักๆ ของกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่มักเป็นกันมาก เช่น คัดตึงเต้านม มือ หรือเท้าบวม ปวดศีรษะ ไมเกรน ท้องอืด น้ำหนักขึ้น อยากอาหารมากกว่าปกติ นอนไม่หลับ หรือนอนมากกว่าปกติ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิ เครียด วิตกกังวล ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การทำงาน และการเข้าสังคม หากเป็นมากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ" ศ.นพ.สุรสักดิ์ แจง
พร้อมกันนี้ คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของวิธีปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีอาการ PMS ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและฝึกควบคุมจิตใจและอารมณ์ รับประทานวิตามิน ซึ่งแนวทางดังกล่าวอาจช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้ก็จริง แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดยืนยันถึงผลการรักษาอาการ PMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดได้มีการคิดค้นยาคุมกำเนิดสูตร 24/4 ซึ่งเป็นสารโปรเจสโตเจนสังเคราะห์ตัวใหม่ที่รับประทาน 24 เม็ดกับอีก 4 เม็ด ต่อรอบเดือน ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกาว่าสามารถรักษา PMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"อย่างไรก็ดี ผู้มีอาการก่อนมีประจำเดือนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม พร้อมกันนี้ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย อาทิ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ พักผ่อนให้เพียงพอ บริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงความเครียดในชีวิตประจำวัน" คุณหมอ แนะนำทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้องกล้วยหอมถั่วแดงทอด
อนุพงษ์ย้ำผบ.หน่วยไม่ใช้กำลังสลายม๊อบแดงนานาปัญหาพาปวดใจ
ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน - อยากฝังเข็มชะลอแก่
"พระครูวรคุณประยุต"
เรื่องของ...วิสัยทัศน์กับการตอบรับ
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก : วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกรมอนามัย ตระหนักถึงภัยเงียบที่ซ่อนเร้นในอาการไม่พึงประสงค์ช่วงก่อนมีประจำเดือนในกลุ่มผู้หญิง ล่าสุดจึงได้ทำการวิจัยสำรวจภายใต้หัวข้อ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนในผู้หญิงไทย (PMS) นับเป็นครั้งแรกที่ทำการวิจัยสำรวจโดยใช้หลัก ACOG (American College of Obstetricians and Gynecologists)
ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยจำนวนมากไม่รู้จักและไม่ทราบว่าตัวเองมีอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือน หรือ PMS อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีการศึกษาเกี่ยวกับอาการ PMS น้อยและไม่ลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับความรุนแรงและการชุกตัวของอาการ ทั้งยังไม่มีการตื่นตัวเกี่ยวกับอาการ PMS ว่าเป็นสิ่งที่จะกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่งผลให้ผู้หญิงไทยจำนวนมากต้องเผชิญภาวะเครียด หงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวน โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุซึ่งอาจมาจากอาการดังกล่าว ซึ่งนับวันสถานการณ์ PMS ในผู้หญิงไทยนั้นยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ก่อให้เกิดความแปรปรวนทางร่างกายและจิตใจ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้าง
"อาการหลักๆ ของกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่มักเป็นกันมาก เช่น คัดตึงเต้านม มือ หรือเท้าบวม ปวดศีรษะ ไมเกรน ท้องอืด น้ำหนักขึ้น อยากอาหารมากกว่าปกติ นอนไม่หลับ หรือนอนมากกว่าปกติ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิ เครียด วิตกกังวล ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การทำงาน และการเข้าสังคม หากเป็นมากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ" ศ.นพ.สุรสักดิ์ แจง
พร้อมกันนี้ คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของวิธีปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีอาการ PMS ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและฝึกควบคุมจิตใจและอารมณ์ รับประทานวิตามิน ซึ่งแนวทางดังกล่าวอาจช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้ก็จริง แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดยืนยันถึงผลการรักษาอาการ PMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดได้มีการคิดค้นยาคุมกำเนิดสูตร 24/4 ซึ่งเป็นสารโปรเจสโตเจนสังเคราะห์ตัวใหม่ที่รับประทาน 24 เม็ดกับอีก 4 เม็ด ต่อรอบเดือน ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกาว่าสามารถรักษา PMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"อย่างไรก็ดี ผู้มีอาการก่อนมีประจำเดือนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม พร้อมกันนี้ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย อาทิ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ พักผ่อนให้เพียงพอ บริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงความเครียดในชีวิตประจำวัน" คุณหมอ แนะนำทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้องกล้วยหอมถั่วแดงทอด
อนุพงษ์ย้ำผบ.หน่วยไม่ใช้กำลังสลายม๊อบแดงนานาปัญหาพาปวดใจ
ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน - อยากฝังเข็มชะลอแก่
"พระครูวรคุณประยุต"
เรื่องของ...วิสัยทัศน์กับการตอบรับ
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แนะ เรียนก่อนนอน-นอนให้ฝัน จะจดจำได้แม่นยำ
แนะ เรียนก่อนนอน-นอนให้ฝัน จะจดจำได้แม่นยำ
อาจารย์โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดชื่อดังของสหรัฐฯ แนะเคล็ดให้ว่า หากอยากจะจดจำอะไรให้ ได้เร็วและนาน ถ้าไม่เรียนเสร็จให้รีบงีบสักพัก ก็ให้เก็บเอาไปนอนฝันด้วยวารสารวิชาการ เซลล์ ชีววิทยา แจ้งว่า พวกเขาได้พบในการศึกษากับอาสาสมัครว่า การประพฤติเหล่านั้น จะช่วยให้จดจำได้เร็วและนานดร.โรเบิร์ท สติกค์โกล์ด ผู้ เรียบเรียงรายงาน กล่าวว่า การฝันอาจจะเป็นการแสดงว่า สมองส่วนของจิตใต้สำนึก ก็ได้ช่วยขบคิดปัญหาของการงานอย่างหนักด้วย การฝันอาจจะบอกให้รู้ว่า สมองก็พยายามที่จะหาความเกี่ยวพันกับความจำ ที่อาจจะใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ขณะที่ ดร.เอริน วามสลีย์ ผู้ร่วมทำรายงานอีกผู้หนึ่ง ก็กล่าวบอกว่า สมองส่วนจิตใต้สำนึก จะทำงานในสิ่งซึ่งเห็นว่าสำคัญที่ สุด ทุกวันเรารับรู้ข้อมูลและประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายมหาศาล มันเหมือน กับความฝันของเรา คงจะตั้งคำถามว่า จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ เป็นคุณแก่ชีวิตของเราอย่างไรนักวิทยาศาสตร์ได้เห็นดีว่า เป็นหนทางที่เราจะเอาประสบการณ์นี้ มาใช้ปรับปรุงการเรียนรู้และการจำของเราได้ อย่างเช่น ควรใช้เวลาก่อนนอน เรียนให้หนัก หรือไม่ก็หลังจากเรียนเสร็จตอนเย็น ก็ควรจะงีบสักพัก.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
อาจารย์โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดชื่อดังของสหรัฐฯ แนะเคล็ดให้ว่า หากอยากจะจดจำอะไรให้ ได้เร็วและนาน ถ้าไม่เรียนเสร็จให้รีบงีบสักพัก ก็ให้เก็บเอาไปนอนฝันด้วยวารสารวิชาการ เซลล์ ชีววิทยา แจ้งว่า พวกเขาได้พบในการศึกษากับอาสาสมัครว่า การประพฤติเหล่านั้น จะช่วยให้จดจำได้เร็วและนานดร.โรเบิร์ท สติกค์โกล์ด ผู้ เรียบเรียงรายงาน กล่าวว่า การฝันอาจจะเป็นการแสดงว่า สมองส่วนของจิตใต้สำนึก ก็ได้ช่วยขบคิดปัญหาของการงานอย่างหนักด้วย การฝันอาจจะบอกให้รู้ว่า สมองก็พยายามที่จะหาความเกี่ยวพันกับความจำ ที่อาจจะใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ขณะที่ ดร.เอริน วามสลีย์ ผู้ร่วมทำรายงานอีกผู้หนึ่ง ก็กล่าวบอกว่า สมองส่วนจิตใต้สำนึก จะทำงานในสิ่งซึ่งเห็นว่าสำคัญที่ สุด ทุกวันเรารับรู้ข้อมูลและประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายมหาศาล มันเหมือน กับความฝันของเรา คงจะตั้งคำถามว่า จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ เป็นคุณแก่ชีวิตของเราอย่างไรนักวิทยาศาสตร์ได้เห็นดีว่า เป็นหนทางที่เราจะเอาประสบการณ์นี้ มาใช้ปรับปรุงการเรียนรู้และการจำของเราได้ อย่างเช่น ควรใช้เวลาก่อนนอน เรียนให้หนัก หรือไม่ก็หลังจากเรียนเสร็จตอนเย็น ก็ควรจะงีบสักพัก.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ข้าวแช่ อาหารไทยหน้าร้อน
ข้าวแช่ อาหารไทยหน้าร้อน
วันนี้เป็นวันที่ร้อนที่สุดของประเทศไทย (ตามกรมอุตุฯ น่ะครับ ไม่ใช่สถานการณ์) ช่วงนี้เหตุการณ์บ้านเมืองคงมีการแบ่งแยกเป็นหลายกลุ่ม หลายพวก หลายก๊ก แต่โดยสรุปก็ก่อให้เกิดความเสียหายและบอบชำ้ เสียหายกันไปหมด มีเพื่อนผมถามว่าผมสีไหน อย่างเรา สีส้ม ไม่เอาแดง ไม่เอาเหลือง ผสมกันไป หลากสีก็ไม่ใช่ แต่มีจุดยืนที่เด่นชัด อีกเรื่องที่เห็นว่ามาแรงในช่วงนี้ ก็ผลกระทบต่อ ทีโอที สถาบันเก่าของผม ผมคงไม่อยากเห็น ทีโอที เหลือแต่ชื่อไว้เพียงความทรงจำ
มาคราวนี้จะออกไปไม่ไกล อยากจะแนะนำอาหารที่เป็นไทยเดิม มีกินมาตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ ชาวมอญนิยมกินกันในช่วงหน้าร้อน หรือ เทศกาลสำคัญ ข้าวแช่เป็นอาหารช่วงหน้าร้อน ประวัติข้าวแช่ เป็นอาหารที่ประดิษฐ์ขึ้นตอนรัฐสมัย ร.5 ที่เราๆ ท่านๆ กินอยู่นี่ จะรู้จักกันในชื่อ ข้าวแช่ชาววัง หรือ ข้าวแช่เสวย มักจะลอยน้ำด้วยดอกไม้หอม เวลากินจะสดชื่น เครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้คือ ลูกกระปิ ไชโป้หวาน พริกหยวกยัดไส้ เนื้อหวานฝอย บางตำหรับ จะมี หอมแดงยัดไส้ทอด พริกแห้งยัดไส้ โดยมีเครื่องเคียงที่เป็นผักสด อย่างเช่นมะม่วง กระชาย ต้นหอม เป็นต้น
มากินกันเลยดีกว่า ข้าวสวย แค่ข้าวก็ยากเอาการ จะต้องหุงแล้วนำมาคัดกับผ้าขาวบาง จนตัวเมล็ดขาวสะอาดและเป็นตัว นำมาใส่น้ำที่ลอยดอกไม้หอม อย่างเช่น มะลิ ใส่น้ำแข็งสักหน่อย สมัยก่อนจะใช้ ไหดินเพื่อให้น้ำเย็นขึ้น คนสมัยนี้ใจร้อนใส่น้ำแข็ง (เพื่อนสนิทผม คุณสันติ ว่าจะกินเป็น ด่าผมเสียๆหายๆ ว่ากินอะไรว่ะ เอาข้าวมาแช่น้ำดันใส่น้ำแข็งด้วย นึกว่ากินน้ำแข็งไส) ว่าไปนั้น เดี๋ยวนี้ขอกินทุกปีเลย ฮาๆๆๆๆ มาดูเครื่องกินบ้าง ลูกกะปิ จะต้องน้ำ กระชาย กุ้งแห้ง ตะไคร้ นำมาโขลกรวมกัน แล้วใส่กะปิดี ลงไปผสม จากนั้นปันเป็นก้อนตากแห้งให้แห้งพอหมาด นำมาชุปไข่ทอด ตัวเด็ด ใครทำลูกกะปิไม่อร่อยจบเลย ข้าวแช่ จะต้องไม่มีกลิ่นกะปิ เพียงแต่ชื่อมันเท่านั้น ตัวที่สองที่ขาดไม่ได้คือ พริกหยวกยัดไส้ การทำก็ลำบากอีกล่ะครับ จะต้องนำหมูบด กุ้งบด รากผัดชี พริกไทย นำมาโขลกรวมกัน จนกว่าจะเหนียวได้ที่ ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำตาลทรายเล็กน้อย นำไปยัดไส้พริกหยวก และนึ่งให้สุก ก่อนที่จะนำไปห่อด้วยแห่ไข่ อันนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เป็นคล้ายแห่ ห่อตัวพริก จานที่สามไชโป้หวาน จานนี้คล้ายกับการผัดไข่ แต่กินกับข้าวแช่จะไม่ใส่ไข่ ผัดกับน้ำตาลทรายจนเป็นเงา ถือว่าใช้ได้แล้ว จากสุดท้ายที่จะแนะนำ คือ เนื้อหวานฉีกฝอยหวาน อันนี้ไปซื้อได้เลย ที่ตลาด อตก. ชอบเจ้าไหน จัดไปเลยครับ ขอแนะนำเวลากิน เขาจะไม่เอากับข้าวใส่ลงไปในชามข้าว (จะทำน้ำขุ่นและเป็นมัน ส่วนใหญ่จะมีจากมาเคียงข้างตักกับใส่ปากและตามด้วยข้าว เป็นวิธีที่ถูกต้องครับ อย่าดันไปตักใส่ชามข้าวถือว่าไม่เป็น) และกินเคียงกับมะม่วงมัน กระชาย เข้ากันสุดๆ หากินอยากครับ ยังไม่มีร้านไหนที่ผมถูกปากเลย
ที่เขียนมาทั้งหมด ก็ได้โอกาสที่บ้านคุณแม่รุ่งทิวา ทำให้กินที่บ้านเลยมีโอกาสเสียที นานๆปีจะทำกินกัน ก็มันทำยากมาก ใช้เวลานานครับ แล้วเวลากินเต็มทีไม่ต้องอาย ในหลายที่จะจัดมาเป็นชุด ไม่พอกินสำหรับผมครับ 5555 กินเยอะ เลยต้องขอโทษที่ไม่มีร้านแนะนำสำหรับข้าวแช่ชาววัง ในอาทิตย์นี้ครับRating : ที่สุดในแผ่นดินเรื่องและภาพโดยธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)E-mail : tana_bay@hotmail.comfacebook : baypalacetwitter : baypalace
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
วันนี้เป็นวันที่ร้อนที่สุดของประเทศไทย (ตามกรมอุตุฯ น่ะครับ ไม่ใช่สถานการณ์) ช่วงนี้เหตุการณ์บ้านเมืองคงมีการแบ่งแยกเป็นหลายกลุ่ม หลายพวก หลายก๊ก แต่โดยสรุปก็ก่อให้เกิดความเสียหายและบอบชำ้ เสียหายกันไปหมด มีเพื่อนผมถามว่าผมสีไหน อย่างเรา สีส้ม ไม่เอาแดง ไม่เอาเหลือง ผสมกันไป หลากสีก็ไม่ใช่ แต่มีจุดยืนที่เด่นชัด อีกเรื่องที่เห็นว่ามาแรงในช่วงนี้ ก็ผลกระทบต่อ ทีโอที สถาบันเก่าของผม ผมคงไม่อยากเห็น ทีโอที เหลือแต่ชื่อไว้เพียงความทรงจำ
มาคราวนี้จะออกไปไม่ไกล อยากจะแนะนำอาหารที่เป็นไทยเดิม มีกินมาตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ ชาวมอญนิยมกินกันในช่วงหน้าร้อน หรือ เทศกาลสำคัญ ข้าวแช่เป็นอาหารช่วงหน้าร้อน ประวัติข้าวแช่ เป็นอาหารที่ประดิษฐ์ขึ้นตอนรัฐสมัย ร.5 ที่เราๆ ท่านๆ กินอยู่นี่ จะรู้จักกันในชื่อ ข้าวแช่ชาววัง หรือ ข้าวแช่เสวย มักจะลอยน้ำด้วยดอกไม้หอม เวลากินจะสดชื่น เครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้คือ ลูกกระปิ ไชโป้หวาน พริกหยวกยัดไส้ เนื้อหวานฝอย บางตำหรับ จะมี หอมแดงยัดไส้ทอด พริกแห้งยัดไส้ โดยมีเครื่องเคียงที่เป็นผักสด อย่างเช่นมะม่วง กระชาย ต้นหอม เป็นต้น
มากินกันเลยดีกว่า ข้าวสวย แค่ข้าวก็ยากเอาการ จะต้องหุงแล้วนำมาคัดกับผ้าขาวบาง จนตัวเมล็ดขาวสะอาดและเป็นตัว นำมาใส่น้ำที่ลอยดอกไม้หอม อย่างเช่น มะลิ ใส่น้ำแข็งสักหน่อย สมัยก่อนจะใช้ ไหดินเพื่อให้น้ำเย็นขึ้น คนสมัยนี้ใจร้อนใส่น้ำแข็ง (เพื่อนสนิทผม คุณสันติ ว่าจะกินเป็น ด่าผมเสียๆหายๆ ว่ากินอะไรว่ะ เอาข้าวมาแช่น้ำดันใส่น้ำแข็งด้วย นึกว่ากินน้ำแข็งไส) ว่าไปนั้น เดี๋ยวนี้ขอกินทุกปีเลย ฮาๆๆๆๆ มาดูเครื่องกินบ้าง ลูกกะปิ จะต้องน้ำ กระชาย กุ้งแห้ง ตะไคร้ นำมาโขลกรวมกัน แล้วใส่กะปิดี ลงไปผสม จากนั้นปันเป็นก้อนตากแห้งให้แห้งพอหมาด นำมาชุปไข่ทอด ตัวเด็ด ใครทำลูกกะปิไม่อร่อยจบเลย ข้าวแช่ จะต้องไม่มีกลิ่นกะปิ เพียงแต่ชื่อมันเท่านั้น ตัวที่สองที่ขาดไม่ได้คือ พริกหยวกยัดไส้ การทำก็ลำบากอีกล่ะครับ จะต้องนำหมูบด กุ้งบด รากผัดชี พริกไทย นำมาโขลกรวมกัน จนกว่าจะเหนียวได้ที่ ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำตาลทรายเล็กน้อย นำไปยัดไส้พริกหยวก และนึ่งให้สุก ก่อนที่จะนำไปห่อด้วยแห่ไข่ อันนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เป็นคล้ายแห่ ห่อตัวพริก จานที่สามไชโป้หวาน จานนี้คล้ายกับการผัดไข่ แต่กินกับข้าวแช่จะไม่ใส่ไข่ ผัดกับน้ำตาลทรายจนเป็นเงา ถือว่าใช้ได้แล้ว จากสุดท้ายที่จะแนะนำ คือ เนื้อหวานฉีกฝอยหวาน อันนี้ไปซื้อได้เลย ที่ตลาด อตก. ชอบเจ้าไหน จัดไปเลยครับ ขอแนะนำเวลากิน เขาจะไม่เอากับข้าวใส่ลงไปในชามข้าว (จะทำน้ำขุ่นและเป็นมัน ส่วนใหญ่จะมีจากมาเคียงข้างตักกับใส่ปากและตามด้วยข้าว เป็นวิธีที่ถูกต้องครับ อย่าดันไปตักใส่ชามข้าวถือว่าไม่เป็น) และกินเคียงกับมะม่วงมัน กระชาย เข้ากันสุดๆ หากินอยากครับ ยังไม่มีร้านไหนที่ผมถูกปากเลย
ที่เขียนมาทั้งหมด ก็ได้โอกาสที่บ้านคุณแม่รุ่งทิวา ทำให้กินที่บ้านเลยมีโอกาสเสียที นานๆปีจะทำกินกัน ก็มันทำยากมาก ใช้เวลานานครับ แล้วเวลากินเต็มทีไม่ต้องอาย ในหลายที่จะจัดมาเป็นชุด ไม่พอกินสำหรับผมครับ 5555 กินเยอะ เลยต้องขอโทษที่ไม่มีร้านแนะนำสำหรับข้าวแช่ชาววัง ในอาทิตย์นี้ครับRating : ที่สุดในแผ่นดินเรื่องและภาพโดยธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)E-mail : tana_bay@hotmail.comfacebook : baypalacetwitter : baypalace
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เมินเสื้อเกราะ ‘นักข่าวไทย’ ประจำม็อบห้อยพระคุ้มครอง
เมินเสื้อเกราะ ‘นักข่าวไทย’ ประจำม็อบห้อยพระคุ้มครอง
เปิดสนามพระกลางแยกราชประสงค์ สีลม เพราะตอนนี้สถานการณ์เดี๋ยวตูมตามกันเป็นว่าเล่น นักข่าวที่ต้องประจำการรายงานสถานการณ์ย่านนั้นเลยต้องหาของป้องกันตัวกันซะหน่อย...ตั้งแต่เหตุปะทะวันที่ 10 เม.ย และล่าสุดกับระเบิด M79 ในคืนวันที่ 22 เม.ย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงนี้หลายราย บาดเจ็บอีกเป็นร้อย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้จึงต้องระมัดระวังตัวเป็พิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มนักข่าวที่มีเพียง ไมโครโฟน กล้องถ่ายภาพ ที่อัดเสียง นั้นก็มีกรณีที่เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย
นักข่าวที่ไปทำข่าวตอนนี้เลยมีของป้องกันภัยกันอย่างมัดกุมขึ้น ทั้งเสื้อเกราะอ่อนกันกระสุน และหมวกกันน็อค แต่อีกกลุ่มหนึ่งก็ไม่ทิ้งความเชื่อดั้งเดิมของไทยเรา ที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การห้อยพระเครื่องจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นิยมติดตัวกัน มาที่ผู้สื่อข่าว และช่างภาพจากเดลินิวส์คุณต่อ – ประพงษ์ แหลมแจ้ง เล่าว่าปกติเป็นคนไม่ชอบใส่พระเครื่อง แต่ที่ต้องนำห้อยติดตัวช่วงนี้ก็เพราะคุณแม่เอามาให้เพราะความเป็นห่วง เลยใส่สลับกับพระพิฆเนศที่ห้อยคอเป็นประจำ“ปกติผมไม่ชอบห้อยพระ เพราะตัวผมรู้สึกว่าพระสงฆ์ที่ออกมาชุมนุมตั้งแต่พันธมิตร หรือว่าเสื้อแดง ไม่ได้มีความน่าศรัทธาเลย ผมว่าพระพวกนี้ยังเป็นคนธรรมดาที่ตัดกิเลสทางโลกไม่ได้ เลยไม่นับถือครับ แต่พอมีม็อบคุณแม่เขาเป็นห่วง เลยให้พระหลวงปู่ทวดติดตัวไว้ เป็นองค์ที่แจกเป็นที่ระลึกในงานศพคุณตา ผมก็เลยเอามาห้อย เพราะเราได้นึกถึงท่านด้วย ส่วนเรื่องพระจะคุ้มครองหรือนั้น ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่านะ อยู่ที่เราปฏิบัติตัวดีหรือเปล่าเท่านั้นเอง ส่วนพระพิฆเนศผมนับถือมานานแล้วครับ เพราะท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และศิลปะทั้งปวง เลยห้อยคอมาก่อนพระที่คุณแม่ให้อีก แต่ช่วงนี้ก็จะสลับกันเวลาไปทำข่าวครับ อย่างวันที่ 22 เม.ย ผมอยู่สีลม เลิกเวรประมาณ 4- 5 โมงเย็น ตอนนั้นเสื้อหลากสี กับเสื้อแดงปะทะกันนิดหน่อย ผมเลยอยู่ต่อยันทุ่มกว่าๆ แล้วกลับ ซึ่งถ้าผมลากยาวไปยันช่วงดึก ก็อาจจะบาดเจ็บก็ได้ ถือว่าโชคดีมากๆ ที่แคล้วคลาดมาได้”
ต่อมาที่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้าคุณอาร์ท – ชัยภัทร ธรรมวงษา บอกว่าไม่ได้ใส่พระเครื่ององค์ไหนเป็นพิเศษ แต่ที่ติดตัวอยู่ตอนนี้เป็นพระพิฆเนศองค์เดียวเท่านั้น“ผมใส่พระพิฆเนศองค์เดียวครับ เพราะศรัทธาและเป็นเทพแห่งศิลปะด้วย เลยใส่ไว้ตลอด พอมาทำงานที่นี่ก็ใส่องค์นี้เหมือนกัน แต่ปกติก็จะสวดมนต์ก่อนออกมาทำข่าวที่ม็อบอยู่แล้ว ซึ่งวันที่เกิดเหตุที่สีลมผมก็อยู่ ก็ถือว่าโชคดีมาก ผมก็คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่าท่านช่วยปกป้องเราด้วย เพราะว่าตอนแรกผมไม่ได้ไปที่นั่น มีพี่อีกคนต้องเข้าเวรแล้วไปสีลม และตอนนั้นมันมีเหตุการณ์ว่าเสื้อแดงจะบุก พี่เขาเลยรอที่ราชประสงค์ก่อน ผมก็ต้องไปสีมลมแทนเขา พอดีมีคนมาบอกว่ามีระเบิดผมก็ตามไปทีแหลัง ซึ่งรอบสองที่ผมไปเกิดเหตุระเบิดในกลุ่มเสื้อหลากสีแล้ว และผมเพิ่งเดินหลุดจากตรงนั้นมาไม่เกิน 5 นาทีเองนะ”ทางด้านคุณต๋อม ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว INN บอกว่าปกติห็อยพระเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งที่มีติดตัวอยู่ก็ประมาณ 4 – 5 องค์ “ ปกติผมจะอยู่ราบ 11 แต่วันนี้ผมมาที่ราชประสงค์ครับ ส่วนตัวผมห้อยหลวงปู่ทวดเป็นปกติอยู่แล้วนะประมาณ 3 องค์ อาจารย์ทองอีก 1 องค์ และพระของนครศรีธรรมราชอีก 1องค์ ที่ติดตัวผมตอนนี้ ที่เลือกพระพวกนี้เพราะผมเป็นคนใต้ และศรัทธาท่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ได้มาเกี่ยวกับเรื่องม็อบหรอก นับถือครับ แต่ไม่ได้งมงาย แต่ก็มีประสบการณ์แคล้วคลาดอยู่หลายครั้งเหมือนกัน”ท้ายสุดที่นักข่าวสาวจากสำนักข่าว NBT คุณเหมียว – ณัฐฐา ชื่นพล ก็ได้มีพระติดตัวกับเขาเหมือนกันถึง 2 องค์ ซึ่งเป็นเพราะ ความศรัทธา และเชื่อว่าคุ้มครองให้รอดพ้นจากอันตรายได้
“ตั้งแต่ทำงานเหมียวห้อยพระมาตลอดค่ะ ที่มีติดตัวก็พระพิฆเนศ และหลวงปู่ทวดค่ะ สว่นในรถก็มีหลวงปู่ทวดอีกองค์เหมือนกัน ที่ห้อยก็เพราะนับถือมานาน และไปที่วัดก็เลยเช่ามา เหมียวรู้สึกว่าปลอดภัยกับเรา ส่วนคุณแม่ก็มีมาเสริมให้อีก เป็นแก้วสารพัดนึกของหลวงพ่อเปิ่นช่วยให้เราเอแต่สิ่งดีๆ ผ่านเหตุการณ์มาได้ อย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย เหมียวอยู่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ก็ปะทะกันแรงมาก เหมียวอยู่บนสะพานพระราม 8 กับนักข่าวอีกหลายช่อง กระสุนก็มาจากไหนไม่รู้ เราต้องหมอบกันทุกคนเลย พอเหตุการณ์สงบ ชะโงกหน้าไปดูที่ขอบสะพาน มีแต่รอยลูกกระสุนเต็มไปหมดเลย เหมียวรู้สึกว่าน่ากลัวมาก และอีกใจหนึ่งก็คิดว่าปลอกแขนสีเขียวไม่ได้ช่วยอะไรเราได้เลย เพราะเขาก็เห็นอยู่ว่านักข่าวอยู่บนสะพาน ก็ยังมีกระสุนลงมาที่นี่มาจากไหนก็ไม่รู้ นักข่าวทุกวคนในวันนี้ต้องช่วยตัวเองอย่างเดียวเลยค่ะ”ชั่วโมงนี้นักข่าวที่ไปประจำย่านราชประสงค์ และสีลม ต้องท่องคติตนเป็นที่พึ่งแห่งตนกันให้ขึ้นใจ เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะห้อยพระอะไร ถ้าไม่มีสติ และไม่ปฏิบัติตัวเป็นคนดี หลวงพ่อ หรือเทพเจ้าองค์ไหนๆ ก็ไม่ช่วยไม่ได้จริงๆคุณเหมียว – ณัฐฐา ชื่นพล
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เปิดสนามพระกลางแยกราชประสงค์ สีลม เพราะตอนนี้สถานการณ์เดี๋ยวตูมตามกันเป็นว่าเล่น นักข่าวที่ต้องประจำการรายงานสถานการณ์ย่านนั้นเลยต้องหาของป้องกันตัวกันซะหน่อย...ตั้งแต่เหตุปะทะวันที่ 10 เม.ย และล่าสุดกับระเบิด M79 ในคืนวันที่ 22 เม.ย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงนี้หลายราย บาดเจ็บอีกเป็นร้อย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้จึงต้องระมัดระวังตัวเป็พิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มนักข่าวที่มีเพียง ไมโครโฟน กล้องถ่ายภาพ ที่อัดเสียง นั้นก็มีกรณีที่เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย
นักข่าวที่ไปทำข่าวตอนนี้เลยมีของป้องกันภัยกันอย่างมัดกุมขึ้น ทั้งเสื้อเกราะอ่อนกันกระสุน และหมวกกันน็อค แต่อีกกลุ่มหนึ่งก็ไม่ทิ้งความเชื่อดั้งเดิมของไทยเรา ที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การห้อยพระเครื่องจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นิยมติดตัวกัน มาที่ผู้สื่อข่าว และช่างภาพจากเดลินิวส์คุณต่อ – ประพงษ์ แหลมแจ้ง เล่าว่าปกติเป็นคนไม่ชอบใส่พระเครื่อง แต่ที่ต้องนำห้อยติดตัวช่วงนี้ก็เพราะคุณแม่เอามาให้เพราะความเป็นห่วง เลยใส่สลับกับพระพิฆเนศที่ห้อยคอเป็นประจำ“ปกติผมไม่ชอบห้อยพระ เพราะตัวผมรู้สึกว่าพระสงฆ์ที่ออกมาชุมนุมตั้งแต่พันธมิตร หรือว่าเสื้อแดง ไม่ได้มีความน่าศรัทธาเลย ผมว่าพระพวกนี้ยังเป็นคนธรรมดาที่ตัดกิเลสทางโลกไม่ได้ เลยไม่นับถือครับ แต่พอมีม็อบคุณแม่เขาเป็นห่วง เลยให้พระหลวงปู่ทวดติดตัวไว้ เป็นองค์ที่แจกเป็นที่ระลึกในงานศพคุณตา ผมก็เลยเอามาห้อย เพราะเราได้นึกถึงท่านด้วย ส่วนเรื่องพระจะคุ้มครองหรือนั้น ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่านะ อยู่ที่เราปฏิบัติตัวดีหรือเปล่าเท่านั้นเอง ส่วนพระพิฆเนศผมนับถือมานานแล้วครับ เพราะท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และศิลปะทั้งปวง เลยห้อยคอมาก่อนพระที่คุณแม่ให้อีก แต่ช่วงนี้ก็จะสลับกันเวลาไปทำข่าวครับ อย่างวันที่ 22 เม.ย ผมอยู่สีลม เลิกเวรประมาณ 4- 5 โมงเย็น ตอนนั้นเสื้อหลากสี กับเสื้อแดงปะทะกันนิดหน่อย ผมเลยอยู่ต่อยันทุ่มกว่าๆ แล้วกลับ ซึ่งถ้าผมลากยาวไปยันช่วงดึก ก็อาจจะบาดเจ็บก็ได้ ถือว่าโชคดีมากๆ ที่แคล้วคลาดมาได้”
ต่อมาที่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้าคุณอาร์ท – ชัยภัทร ธรรมวงษา บอกว่าไม่ได้ใส่พระเครื่ององค์ไหนเป็นพิเศษ แต่ที่ติดตัวอยู่ตอนนี้เป็นพระพิฆเนศองค์เดียวเท่านั้น“ผมใส่พระพิฆเนศองค์เดียวครับ เพราะศรัทธาและเป็นเทพแห่งศิลปะด้วย เลยใส่ไว้ตลอด พอมาทำงานที่นี่ก็ใส่องค์นี้เหมือนกัน แต่ปกติก็จะสวดมนต์ก่อนออกมาทำข่าวที่ม็อบอยู่แล้ว ซึ่งวันที่เกิดเหตุที่สีลมผมก็อยู่ ก็ถือว่าโชคดีมาก ผมก็คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่าท่านช่วยปกป้องเราด้วย เพราะว่าตอนแรกผมไม่ได้ไปที่นั่น มีพี่อีกคนต้องเข้าเวรแล้วไปสีลม และตอนนั้นมันมีเหตุการณ์ว่าเสื้อแดงจะบุก พี่เขาเลยรอที่ราชประสงค์ก่อน ผมก็ต้องไปสีมลมแทนเขา พอดีมีคนมาบอกว่ามีระเบิดผมก็ตามไปทีแหลัง ซึ่งรอบสองที่ผมไปเกิดเหตุระเบิดในกลุ่มเสื้อหลากสีแล้ว และผมเพิ่งเดินหลุดจากตรงนั้นมาไม่เกิน 5 นาทีเองนะ”ทางด้านคุณต๋อม ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว INN บอกว่าปกติห็อยพระเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งที่มีติดตัวอยู่ก็ประมาณ 4 – 5 องค์ “ ปกติผมจะอยู่ราบ 11 แต่วันนี้ผมมาที่ราชประสงค์ครับ ส่วนตัวผมห้อยหลวงปู่ทวดเป็นปกติอยู่แล้วนะประมาณ 3 องค์ อาจารย์ทองอีก 1 องค์ และพระของนครศรีธรรมราชอีก 1องค์ ที่ติดตัวผมตอนนี้ ที่เลือกพระพวกนี้เพราะผมเป็นคนใต้ และศรัทธาท่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ได้มาเกี่ยวกับเรื่องม็อบหรอก นับถือครับ แต่ไม่ได้งมงาย แต่ก็มีประสบการณ์แคล้วคลาดอยู่หลายครั้งเหมือนกัน”ท้ายสุดที่นักข่าวสาวจากสำนักข่าว NBT คุณเหมียว – ณัฐฐา ชื่นพล ก็ได้มีพระติดตัวกับเขาเหมือนกันถึง 2 องค์ ซึ่งเป็นเพราะ ความศรัทธา และเชื่อว่าคุ้มครองให้รอดพ้นจากอันตรายได้
“ตั้งแต่ทำงานเหมียวห้อยพระมาตลอดค่ะ ที่มีติดตัวก็พระพิฆเนศ และหลวงปู่ทวดค่ะ สว่นในรถก็มีหลวงปู่ทวดอีกองค์เหมือนกัน ที่ห้อยก็เพราะนับถือมานาน และไปที่วัดก็เลยเช่ามา เหมียวรู้สึกว่าปลอดภัยกับเรา ส่วนคุณแม่ก็มีมาเสริมให้อีก เป็นแก้วสารพัดนึกของหลวงพ่อเปิ่นช่วยให้เราเอแต่สิ่งดีๆ ผ่านเหตุการณ์มาได้ อย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย เหมียวอยู่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ก็ปะทะกันแรงมาก เหมียวอยู่บนสะพานพระราม 8 กับนักข่าวอีกหลายช่อง กระสุนก็มาจากไหนไม่รู้ เราต้องหมอบกันทุกคนเลย พอเหตุการณ์สงบ ชะโงกหน้าไปดูที่ขอบสะพาน มีแต่รอยลูกกระสุนเต็มไปหมดเลย เหมียวรู้สึกว่าน่ากลัวมาก และอีกใจหนึ่งก็คิดว่าปลอกแขนสีเขียวไม่ได้ช่วยอะไรเราได้เลย เพราะเขาก็เห็นอยู่ว่านักข่าวอยู่บนสะพาน ก็ยังมีกระสุนลงมาที่นี่มาจากไหนก็ไม่รู้ นักข่าวทุกวคนในวันนี้ต้องช่วยตัวเองอย่างเดียวเลยค่ะ”ชั่วโมงนี้นักข่าวที่ไปประจำย่านราชประสงค์ และสีลม ต้องท่องคติตนเป็นที่พึ่งแห่งตนกันให้ขึ้นใจ เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะห้อยพระอะไร ถ้าไม่มีสติ และไม่ปฏิบัติตัวเป็นคนดี หลวงพ่อ หรือเทพเจ้าองค์ไหนๆ ก็ไม่ช่วยไม่ได้จริงๆคุณเหมียว – ณัฐฐา ชื่นพล
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Saturday, April 24, 2010
เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน
เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน
คมชัดลึก : แม้งาน มหกรรมภาพถ่ายชายแดนใต้ (PHOTO FOR PEACE) ณ สถาบันราชภัฏยะลา จะผ่านพ้นมานานหลายเดือน แต่เมื่อใดที่ได้นึกย้อนไปถึงวันที่รอบกายถูกรายล้อมไปด้วยภาพถ่ายกว่า 500 ใบนั้น ความอิ่มเอมมันยังปรากฏชัดอยู่ในความทรงจำ และด้วยบรรยากาศอันงดงามเช่นนั้น เราจึงนึกถึงและคาดหวังให้กิจกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้นมาอีกหลายๆ ครั้ง...
เพียงไม่นานนับจากวันที่เฝ้ารอ ในที่สุดกิจกรรม “เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน” ก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 24-26 เมษายน ณ โรงแรมอิมพีเรียล จ.นราธิวาส
ภายในงานมิได้มีเพียงการแสดงภาพถ่ายเท่านั้น หากยังได้รับเกียรติจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์และศิลปินแห่งชาติ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา, อัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติ นักเขียนซีไรต์, ป่อง ต้นกล้า นักคิด นักเขียน นักดนตรี, ชูเกียรติ ฉาไธสง นักเขียน นักดนตรี, จามิกร แสงศิริ ศิลปิน ช่างภาพมืออาชีพ, จรูญ วรรธนะสิน นักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ ส่วนวิทยากรในพื้นที่ประกอบด้วย มนตรี ศรียงค์ กวีซีไรต์, สายธารสิโป ครู/กวี ชาวนราธิวาส, ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ นักเขียนสารคดียอดเยี่ยมรางวัล คน ค้น ฅน ทั้งนี้ยังได้เชิญศิลปินพื้นบ้าน เช่น ฟารีดะห์ กำปงปีแซ ดีเกร์บานอ สะตาปอ มือเฆาะห์มะ (แว้ง) ฯลฯ มาร่วมแสดงอีกด้วย
งาน “เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน” เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) จังหวัดนราธิวาส ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส, คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, ธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส, บล็อก OKnation.net , กลุ่มคนเฒ่าคนแก่ กลุ่มโอ.เค.เนเจอร์ ร้านพงศ์ นราไวนีล สำนักหัวใจเดียวกัน ฯลฯ
นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์รวมตัวกันของภาคีเครือข่ายร่วมจัดในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่คนในพื้นที่อยากให้เกิดมานานแล้ว เชื่อว่าการเริ่มต้นของการร่วมไม้ร่วมมือกันจะทำให้เกิดการสานต่อเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่พื้นที่ จึงนับเป็นโอกาสดีที่มีการเชื่อมภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีทีมงานจากสำนักหัวใจเดียวกัน เป็นแกนกลางริเริ่มดำเนินการให้เกิดการเชื่อมประสานในรูปของโครงการเขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน
ขณะที่นายชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักหัวใจเดียวกัน กล่าวว่า การจัดงาน “เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนในจังหวัดนราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ความสนใจเรื่องราวด้านการศึกษา ศิลปะ และดนตรี โดยศึกษาผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับของประเทศไทยและนานาชาติ
“ต่อไปจะได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างกัน ปูพื้นฐานให้เยาวชนเกิดความสนใจ เกิดสำนึกเรื่องราวในการเขียนและดนตรีที่จะมีผลต่อการพัฒนาทักษะด้านการอ่าน-เขียน และศิลปะดนตรี ในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ ยังหวังก่อสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคนต่างศาสนาและคนต่างถิ่น ในฐานะผู้ร่วมอาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน ที่สำคัญเป็นการเผยแผ่ให้ผู้คนทั่วไปรู้จักเมืองนราธิวาสและพื้นที่ชายแดนใต้ ในแง่มุมที่สวยงามมากขึ้น” นายชุมศักดิ์ กล่าว
ด้าน ฟารีดะห์ กำปงปีแซ ศิลปินพื้นบ้านชายแดนใต้ สะท้อนว่า เป็นโอกาสดีของคนในพื้นที่ที่จะได้สัมผัสรับฟังเรื่องราวดีๆ จากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โครงการนี้ก่อให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มนักคิด นักเขียน เพื่อจะได้ร่วมคิด ร่วมดำเนินกิจกรรม ช่วยคลี่คลายปัญหาในพื้นที่ และสร้างสรรค์การอ่าน-การเขียนให้มากยิ่งขึ้น
แม้การเดินทางลงมาในพื้นที่ของศิลปินรุ่นใหญ่จะเป็นเวลาเพียงสั้นๆ แต่นั่นก็นับว่าสิ่งสำคัญ ที่ช่วยให้แรงใจไฟฝันของเยาวชนคนรุ่นใหม่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่สนใจในงานเขียน และศิลปะลุกโชนขึ้นมาทำงานสร้างสรรค์ต่อไป มิเพียงเท่านั้น ความรู้และประสบการณ์จากศิลปินผู้เชี่ยวชาญยังจะกลายเป็นเกลียวสัมพันธ์ที่มาเชื่อมร้อยผู้คน หันมาให้ความสำคัญกับการอ่าน เขียน และการเรียนรู้ของเยาวชน ให้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเราเชื่อว่า "ภายใต้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะร่วมคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี คือเรื่องของการพัฒนาด้าน ‘การศึกษา’" นั่นเอง...
รายละเอียดการจัดงานวันที่ 24-26 เมษายน ณ โรงแรมอิมพีเรียล จังหวัดนราธิวาส จะมีการแสดงนิทรรศการภาพถ่ายชายแดนใต้ในแง่มุมที่สวยงาม สะท้อนภาพความรักความผูกพันระหว่างคนต่างศาสนาในพื้นที่ พร้อมด้วยบทกวีประกอบจาก 7 กวีซีไรต์ 3 ศิลปินแห่งชาติ และกวีน้อยใหญ่ประมาณ 30 ชิ้น 30 บทกวี ภาพถ่ายในหัวข้อ ‘ภาพสันติ-สันติภาพ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เสด็จมาดำเนินพระราชกรณียกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
www.oknation.net/blog/our-heart
ข่าวที่เกี่ยวข้องตอบจดหมายแฟนๆ เหมือนเดิม
จับติ้วเอฟเอ.นครปฐมชนระยองลาลีกาดวลกัลโช่
ปลัดกีฬาดึงเตะโชว์
บอลนัดพิเศษ12ส.ค.โจรใต้ยิงครูขณะขี่จยย.ออกกำลังสาหัส
ครม.ไฟเขียว1,750 ล้าน
สร้างสนามกีฬา7จังหวัด
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คมชัดลึก : แม้งาน มหกรรมภาพถ่ายชายแดนใต้ (PHOTO FOR PEACE) ณ สถาบันราชภัฏยะลา จะผ่านพ้นมานานหลายเดือน แต่เมื่อใดที่ได้นึกย้อนไปถึงวันที่รอบกายถูกรายล้อมไปด้วยภาพถ่ายกว่า 500 ใบนั้น ความอิ่มเอมมันยังปรากฏชัดอยู่ในความทรงจำ และด้วยบรรยากาศอันงดงามเช่นนั้น เราจึงนึกถึงและคาดหวังให้กิจกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้นมาอีกหลายๆ ครั้ง...
เพียงไม่นานนับจากวันที่เฝ้ารอ ในที่สุดกิจกรรม “เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน” ก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 24-26 เมษายน ณ โรงแรมอิมพีเรียล จ.นราธิวาส
ภายในงานมิได้มีเพียงการแสดงภาพถ่ายเท่านั้น หากยังได้รับเกียรติจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์และศิลปินแห่งชาติ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา, อัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติ นักเขียนซีไรต์, ป่อง ต้นกล้า นักคิด นักเขียน นักดนตรี, ชูเกียรติ ฉาไธสง นักเขียน นักดนตรี, จามิกร แสงศิริ ศิลปิน ช่างภาพมืออาชีพ, จรูญ วรรธนะสิน นักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ ส่วนวิทยากรในพื้นที่ประกอบด้วย มนตรี ศรียงค์ กวีซีไรต์, สายธารสิโป ครู/กวี ชาวนราธิวาส, ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ นักเขียนสารคดียอดเยี่ยมรางวัล คน ค้น ฅน ทั้งนี้ยังได้เชิญศิลปินพื้นบ้าน เช่น ฟารีดะห์ กำปงปีแซ ดีเกร์บานอ สะตาปอ มือเฆาะห์มะ (แว้ง) ฯลฯ มาร่วมแสดงอีกด้วย
งาน “เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน” เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) จังหวัดนราธิวาส ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส, คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, ธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส, บล็อก OKnation.net , กลุ่มคนเฒ่าคนแก่ กลุ่มโอ.เค.เนเจอร์ ร้านพงศ์ นราไวนีล สำนักหัวใจเดียวกัน ฯลฯ
นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์รวมตัวกันของภาคีเครือข่ายร่วมจัดในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่คนในพื้นที่อยากให้เกิดมานานแล้ว เชื่อว่าการเริ่มต้นของการร่วมไม้ร่วมมือกันจะทำให้เกิดการสานต่อเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่พื้นที่ จึงนับเป็นโอกาสดีที่มีการเชื่อมภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีทีมงานจากสำนักหัวใจเดียวกัน เป็นแกนกลางริเริ่มดำเนินการให้เกิดการเชื่อมประสานในรูปของโครงการเขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน
ขณะที่นายชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักหัวใจเดียวกัน กล่าวว่า การจัดงาน “เขียนแผ่นดินด้วยหัวใจเดียวกัน” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนในจังหวัดนราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ความสนใจเรื่องราวด้านการศึกษา ศิลปะ และดนตรี โดยศึกษาผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับของประเทศไทยและนานาชาติ
“ต่อไปจะได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างกัน ปูพื้นฐานให้เยาวชนเกิดความสนใจ เกิดสำนึกเรื่องราวในการเขียนและดนตรีที่จะมีผลต่อการพัฒนาทักษะด้านการอ่าน-เขียน และศิลปะดนตรี ในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ ยังหวังก่อสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคนต่างศาสนาและคนต่างถิ่น ในฐานะผู้ร่วมอาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน ที่สำคัญเป็นการเผยแผ่ให้ผู้คนทั่วไปรู้จักเมืองนราธิวาสและพื้นที่ชายแดนใต้ ในแง่มุมที่สวยงามมากขึ้น” นายชุมศักดิ์ กล่าว
ด้าน ฟารีดะห์ กำปงปีแซ ศิลปินพื้นบ้านชายแดนใต้ สะท้อนว่า เป็นโอกาสดีของคนในพื้นที่ที่จะได้สัมผัสรับฟังเรื่องราวดีๆ จากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โครงการนี้ก่อให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มนักคิด นักเขียน เพื่อจะได้ร่วมคิด ร่วมดำเนินกิจกรรม ช่วยคลี่คลายปัญหาในพื้นที่ และสร้างสรรค์การอ่าน-การเขียนให้มากยิ่งขึ้น
แม้การเดินทางลงมาในพื้นที่ของศิลปินรุ่นใหญ่จะเป็นเวลาเพียงสั้นๆ แต่นั่นก็นับว่าสิ่งสำคัญ ที่ช่วยให้แรงใจไฟฝันของเยาวชนคนรุ่นใหม่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่สนใจในงานเขียน และศิลปะลุกโชนขึ้นมาทำงานสร้างสรรค์ต่อไป มิเพียงเท่านั้น ความรู้และประสบการณ์จากศิลปินผู้เชี่ยวชาญยังจะกลายเป็นเกลียวสัมพันธ์ที่มาเชื่อมร้อยผู้คน หันมาให้ความสำคัญกับการอ่าน เขียน และการเรียนรู้ของเยาวชน ให้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเราเชื่อว่า "ภายใต้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะร่วมคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี คือเรื่องของการพัฒนาด้าน ‘การศึกษา’" นั่นเอง...
รายละเอียดการจัดงานวันที่ 24-26 เมษายน ณ โรงแรมอิมพีเรียล จังหวัดนราธิวาส จะมีการแสดงนิทรรศการภาพถ่ายชายแดนใต้ในแง่มุมที่สวยงาม สะท้อนภาพความรักความผูกพันระหว่างคนต่างศาสนาในพื้นที่ พร้อมด้วยบทกวีประกอบจาก 7 กวีซีไรต์ 3 ศิลปินแห่งชาติ และกวีน้อยใหญ่ประมาณ 30 ชิ้น 30 บทกวี ภาพถ่ายในหัวข้อ ‘ภาพสันติ-สันติภาพ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เสด็จมาดำเนินพระราชกรณียกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
www.oknation.net/blog/our-heart
ข่าวที่เกี่ยวข้องตอบจดหมายแฟนๆ เหมือนเดิม
จับติ้วเอฟเอ.นครปฐมชนระยองลาลีกาดวลกัลโช่
ปลัดกีฬาดึงเตะโชว์
บอลนัดพิเศษ12ส.ค.โจรใต้ยิงครูขณะขี่จยย.ออกกำลังสาหัส
ครม.ไฟเขียว1,750 ล้าน
สร้างสนามกีฬา7จังหวัด
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
TSL ถอยเบนซ์แวนสปอร์ตเฉียบ E-Class Estate โฉมใหม่เพริศ
TSL ถอยเบนซ์แวนสปอร์ตเฉียบ E-Class Estate โฉมใหม่เพริศ
ค่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ เอจี ประเทศเยอรมนี ได้ฤกษ์เปิดตัวเบนซ์ อีคลาสใหม่ เอสเตท (Estate) ซึ่งเป็นรถสไตล์แวกอน หรือแวน ออกสู่ตลาด...จากความสำเร็จของเบนซ์อีคลาสใหม่รุ่นเก๋งซาลูน ที่สร้างยอดขายกระฉูดในทันทีที่เปิดตัวที่บ้านเราเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเพราะ รูปลักษณ์สวยเฉียบ เพริศหรู และเพียบ พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ล้ำยุคดัง นั้น เมื่อค่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ เอจี ประเทศเยอรมนี ได้ฤกษ์เปิดตัวเบนซ์ อีคลาสใหม่ เอสเตท (Estate) ซึ่งเป็นรถสไตล์แวกอน หรือแวน ออกมาสู่ตลาดในรุ่นพวงมาลัยขวา
ค่ายทีเอสแอลออโต้คอร์ปอเรชั่น หรือ ทีเอสแอล (www.tsl.co.th) ของ เสี่ยสุรสิทธิ์ อุดมผลวณิช หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ อิสระ ซึ่งปัจจุบันมี 3 โชว์รูมใหญ่และศูนย์บริการ มาตรฐาน คือที่ถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนสาทรตัดใหม่ และถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) จึงเล่นบทเสือปืนไว รีบสั่ง เบนซ์ อีคลาสใหม่ เอสเตท 250 เข้ามาลุย เพื่อเอาใจนักเลงรถหรูผู้รักรถสไตล์ครอบครัวและอุดมด้วยรสนิยมที่เพริศพิไลใคร เห็นก็ต้องกรี๊ดสลบ!!
เพราะอีคลาสใหม่ เอสเตท 250 ถูกออกแบบให้เด่นล้ำสไตล์สปอร์ตแวน รูปทรงโค้งมน เล่นเส้นสายให้ดูเฉียบหลังคาแก้วแบบ Panoramic sunroof มาพร้อมราวยึดแร็คหลังคาสีดำ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความเท่ด้วยชุดแต่งแอโรพาร์ทจาก AMGห้องโดยสารภายในตกแต่ง หรูหราทุกมิติ ให้อรรถประโยชน์ใช้สอยครบถ้วนสไตล์รถแวน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมพรั่ง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าทั้งยังเป็นเบาะอุ่น โดยที่นั่งคนขับยังมีระบบ Lumbar support ช่วยคลายเมื่อย ระบบเครื่องเสียงสุดกระหึ่มพร้อมจอขนาด 5.8 นิ้ว ระบบปรับอากาศมีทั้งตอนหน้าและหลัง แถมยังแยกปรับอิสระซ้าย-ขวา
มีให้เลือกทั้งเครื่องดีเซลคอมมอนเรล ทวินเทอร์โบชาร์จ (E250 CDI BlueEFFI-CIENCY) ขนาด 2,143 ซีซี และเครื่องเบนซิน เทอร์โบชาร์จ (E250 CGI BlueEFFICIENCY) 1,796 ซีซี ทั้ง 2 เครื่องยนต์ใช้เกียร์ออโต 5 สปีด มีระบบช่วงล่างด้านหลังสามารถปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ พร้อมเทคโนโลยีไฮเทคล้ำยุคและระบบความปลอดภัยเต็มพิกัดทีเอสแอลกด เหลือเพียง 5.19 ล้านบาทว้าว!!!อัลคาโปนmotorwars@thairath.co.th
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ค่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ เอจี ประเทศเยอรมนี ได้ฤกษ์เปิดตัวเบนซ์ อีคลาสใหม่ เอสเตท (Estate) ซึ่งเป็นรถสไตล์แวกอน หรือแวน ออกสู่ตลาด...จากความสำเร็จของเบนซ์อีคลาสใหม่รุ่นเก๋งซาลูน ที่สร้างยอดขายกระฉูดในทันทีที่เปิดตัวที่บ้านเราเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเพราะ รูปลักษณ์สวยเฉียบ เพริศหรู และเพียบ พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ล้ำยุคดัง นั้น เมื่อค่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ เอจี ประเทศเยอรมนี ได้ฤกษ์เปิดตัวเบนซ์ อีคลาสใหม่ เอสเตท (Estate) ซึ่งเป็นรถสไตล์แวกอน หรือแวน ออกมาสู่ตลาดในรุ่นพวงมาลัยขวา
ค่ายทีเอสแอลออโต้คอร์ปอเรชั่น หรือ ทีเอสแอล (www.tsl.co.th) ของ เสี่ยสุรสิทธิ์ อุดมผลวณิช หนึ่งในผู้นำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ อิสระ ซึ่งปัจจุบันมี 3 โชว์รูมใหญ่และศูนย์บริการ มาตรฐาน คือที่ถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนสาทรตัดใหม่ และถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) จึงเล่นบทเสือปืนไว รีบสั่ง เบนซ์ อีคลาสใหม่ เอสเตท 250 เข้ามาลุย เพื่อเอาใจนักเลงรถหรูผู้รักรถสไตล์ครอบครัวและอุดมด้วยรสนิยมที่เพริศพิไลใคร เห็นก็ต้องกรี๊ดสลบ!!
เพราะอีคลาสใหม่ เอสเตท 250 ถูกออกแบบให้เด่นล้ำสไตล์สปอร์ตแวน รูปทรงโค้งมน เล่นเส้นสายให้ดูเฉียบหลังคาแก้วแบบ Panoramic sunroof มาพร้อมราวยึดแร็คหลังคาสีดำ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความเท่ด้วยชุดแต่งแอโรพาร์ทจาก AMGห้องโดยสารภายในตกแต่ง หรูหราทุกมิติ ให้อรรถประโยชน์ใช้สอยครบถ้วนสไตล์รถแวน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมพรั่ง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าทั้งยังเป็นเบาะอุ่น โดยที่นั่งคนขับยังมีระบบ Lumbar support ช่วยคลายเมื่อย ระบบเครื่องเสียงสุดกระหึ่มพร้อมจอขนาด 5.8 นิ้ว ระบบปรับอากาศมีทั้งตอนหน้าและหลัง แถมยังแยกปรับอิสระซ้าย-ขวา
มีให้เลือกทั้งเครื่องดีเซลคอมมอนเรล ทวินเทอร์โบชาร์จ (E250 CDI BlueEFFI-CIENCY) ขนาด 2,143 ซีซี และเครื่องเบนซิน เทอร์โบชาร์จ (E250 CGI BlueEFFICIENCY) 1,796 ซีซี ทั้ง 2 เครื่องยนต์ใช้เกียร์ออโต 5 สปีด มีระบบช่วงล่างด้านหลังสามารถปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ พร้อมเทคโนโลยีไฮเทคล้ำยุคและระบบความปลอดภัยเต็มพิกัดทีเอสแอลกด เหลือเพียง 5.19 ล้านบาทว้าว!!!อัลคาโปนmotorwars@thairath.co.th
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ปิ้งไป..ยิ้มไป กล้วยปิ้งพี่อ๋อยตลาดคลองเตยอร่อยได้ทุกสถานการณ์
ปิ้งไป..ยิ้มไป กล้วยปิ้งพี่อ๋อยตลาดคลองเตยอร่อยได้ทุกสถานการณ์
กล้วยจากสวนที่ราชบุรี ส่งมาสดๆใหม่ๆ ไส้สีเหลืองอมแดง เนื้อเหนียวหนึบ ปิ้งแล้วเนื้อจะนุ่ม หวาน หอม กำลังดี...กล้วย ผลไม้สารพัดประโยชน์ ปลูกโตไว หาทานง่าย ราคาถูก ทานดิบหรือห่ามแก้ท้องเสีย ทานสุกแก้ท้องผูก และช่วยระบาย ไม่เป็นอะไรทานทุกวันเพิ่มพลังงานและสารอาหาร ทำให้ร่างกายแข็งแรง หม่ำได้ทั้งเด็กน้อยเบบี๋ ยันรุ่นใหญ่ลายคราม มีกล้วยติดบ้านไว้ไม่ต้องกลัวเปลี้ย! สำหรับพลพรรคนักหม่ำกล้วย เจ๊แซบมีหนึ่งเมนูกล้วยสุดฮิตติดชาร์ตมาแนะนำเป็น กล้วยปิ้ง อารมณ์ดี คนปิ้งชื่อ พี่อ๋อย การันตีความอร่อยด้วยตัวเอง!
คุณพี่อ๋อย ตัวจริง พี่ขายมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้พี่เป็นคนขายกล้วยมาก่อน แล้วก็มาขายกล้วยปิ้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นคนร้อยเอ็ดร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ อยู่ โน่นขายกล้วยปิ้งและกล้วยทอด ทุกวันนี้ก็มีพี่น้องกันช่วยดูแล แต่พี่แต่งงานแล้วมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็คิดว่าเราถนัดด้านนี้ เราทำขายต่อที่นี่ดีกว่า แฟนพี่ก็เป็นคนบ้านเดียวกัน มาจากจังหวัดเดียวกัน เขาก็ขายกล้วยแล้วก็ทำกล้วยปิ้งขายเหมือนกัน กล้วยกับกล้วยมาเจอกัน...ก็เลยทำด้วยกันต่อไป พี่อ๋อยเล่าไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี แผงกล้วยปิ้งของพี่อ๋อย เป็นรถเข็นคันเล็กๆ ไม่ใหญ่ ไม่โต แค่พอขายเลี้ยงตัวและครอบครัวเล็กๆ หน้ารถเข็นจะติดป้ายว่ากล้วยปิ้ง ศรีสมพร เป็นชื่อของเครือญาติที่เคยอยู่ก่อน ถ้าไปถึงร้านแล้วไม่เห็นป้ายชื่อพี่อ๋อยไม่ต้องตกใจ เข้าไปถามชื่อคนขาย ถ้ายิ้มสวยร่ำรวยอารมณ์ขันรับประกันว่าเป็นพี่อ๋อยตัวจริง (หุหุ)
นอกจากความอารมณ์ ดีของคนขายที่ประทับใจ เจ๊ แซบ แล้ว ความหอม หนึบของกล้วยพี่อ๋อยยังจับจิตเจ๊ตั้งแต่คำแรก ทั้งเนื้อกล้วยที่ปิ้งได้กำลังดี หอมกลิ่นถ่านอ่อนๆ เคี้ยวตอนอุ่นๆ หนึบหนับเพลิ้น...เพลิน! พี่อ๋อยใช้ประสบการณ์ที่คลุกคลีกับกล้วยมา เกือบตลอดชีวิต เลือกกล้วยจากสวนที่ราชบุรี ส่งมาสดๆใหม่ๆ ไส้สีเหลืองอมแดง เนื้อเหนียวหนึบ ปิ้งแล้วเนื้อจะนุ่ม หวาน หอม กำลังดี พี่อ๋อยสั่งให้คัดขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกิน ไป ไซส์กำลังน่าเคี้ยว อู้ยยยย...แค่คิดก็เปรี้ยวปากอยากเคี้ยวกล้วยยยยย (หุหุ) ในแต่ละ ครั้งที่มีกล้วยมาส่งจะมีทั้งห่ามและสุกปะปนกันมา แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่มีแต่สุกอย่างเดียว หรือห่ามอย่างเดียว แต่พี่อ๋อยบอกว่าไม่เป็น ปัญหา เพราะเรากำหนดไม่ได้หรอกค่ะ ว่ากล้วยจะมาสุกหรือห่าม มันบอกไม่ได้จริงๆ พี่เลยต้องปิ้งให้ได้ทุกแบบ ไม่ว่ามันจะมาแบบไหน พี่ก็ปิ้งให้อร่อยได้ค่ะ มั่นได้ใจเจ๊มั่กๆ!!
ปิ้งกัน สดๆรสธรรมชาติ สำหรับเจ๊แซบต้องแบบห่ามนิดๆ เนื้อเหนียวหนึบ เคี้ยวกำลังสนุก จะกินเปล่าๆ หรือกินกับน้ำจิ้มก็แสนเพลิน... นอกจากเทคนิคการเลือกกล้วยอย่างมือ อาชีพแล้ว การเสียบกล้วยยังมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พี่อ๋อยใช้ไม้ไผ่สั่งมาเป็นพิเศษ นำมาเหลาเกลาจนเนียนไม่เหลือเสี้ยน ไม้ไผ่ชุดนึงใช้ได้ 3-4 เดือนต้องเปลี่ยนใหม่ ถึงแม้จะยุ่งยากลำบากกาย แต่พี่อ๋อยไม่เคยคิดจะเปลี่ยนไปใช้เหล็ก เพราะหลงใหลในกลิ่นหอมอ่อนๆของไม้ไผ่ตอนโดนไฟที่ซึมเข้าไปในเนื้อกล้วย ทำให้กลิ่นหอมหวนชวนหม่ำมากยิ่งขึ้น
ความพิถีพิถันในการเสียบกล้วยต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกล้วยสุกจะต้องทำอย่างเบามือ และรู้น้ำหนักมือตัวเอง ควบคุมไม่ให้รุนแรงเกินไป กล้วยจะช้ำไม่น่าโซ้ย พี่อ๋อยใช้ถ่านไม้ โกงกางในการปิ้ง เป็นไม้โกงกางอย่างดี ร้อนทน ร้อนนาน ร้อนเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการปิ้งกล้วยเป็นอย่างยิ่ง
ระดับความร้อนของการปิ้งเป็นสิ่งสำคัญมาก พี่อ๋อยต้องเกลี่ยถ่านให้ความร้อนเสมอกันทั้งเตา และเริ่มปิ้งจากไฟอ่อน ไส้ข้างในจะหอมหวาน ปิ้งไปสักพักค่อยๆเพิ่มความร้อนขึ้น และหมั่นพลิกไปมาให้สุกเสมอกันทั้งลูก กล้วยสุก และกล้วยห่าม จะมีเทคนิคการปิ้งที่แตกต่างกัน แต่พี่อ๋อยรับประกันว่าอร่อยทั้งสองอย่าง!! น้ำจิ้มของที่นี่จะไม่หวานจัด แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำตาลเคี่ยวและใบเตย พี่อ๋อยใช้น้ำตาลทรายแดงเคี่ยวกับกะทิ และใส่ใบเตย เคี่ยวอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงให้น้ำตาลเหนียวได้ที่ ค่อยยกลงจากเตา พร้อมขาย พี่อ๋อยไม่ได้แยกขายน้ำจิ้ม แต่ซื้อเพิ่มได้ไม่ว่ากัน
ลูกค้าส่วนใหญ่ของพี่อ๋อย เป็นคนในพื้นที่ นานๆทีจะมีคนจากถิ่นอื่นมาเยือน และบอกต่อปากต่อปาก นอกจากจะติดใจในความพอเหมาะพอดีของกล้วยและน้ำจิ้มแล้ว ยังติดอกติดใจกับความอารมณ์ดีของคนขาย อยากได้อะไรพี่อ๋อยจัดให้ไม่มีหน้าหงิกหน้างอ
ท่ามกลางอุณหภูมิทางสังคมที่รุ่มร้อน เจ๊แซบ แนะนำให้โซ้ยกล้วยปิ้งแก้เซ็ง มุ่งมาที่ 5 แยกระนอง ผ่านโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนซ์ และเลยป้ายรถเมล์มาเล็กน้อย จะเห็นแผงพี่อ๋อยอยู่หน้าธนาคารนครหลวงไทย เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 6 โมงครึ่งจนถึงบ่ายสามโมง หมดก่อนกลับก่อน โทร.ถามเพื่อความมั่นใจ 08-9048-5233 และ 08-7163-3441 หรือจะโทร.มาสั่งไว้แล้วแวะรับก็ได้ไม่ว่ากันคร้า!! เจ๊แซบ หัวเขียว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
กล้วยจากสวนที่ราชบุรี ส่งมาสดๆใหม่ๆ ไส้สีเหลืองอมแดง เนื้อเหนียวหนึบ ปิ้งแล้วเนื้อจะนุ่ม หวาน หอม กำลังดี...กล้วย ผลไม้สารพัดประโยชน์ ปลูกโตไว หาทานง่าย ราคาถูก ทานดิบหรือห่ามแก้ท้องเสีย ทานสุกแก้ท้องผูก และช่วยระบาย ไม่เป็นอะไรทานทุกวันเพิ่มพลังงานและสารอาหาร ทำให้ร่างกายแข็งแรง หม่ำได้ทั้งเด็กน้อยเบบี๋ ยันรุ่นใหญ่ลายคราม มีกล้วยติดบ้านไว้ไม่ต้องกลัวเปลี้ย! สำหรับพลพรรคนักหม่ำกล้วย เจ๊แซบมีหนึ่งเมนูกล้วยสุดฮิตติดชาร์ตมาแนะนำเป็น กล้วยปิ้ง อารมณ์ดี คนปิ้งชื่อ พี่อ๋อย การันตีความอร่อยด้วยตัวเอง!
คุณพี่อ๋อย ตัวจริง พี่ขายมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้พี่เป็นคนขายกล้วยมาก่อน แล้วก็มาขายกล้วยปิ้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นคนร้อยเอ็ดร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ อยู่ โน่นขายกล้วยปิ้งและกล้วยทอด ทุกวันนี้ก็มีพี่น้องกันช่วยดูแล แต่พี่แต่งงานแล้วมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็คิดว่าเราถนัดด้านนี้ เราทำขายต่อที่นี่ดีกว่า แฟนพี่ก็เป็นคนบ้านเดียวกัน มาจากจังหวัดเดียวกัน เขาก็ขายกล้วยแล้วก็ทำกล้วยปิ้งขายเหมือนกัน กล้วยกับกล้วยมาเจอกัน...ก็เลยทำด้วยกันต่อไป พี่อ๋อยเล่าไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี แผงกล้วยปิ้งของพี่อ๋อย เป็นรถเข็นคันเล็กๆ ไม่ใหญ่ ไม่โต แค่พอขายเลี้ยงตัวและครอบครัวเล็กๆ หน้ารถเข็นจะติดป้ายว่ากล้วยปิ้ง ศรีสมพร เป็นชื่อของเครือญาติที่เคยอยู่ก่อน ถ้าไปถึงร้านแล้วไม่เห็นป้ายชื่อพี่อ๋อยไม่ต้องตกใจ เข้าไปถามชื่อคนขาย ถ้ายิ้มสวยร่ำรวยอารมณ์ขันรับประกันว่าเป็นพี่อ๋อยตัวจริง (หุหุ)
นอกจากความอารมณ์ ดีของคนขายที่ประทับใจ เจ๊ แซบ แล้ว ความหอม หนึบของกล้วยพี่อ๋อยยังจับจิตเจ๊ตั้งแต่คำแรก ทั้งเนื้อกล้วยที่ปิ้งได้กำลังดี หอมกลิ่นถ่านอ่อนๆ เคี้ยวตอนอุ่นๆ หนึบหนับเพลิ้น...เพลิน! พี่อ๋อยใช้ประสบการณ์ที่คลุกคลีกับกล้วยมา เกือบตลอดชีวิต เลือกกล้วยจากสวนที่ราชบุรี ส่งมาสดๆใหม่ๆ ไส้สีเหลืองอมแดง เนื้อเหนียวหนึบ ปิ้งแล้วเนื้อจะนุ่ม หวาน หอม กำลังดี พี่อ๋อยสั่งให้คัดขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกิน ไป ไซส์กำลังน่าเคี้ยว อู้ยยยย...แค่คิดก็เปรี้ยวปากอยากเคี้ยวกล้วยยยยย (หุหุ) ในแต่ละ ครั้งที่มีกล้วยมาส่งจะมีทั้งห่ามและสุกปะปนกันมา แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่มีแต่สุกอย่างเดียว หรือห่ามอย่างเดียว แต่พี่อ๋อยบอกว่าไม่เป็น ปัญหา เพราะเรากำหนดไม่ได้หรอกค่ะ ว่ากล้วยจะมาสุกหรือห่าม มันบอกไม่ได้จริงๆ พี่เลยต้องปิ้งให้ได้ทุกแบบ ไม่ว่ามันจะมาแบบไหน พี่ก็ปิ้งให้อร่อยได้ค่ะ มั่นได้ใจเจ๊มั่กๆ!!
ปิ้งกัน สดๆรสธรรมชาติ สำหรับเจ๊แซบต้องแบบห่ามนิดๆ เนื้อเหนียวหนึบ เคี้ยวกำลังสนุก จะกินเปล่าๆ หรือกินกับน้ำจิ้มก็แสนเพลิน... นอกจากเทคนิคการเลือกกล้วยอย่างมือ อาชีพแล้ว การเสียบกล้วยยังมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พี่อ๋อยใช้ไม้ไผ่สั่งมาเป็นพิเศษ นำมาเหลาเกลาจนเนียนไม่เหลือเสี้ยน ไม้ไผ่ชุดนึงใช้ได้ 3-4 เดือนต้องเปลี่ยนใหม่ ถึงแม้จะยุ่งยากลำบากกาย แต่พี่อ๋อยไม่เคยคิดจะเปลี่ยนไปใช้เหล็ก เพราะหลงใหลในกลิ่นหอมอ่อนๆของไม้ไผ่ตอนโดนไฟที่ซึมเข้าไปในเนื้อกล้วย ทำให้กลิ่นหอมหวนชวนหม่ำมากยิ่งขึ้น
ความพิถีพิถันในการเสียบกล้วยต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกล้วยสุกจะต้องทำอย่างเบามือ และรู้น้ำหนักมือตัวเอง ควบคุมไม่ให้รุนแรงเกินไป กล้วยจะช้ำไม่น่าโซ้ย พี่อ๋อยใช้ถ่านไม้ โกงกางในการปิ้ง เป็นไม้โกงกางอย่างดี ร้อนทน ร้อนนาน ร้อนเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการปิ้งกล้วยเป็นอย่างยิ่ง
ระดับความร้อนของการปิ้งเป็นสิ่งสำคัญมาก พี่อ๋อยต้องเกลี่ยถ่านให้ความร้อนเสมอกันทั้งเตา และเริ่มปิ้งจากไฟอ่อน ไส้ข้างในจะหอมหวาน ปิ้งไปสักพักค่อยๆเพิ่มความร้อนขึ้น และหมั่นพลิกไปมาให้สุกเสมอกันทั้งลูก กล้วยสุก และกล้วยห่าม จะมีเทคนิคการปิ้งที่แตกต่างกัน แต่พี่อ๋อยรับประกันว่าอร่อยทั้งสองอย่าง!! น้ำจิ้มของที่นี่จะไม่หวานจัด แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำตาลเคี่ยวและใบเตย พี่อ๋อยใช้น้ำตาลทรายแดงเคี่ยวกับกะทิ และใส่ใบเตย เคี่ยวอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงให้น้ำตาลเหนียวได้ที่ ค่อยยกลงจากเตา พร้อมขาย พี่อ๋อยไม่ได้แยกขายน้ำจิ้ม แต่ซื้อเพิ่มได้ไม่ว่ากัน
ลูกค้าส่วนใหญ่ของพี่อ๋อย เป็นคนในพื้นที่ นานๆทีจะมีคนจากถิ่นอื่นมาเยือน และบอกต่อปากต่อปาก นอกจากจะติดใจในความพอเหมาะพอดีของกล้วยและน้ำจิ้มแล้ว ยังติดอกติดใจกับความอารมณ์ดีของคนขาย อยากได้อะไรพี่อ๋อยจัดให้ไม่มีหน้าหงิกหน้างอ
ท่ามกลางอุณหภูมิทางสังคมที่รุ่มร้อน เจ๊แซบ แนะนำให้โซ้ยกล้วยปิ้งแก้เซ็ง มุ่งมาที่ 5 แยกระนอง ผ่านโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนซ์ และเลยป้ายรถเมล์มาเล็กน้อย จะเห็นแผงพี่อ๋อยอยู่หน้าธนาคารนครหลวงไทย เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 6 โมงครึ่งจนถึงบ่ายสามโมง หมดก่อนกลับก่อน โทร.ถามเพื่อความมั่นใจ 08-9048-5233 และ 08-7163-3441 หรือจะโทร.มาสั่งไว้แล้วแวะรับก็ได้ไม่ว่ากันคร้า!! เจ๊แซบ หัวเขียว
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เหนื่อยนักก็พักก่อน... คลายเครียดสบายๆสไตล์ ซีอีโอ
เหนื่อยนักก็พักก่อน... คลายเครียดสบายๆสไตล์ ซีอีโอ
ตัน ภาสกรนทีดูตัวอย่างซีอีโอและผู้บริหารแถวหน้าของเมืองไทย ถึงจะแบกรับความรับผิดชอบหนักอึ้งขนาดไหน ก็ยังรู้จักปลดล็อก หาเวลาคลายเครียดให้สบายใจ...เครียดๆๆๆ เครียดจนเส้นเลือดในสมองจะแตกตายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด ข้าวยากหมากแพง ไหนจะเครียดเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ ที่ปะทุขึ้นตรงโน้นทีตรงนี้ที คร่าชีวิตผู้คนบริสุทธิ์ไปแล้วหลายหมื่นหลายแสนชีวิต ไล่ตั้งแต่โศกนาฏกรรมที่เฮติ มาจนถึงแผ่นดินไหวในประเทศจีน และล่าสุดกับเหตุปะทุขึ้นของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ ส่งผล ให้เกิดวิกฤติการบินทั่วยุโรป ต้องยกเลิกเที่ยวบินนับแสนเที่ยว โดนแค่อาทิตย์เดียว สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท... จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน?! เจอเรื่องหนักๆแบบนี้ มีทางเดียวที่จะอยู่รอดได้ คือต้องปล่อยวาง และทำใจให้สบายๆ อย่าไปเครียดตามคนอื่นเลย ประเดี๋ยวจะช็อกแอนด์น็อกซะเปล่าๆ!! ดูตัวอย่างพวกซีอีโอและผู้บริหารแถวหน้าของเมืองไทยสิคะ ถึงจะแบกรับความรับผิดชอบหนักอึ้งขนาดไหน สะสมความเครียดไว้เต็มพิกัดขนาดไหน ก็ยังรู้จักปลดล็อก หาเวลาคลายเครียดให้สบายอก สบายใจ พอหัวสมองโล่งดีแล้วค่อยกลับมาลุยกันใหม่ก็ยังไม่สาย
ทศ จิราธิวัฒน์มาดขรึมๆและผมสีดอกเลาแบบนี้ เชื่อไหมคะว่า คุณทศ จิราธิวัฒน์ ซีอีโอใหญ่เครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น เพิ่งจะอายุย่าง 46 ปีเท่านั้น แต่ เพราะมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบหนักกว่าชาวบ้านชาวช่อง ซีอีโอหนุ่มไฟแรงจึง ดูแก่ก่อนวัยอันควร เขายอมรับว่าเวลาที่เครียด เรื่องงานมากๆ จะผ่อนคลายด้วยการกระโดดลงสระว่ายน้ำ โดยจะว่ายไปกลับๆจนกว่าจะรู้สึกสบายใจ ส่วนถ้าเครียดระดับปานกลางก็มักจะหนีเข้าสปาไปนวดรีแล็กซ์ อันนี้ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีเหลือเชื่อ แถมยังได้หลับตาพักผ่อน ปิดสวิตช์จากปัญหา ชั่วครู่ อีกกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดคือ การเล่นกับสุนัขตัวโปรดที่บ้าน เขารักสุนัขตัวนี้มาก เพราะจะเข้ามาคลอเคลียใกล้ชิดเจ้านายหนุ่มตลอดเวลา เป็นสุนัขตัวเมียพันธุ์ลาบราดอร์สีขาว ชื่อว่า ชาร์มมี่ แค่ได้ยินเสียงรถของเจ้านายหนุ่ม มันก็กระโดดเหยง แล้ววิ่งออกมารอรับที่หน้าบ้าน พอตื่นเช้ามาก็จะมานั่งรอเจ้านายหนุ่ม อ่านหนังสือพิมพ์ และทานข้าวเช้า ทำให้ สบายใจหายเหนื่อย ยกเว้นถ้าวันไหนความ เครียดพุ่งขึ้นเกินพิกัด คุณทศ จะเดิน ไปกอดไปหอมและคุยกับคุณแม่วนิดา ซึ่งมีบ้านอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน เพื่อขอกำลังใจจากมามี้ให้ลูกชายมีแรงลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ศุภลักษณ์ อัมพุชด้าน คุณแอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช บอสหญิงเหล็กแห่ง ค่ายเดอะ มอลล์ กรุ๊ป และสยาม พารากอน เผยถึงเทคนิคคลายเครียดแบบส่วนตัวๆว่า ถ้ารู้ตัวว่าเครียดเมื่อไหร่จะเข้าห้อง เซาน่าร้อนๆสัก 10 นาที ไล่ให้เหงื่อออกเยอะๆ จะได้ผ่อนคลายลง จากนั้นก็กระโดดลงสระว่ายน้ำเย็นๆ แล้วเรียกหมอนวดประจำตัว มาบีบนวดคลายเส้นให้ที่บ้าน วิธีนี้ช่วยรีแล็กซ์ได้ดีมากๆ เธอ บอกว่า ตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ จะสั่งนักสั่งหนาว่า ลูกทุกคนต้องสร้างสระว่ายน้ำที่บ้าน เพราะทำงานกันหนัก จำเป็นต้องออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง และผ่อนคลายจากความเครียด ท่านเองก็ชอบว่ายน้ำมาก กระนั้น แม้จะเป็นหญิงแกร่ง คิดเร็วทำเร็ว แต่ถ้าเจอศึกหนักๆอย่างเรื่องม็อบการเมือง คุณแอ๊ว ยอมรับว่า บางครั้ง ก็ต้องหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ให้ฟุ้งซ่าน โดยทุกครั้งที่มีเรื่องไม่สบายใจ เธอจะไหว้พ่อ และอธิษฐานว่า พ่อจ๋า ...ช่วยลูกด้วย ช่วยชี้แนะทางออกดีๆให้ลูกด้วย หรือเวลาที่คิดอะไรไม่ออก ถ้านึกถึงหน้าคุณพ่อ คำตอบก็จะลอยมาตรงหน้าทันที นอกจากนี้ เธอจะบอกตัวเองทุกครั้งที่เจออุปสรรคว่า เรายังโชคดีที่เกิดมาเป็นแบบนี้ ยังมีคนอื่นๆที่ลำบากกว่าเราเยอะแยะ ปัญหาที่เราเผชิญอยู่ เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ถ้าทุกคนมีน้ำใจและมีความเมตตาต่อกันซะอย่าง ก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ ส่วนนักธุรกิจอารมณ์ดีแห่งค่ายโออิชิ เสี่ยตัน ภาสกรนที มีมุมมองที่น่าสนใจว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรในชีวิต ผมเชื่ออย่าง หนึ่งว่า ความรักความอบอุ่นในครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุด ช่วยให้เราผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ เวลาเครียดๆ ผมจะปลูกต้นไม้ ดูอะไรเขียวๆ และเล่นกับลูก แค่นี้ก็สบายใจแล้ว ผมจะบอกทุกคนเสมอว่า คนเราเกิดมาต้องมีปัญหาทั้งนั้น แต่อย่าไปเครียดกับมันเลย ให้มองว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องมีทางออก ระหว่างที่ยังแก้ไขไม่ได้ ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปซีเรียสมาก ประเทศเป็นของคนไทยทุกคน ถ้าปัญหาจบลงด้วยดี ก็เพราะคนไทยทุกคน ผมเป็นแค่พ่อค้าตัวเล็กๆคงไม่บังอาจเสนอแนะอะไร แต่อยากบอกว่า ทั้งชีวิตของผมก็เจอปัญหาเจอเรื่องเครียดๆมาเยอะ แต่สุดท้ายคำพูดประโยคหนึ่ง ที่ทำให้ผมผ่านพ้นทุกปัญหามาได้คือ ชนะคือแพ้ และแพ้คือชนะ!! ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ผิดต้องเถียงจนชนะให้ได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นฝ่ายแพ้ ตรงกันข้าม ถ้าเราทุกคนเสียสละ หัดยอมแพ้ซะบ้าง อย่างน้อยๆเราก็ชนะใจตัวเอง
บุญเกียรติ โชควัฒนาถ้าถามเจ้าสัวใหญ่ค่ายสหพัฒน์ฯ บอสบุญเกียรติ โชควัฒนา คงจะได้แง่คิดดีๆเพียบ ซึ่งเหมาะเจาะกับสถานการณ์วุ่นวายยุคปัจจุบัน โดยเขาบอกว่า ปีนี้อายุ 63 ปีแล้ว แต่ยังทำงานได้สบาย เหมือนหนุ่มๆ โดยไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือเครียด เพราะเป็นคนมองโลกแง่บวก และคอยสะกดจิตตัวเองว่า เราไม่เหนื่อยไม่เครียด เลยทำให้มีพลังในการทำงาน อันนี้เป็นเรื่องของพลังเหนี่ยวนำจิตใจ คือ ถ้าเราเชื่ออย่างไร เราก็จะเป็นแบบนั้น คนคิดบวกก็จะได้บวก ส่วนคนคิดลบจะเจอแต่เรื่องลบๆ อย่างปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ ถ้าทุกคนคิดดี มองว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จบ ไม่มีอะไรแย่ไปตลอด ในที่สุดทุกอย่างก็ต้องดีขึ้นเอง บางคนฟังข่าวเยอะๆ แล้วเอามาเป็นอารมณ์ ทำให้ตัวเองกลุ้มใจไม่มีความสุข อันนี้ไม่ถูกต้อง ควรมองอย่างมีความหวัง และให้คิดใหม่ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป ประเทศเรายังดีกว่าอีกหลายประเทศ อย่างน้อยๆเราก็มีในหลวงให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์สำหรับ เจ้าสัวสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ถึงจะเจ๊กอั๊กจนแทบล้มทั้งยืน เพราะนักท่องเที่ยวแห่กันเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ตรงสี่แยกราชประสงค์ แต่เจ้าสัวก็ยังคุมสติอยู่ เนื่องจากมีหลานตัวเล็กตัวน้อยคอยกระเซ้าเย้าแหย่ให้คุณปู่หายเหงาหายเครียด โดยคุณปู่จะออกกฎเหล็กว่า หลานทุกคน (ตอนนี้มีอยู่ 10 คน) ต้องมานอนค้างคืนกับปู่ ทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ส่วนพ่อแม่จะไปเที่ยวไหนก็ได้ เดี๋ยวปู่รับเลี้ยงหลานๆให้เอง โดยกิจกรรมโปรดระหว่างปู่กับหลานคือ การขับรถพาหลานๆไปกินลมชมวิวตามต่างจังหวัด หรือไม่ก็หาของอร่อยๆทานกันตามประสาคนในครอบครัว เจอลูกอ้อนของหลานๆเจี๊ยวจ๊าวขนาดนี้ คุณปู่เลยหายเครียดเป็นปลิดทิ้งทุกที
ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนาแม้จะเป็นมือปืนรับจ้าง มีส่วนได้ส่วนเสียน้อยกว่าลูกหลานจิราธิวัฒน์ แต่สำหรับ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา มือบริหารฝ่ายการตลาดของค่ายซีพีเอ็นฯ ทำหน้าที่บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล พลาซา ทุกสาขา ก็ยอมรับว่างานที่ทำ อยู่ค่อนข้างกดดันและเครียดสุดๆ แต่โชคดีที่เขาชอบทำอะไรใหม่ๆ ท้าทายความสามารถอยู่แล้ว จึงสนุกกับการทำงานได้ไม่ยาก คนใกล้ชิดจะรู้ดีว่า เวลาที่ด็อกเตอร์เครียดๆ มักจะไประบายออกกับลูกเทนนิสทุกหน โดยเขามักหวดเทนนิสจนกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ และถ้าวันไหนกำลังนั่งประชุมงานกันอยู่ แล้วด็อกเตอร์เกิดแหย่ลูกน้องเล่น ก็เป็นที่รู้กันว่าเจ้านายกำลังเครียดจัด เพราะ ถ้าเป็นอารมณ์ปกติ ด็อกเตอร์จะจริงจังมาก และออกแนวอาละวาดนิดหน่อย
สิริเกศ จิราธิวัฒน์
กฤษณา อัมพุช ผู้บริหารหลายๆคนเครียดแล้วหยุดไม่อยู่ แต่สำหรับ สองบอสหญิงธุรกิจค้าปลีก คือ คุณอ้อย-สิริเกศ จิราธิวัฒน์ กับ คุณแป๊ก-กฤษณา อัมพุช ไม่ยอมปล่อยให้โรคเครียดถามหาเด็ดขาด เพราะกลัวแก่ กลัวไม่สวย!! โดย คุณอ้อย จะถือคติว่า คนทำดีต้องได้ดี ไม่เร็วก็ช้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อๆไป ถ้าทุกคนทำความดี มีความเมตตาเผื่อแผ่ให้คนรอบข้าง และรู้จักหันหน้าคุยกัน ประเทศของเราคงสงบสุขกว่านี้ ด้าน คุณแป๊ก เห็นพ้องว่า เวลามีปัญหาต้องตั้งสติให้ดี เพราะถึงจะเครียดไปก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ลองพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส บางทีอาจจะเห็นแสงสว่างรออยู่ที่ปลายถ้ำ!! ทีมข่าวหน้าสตรี
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ตัน ภาสกรนทีดูตัวอย่างซีอีโอและผู้บริหารแถวหน้าของเมืองไทย ถึงจะแบกรับความรับผิดชอบหนักอึ้งขนาดไหน ก็ยังรู้จักปลดล็อก หาเวลาคลายเครียดให้สบายใจ...เครียดๆๆๆ เครียดจนเส้นเลือดในสมองจะแตกตายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด ข้าวยากหมากแพง ไหนจะเครียดเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ ที่ปะทุขึ้นตรงโน้นทีตรงนี้ที คร่าชีวิตผู้คนบริสุทธิ์ไปแล้วหลายหมื่นหลายแสนชีวิต ไล่ตั้งแต่โศกนาฏกรรมที่เฮติ มาจนถึงแผ่นดินไหวในประเทศจีน และล่าสุดกับเหตุปะทุขึ้นของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ ส่งผล ให้เกิดวิกฤติการบินทั่วยุโรป ต้องยกเลิกเที่ยวบินนับแสนเที่ยว โดนแค่อาทิตย์เดียว สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท... จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน?! เจอเรื่องหนักๆแบบนี้ มีทางเดียวที่จะอยู่รอดได้ คือต้องปล่อยวาง และทำใจให้สบายๆ อย่าไปเครียดตามคนอื่นเลย ประเดี๋ยวจะช็อกแอนด์น็อกซะเปล่าๆ!! ดูตัวอย่างพวกซีอีโอและผู้บริหารแถวหน้าของเมืองไทยสิคะ ถึงจะแบกรับความรับผิดชอบหนักอึ้งขนาดไหน สะสมความเครียดไว้เต็มพิกัดขนาดไหน ก็ยังรู้จักปลดล็อก หาเวลาคลายเครียดให้สบายอก สบายใจ พอหัวสมองโล่งดีแล้วค่อยกลับมาลุยกันใหม่ก็ยังไม่สาย
ทศ จิราธิวัฒน์มาดขรึมๆและผมสีดอกเลาแบบนี้ เชื่อไหมคะว่า คุณทศ จิราธิวัฒน์ ซีอีโอใหญ่เครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น เพิ่งจะอายุย่าง 46 ปีเท่านั้น แต่ เพราะมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบหนักกว่าชาวบ้านชาวช่อง ซีอีโอหนุ่มไฟแรงจึง ดูแก่ก่อนวัยอันควร เขายอมรับว่าเวลาที่เครียด เรื่องงานมากๆ จะผ่อนคลายด้วยการกระโดดลงสระว่ายน้ำ โดยจะว่ายไปกลับๆจนกว่าจะรู้สึกสบายใจ ส่วนถ้าเครียดระดับปานกลางก็มักจะหนีเข้าสปาไปนวดรีแล็กซ์ อันนี้ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีเหลือเชื่อ แถมยังได้หลับตาพักผ่อน ปิดสวิตช์จากปัญหา ชั่วครู่ อีกกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดคือ การเล่นกับสุนัขตัวโปรดที่บ้าน เขารักสุนัขตัวนี้มาก เพราะจะเข้ามาคลอเคลียใกล้ชิดเจ้านายหนุ่มตลอดเวลา เป็นสุนัขตัวเมียพันธุ์ลาบราดอร์สีขาว ชื่อว่า ชาร์มมี่ แค่ได้ยินเสียงรถของเจ้านายหนุ่ม มันก็กระโดดเหยง แล้ววิ่งออกมารอรับที่หน้าบ้าน พอตื่นเช้ามาก็จะมานั่งรอเจ้านายหนุ่ม อ่านหนังสือพิมพ์ และทานข้าวเช้า ทำให้ สบายใจหายเหนื่อย ยกเว้นถ้าวันไหนความ เครียดพุ่งขึ้นเกินพิกัด คุณทศ จะเดิน ไปกอดไปหอมและคุยกับคุณแม่วนิดา ซึ่งมีบ้านอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน เพื่อขอกำลังใจจากมามี้ให้ลูกชายมีแรงลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ศุภลักษณ์ อัมพุชด้าน คุณแอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช บอสหญิงเหล็กแห่ง ค่ายเดอะ มอลล์ กรุ๊ป และสยาม พารากอน เผยถึงเทคนิคคลายเครียดแบบส่วนตัวๆว่า ถ้ารู้ตัวว่าเครียดเมื่อไหร่จะเข้าห้อง เซาน่าร้อนๆสัก 10 นาที ไล่ให้เหงื่อออกเยอะๆ จะได้ผ่อนคลายลง จากนั้นก็กระโดดลงสระว่ายน้ำเย็นๆ แล้วเรียกหมอนวดประจำตัว มาบีบนวดคลายเส้นให้ที่บ้าน วิธีนี้ช่วยรีแล็กซ์ได้ดีมากๆ เธอ บอกว่า ตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ จะสั่งนักสั่งหนาว่า ลูกทุกคนต้องสร้างสระว่ายน้ำที่บ้าน เพราะทำงานกันหนัก จำเป็นต้องออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง และผ่อนคลายจากความเครียด ท่านเองก็ชอบว่ายน้ำมาก กระนั้น แม้จะเป็นหญิงแกร่ง คิดเร็วทำเร็ว แต่ถ้าเจอศึกหนักๆอย่างเรื่องม็อบการเมือง คุณแอ๊ว ยอมรับว่า บางครั้ง ก็ต้องหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ให้ฟุ้งซ่าน โดยทุกครั้งที่มีเรื่องไม่สบายใจ เธอจะไหว้พ่อ และอธิษฐานว่า พ่อจ๋า ...ช่วยลูกด้วย ช่วยชี้แนะทางออกดีๆให้ลูกด้วย หรือเวลาที่คิดอะไรไม่ออก ถ้านึกถึงหน้าคุณพ่อ คำตอบก็จะลอยมาตรงหน้าทันที นอกจากนี้ เธอจะบอกตัวเองทุกครั้งที่เจออุปสรรคว่า เรายังโชคดีที่เกิดมาเป็นแบบนี้ ยังมีคนอื่นๆที่ลำบากกว่าเราเยอะแยะ ปัญหาที่เราเผชิญอยู่ เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ถ้าทุกคนมีน้ำใจและมีความเมตตาต่อกันซะอย่าง ก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ ส่วนนักธุรกิจอารมณ์ดีแห่งค่ายโออิชิ เสี่ยตัน ภาสกรนที มีมุมมองที่น่าสนใจว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรในชีวิต ผมเชื่ออย่าง หนึ่งว่า ความรักความอบอุ่นในครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุด ช่วยให้เราผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ เวลาเครียดๆ ผมจะปลูกต้นไม้ ดูอะไรเขียวๆ และเล่นกับลูก แค่นี้ก็สบายใจแล้ว ผมจะบอกทุกคนเสมอว่า คนเราเกิดมาต้องมีปัญหาทั้งนั้น แต่อย่าไปเครียดกับมันเลย ให้มองว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องมีทางออก ระหว่างที่ยังแก้ไขไม่ได้ ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปซีเรียสมาก ประเทศเป็นของคนไทยทุกคน ถ้าปัญหาจบลงด้วยดี ก็เพราะคนไทยทุกคน ผมเป็นแค่พ่อค้าตัวเล็กๆคงไม่บังอาจเสนอแนะอะไร แต่อยากบอกว่า ทั้งชีวิตของผมก็เจอปัญหาเจอเรื่องเครียดๆมาเยอะ แต่สุดท้ายคำพูดประโยคหนึ่ง ที่ทำให้ผมผ่านพ้นทุกปัญหามาได้คือ ชนะคือแพ้ และแพ้คือชนะ!! ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ผิดต้องเถียงจนชนะให้ได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นฝ่ายแพ้ ตรงกันข้าม ถ้าเราทุกคนเสียสละ หัดยอมแพ้ซะบ้าง อย่างน้อยๆเราก็ชนะใจตัวเอง
บุญเกียรติ โชควัฒนาถ้าถามเจ้าสัวใหญ่ค่ายสหพัฒน์ฯ บอสบุญเกียรติ โชควัฒนา คงจะได้แง่คิดดีๆเพียบ ซึ่งเหมาะเจาะกับสถานการณ์วุ่นวายยุคปัจจุบัน โดยเขาบอกว่า ปีนี้อายุ 63 ปีแล้ว แต่ยังทำงานได้สบาย เหมือนหนุ่มๆ โดยไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือเครียด เพราะเป็นคนมองโลกแง่บวก และคอยสะกดจิตตัวเองว่า เราไม่เหนื่อยไม่เครียด เลยทำให้มีพลังในการทำงาน อันนี้เป็นเรื่องของพลังเหนี่ยวนำจิตใจ คือ ถ้าเราเชื่ออย่างไร เราก็จะเป็นแบบนั้น คนคิดบวกก็จะได้บวก ส่วนคนคิดลบจะเจอแต่เรื่องลบๆ อย่างปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ ถ้าทุกคนคิดดี มองว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จบ ไม่มีอะไรแย่ไปตลอด ในที่สุดทุกอย่างก็ต้องดีขึ้นเอง บางคนฟังข่าวเยอะๆ แล้วเอามาเป็นอารมณ์ ทำให้ตัวเองกลุ้มใจไม่มีความสุข อันนี้ไม่ถูกต้อง ควรมองอย่างมีความหวัง และให้คิดใหม่ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป ประเทศเรายังดีกว่าอีกหลายประเทศ อย่างน้อยๆเราก็มีในหลวงให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์สำหรับ เจ้าสัวสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ถึงจะเจ๊กอั๊กจนแทบล้มทั้งยืน เพราะนักท่องเที่ยวแห่กันเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ตรงสี่แยกราชประสงค์ แต่เจ้าสัวก็ยังคุมสติอยู่ เนื่องจากมีหลานตัวเล็กตัวน้อยคอยกระเซ้าเย้าแหย่ให้คุณปู่หายเหงาหายเครียด โดยคุณปู่จะออกกฎเหล็กว่า หลานทุกคน (ตอนนี้มีอยู่ 10 คน) ต้องมานอนค้างคืนกับปู่ ทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ส่วนพ่อแม่จะไปเที่ยวไหนก็ได้ เดี๋ยวปู่รับเลี้ยงหลานๆให้เอง โดยกิจกรรมโปรดระหว่างปู่กับหลานคือ การขับรถพาหลานๆไปกินลมชมวิวตามต่างจังหวัด หรือไม่ก็หาของอร่อยๆทานกันตามประสาคนในครอบครัว เจอลูกอ้อนของหลานๆเจี๊ยวจ๊าวขนาดนี้ คุณปู่เลยหายเครียดเป็นปลิดทิ้งทุกที
ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนาแม้จะเป็นมือปืนรับจ้าง มีส่วนได้ส่วนเสียน้อยกว่าลูกหลานจิราธิวัฒน์ แต่สำหรับ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา มือบริหารฝ่ายการตลาดของค่ายซีพีเอ็นฯ ทำหน้าที่บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล พลาซา ทุกสาขา ก็ยอมรับว่างานที่ทำ อยู่ค่อนข้างกดดันและเครียดสุดๆ แต่โชคดีที่เขาชอบทำอะไรใหม่ๆ ท้าทายความสามารถอยู่แล้ว จึงสนุกกับการทำงานได้ไม่ยาก คนใกล้ชิดจะรู้ดีว่า เวลาที่ด็อกเตอร์เครียดๆ มักจะไประบายออกกับลูกเทนนิสทุกหน โดยเขามักหวดเทนนิสจนกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ และถ้าวันไหนกำลังนั่งประชุมงานกันอยู่ แล้วด็อกเตอร์เกิดแหย่ลูกน้องเล่น ก็เป็นที่รู้กันว่าเจ้านายกำลังเครียดจัด เพราะ ถ้าเป็นอารมณ์ปกติ ด็อกเตอร์จะจริงจังมาก และออกแนวอาละวาดนิดหน่อย
สิริเกศ จิราธิวัฒน์
กฤษณา อัมพุช ผู้บริหารหลายๆคนเครียดแล้วหยุดไม่อยู่ แต่สำหรับ สองบอสหญิงธุรกิจค้าปลีก คือ คุณอ้อย-สิริเกศ จิราธิวัฒน์ กับ คุณแป๊ก-กฤษณา อัมพุช ไม่ยอมปล่อยให้โรคเครียดถามหาเด็ดขาด เพราะกลัวแก่ กลัวไม่สวย!! โดย คุณอ้อย จะถือคติว่า คนทำดีต้องได้ดี ไม่เร็วก็ช้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อๆไป ถ้าทุกคนทำความดี มีความเมตตาเผื่อแผ่ให้คนรอบข้าง และรู้จักหันหน้าคุยกัน ประเทศของเราคงสงบสุขกว่านี้ ด้าน คุณแป๊ก เห็นพ้องว่า เวลามีปัญหาต้องตั้งสติให้ดี เพราะถึงจะเครียดไปก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ลองพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส บางทีอาจจะเห็นแสงสว่างรออยู่ที่ปลายถ้ำ!! ทีมข่าวหน้าสตรี
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Spa at Home ผ่อนคลายง่ายๆ ด้วยตัวเอง
Spa at Home ผ่อนคลายง่ายๆ ด้วยตัวเอง
หลายๆ คนชอบทำสปา แต่ก็ไม่มีเวลาไปทำที่ร้าน เพราะชีวิตทุกวันนี้กว่าจะทำงานเสร็จกลับบ้านก็ฟ้ามืดแล้ว วันนี้เลยมีทางเลือกใหม่ในวันว่างกับการทำสปาที่บ้าน ง่ายๆ ประหยัดเงิน แถมผ่อนคลายไม่แพ้ทำสปาที่ร้านการทำสปาที่บ้านใช่ว่าจะน่าเบื่อ เพราะถ้าเตรียมพร้อมทุกอย่างจะเป็นการทำสปาที่เพลินสุดๆมากกว่าที่ร้านเสียอีก ลองชวนเพื่อนซึ้ 2-3 คนมาทำสปาร่วมกัน คงทำให้คลายเครียดและหายเหงาได้เยอะ
ช่วงวันว่างสุดสัปดาห์เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด เพราะไหนๆ ก็ไม่ได้ทำงาน ก็ถึงเวลาที่ต้องดูแลตัวเอง ขีดสีฉวีวรรณ เพื่อต้นสัปดาห์จะได้เปล่งปลั่งไปทำงานกว่าใครๆ วันนี้เลยทริปการง่ายๆ กับ “ปฏิบัติการสปาส่วนตัว” 1. ปิดอุปกรณ์สื่อสารให้หมด แล้วเพิ่มบรรยากาศด้วยการจุดเทียนหอม และดนตรีบรรเลงคลาสสิคเบา ๆ 2. ปรับอุณหภูมิของห้องไม่ให้หนาวหรือร้อนเกินไป หรือถ้าบ้านคุณมีต้นไม้รกครึ้ม อาจเพียงเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมธรรมชาติก็ได้ 3. เปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง แล้วนอนแช่ Bath Oil หรือ Bubble Bath ให้ฉ่ำใจนานๆ พร้อมหลับตาและลืมเรื่องต่างๆ ให้หมด 4. ขัดผิวให้ทั่วด้วยใยบวบ นอกจากจะเป็นการขจัดเซลล์ผิวเก่า ๆ ให้กระตุ้นชีพจร และยังกระตุ้นกระแสการไหลเวียนของโลหิตอีกด้วย พอจบชั้นตอนนี้ ล้างตัวออกให้สะอาดด้วยฝักบัว 5. ขณะเดียวกันก็สระผมเสียเลย เตรียมผมให้สะอาดหมดจดสำหรับการทำ “สปา” ให้เส้นผมและหนังศีรษะ 6. ใช้ผ้าเช็ดตัวชนิดฟูนุ่มพิเศษ ซับน้ำจากร่างกายและผม ลูบไล้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ บำรุงผิว ในขณะที่ผิวยังหมาดอยู่ คุณจะสัมผัสได้ว่าผิวนุ่มนวล และยังเปล่งประกายความมีสุขภาพดี 7. ใช้ครีมบำรุงผมสูตรเข้มข้น ลูบไล้ให้ทั่วเรือนผม แล้วทิ้งไว้ 30 นาที (สำหรับขั้นตอนนี้ต้องใจเย็นๆ อย่ารีบล้างออก ทิ้งไว้นานๆ เพื่อให้สารที่เป็นประโยชน์ได้ทำงานดีขึ้น) ถ้าจะให้ได้ผลดี ห่อผมด้วยพลาสติกบาง ๆ (ที่ใช้ห่ออาหาร) หรือสวมหมวกอาบน้ำแล้วห่อทับด้วยผ้าขนหนูอีกชั้นหนึ่ง 8. ห่อหุ้มกายด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำเนื้อผ้าซาติน เพราะทำให้คุณรู้สึกสบาย จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ตอนนี้จะขัดหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าด้วยก็ได้ ขั้นตอนนี้สำคัญมากทีเดียว (แต่คุณจะข้ามไปก็ได้ถ้าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่าย หรือผิวบอบบาง) บางที่นิยมใช้ AHA (Alpha Hydroxy Acid) เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมก่อนที่จะปฏิบัติขั้นต่อไป9. ต่อไป อบผิวด้วยไอน้ำ บางคนชอบวิธีนี้มากทีเดียวเพราะเป็นการเปิดรูขุมขนให้สิ่งตกค้างหลุดออกมา (ถ้าคุณผิว Sensitive มากๆ การใช้ความร้อนจะกระตุ้นผิวให้ทำงานหนักขึ้น) ใช้น้ำอุ่นใส่กาละมังไว้ น้ำอุ่นนะคะไม่ใช่น้ำเดือด หยดน้ำมันสมุนไพร Essential Oil เลือกกลิ่นที่ถูกใจ โดยเฉพาะลาเวนเดอร์ จะทำให้คุณผ่อนคลายเป็นพิเศษ ก้มหน้าเหนือผิวน้ำประมาณหนึ่งฟุต ใช้ผ้าขนหนูคลุมศรีษะไว้เพื่อกักไอน้ำมิให้ลอยออกไป การอบไอน้ำบนผิวหน้าสนุกมากทีเดียว และยังให้ประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะปฏิบัติหลังการล้างหน้าและก่อนการพอกหน้า 10. ขั้นตอนถัดมาคือการพอกหน้า เลือกชนิดของครีมหรือโคลนพอกหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ แบบ Moisturising คือการบำรุงผิวหน้า Deep Cleansing คือแบบที่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก และแบบ Refreshing จะทำให้ผิวอันเหนื่อยล้ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พอกครีมที่คุณเลือกลงบนผิวหน้าอย่างหนาๆ เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ นั่งเอนหลังเหยียดขาให้รู้สึกสบาย โปะตาด้วยถุงชาที่ใช้แล้ว (ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนะคะ) ถ้าเป็นชาสมุนไพร ยิ่งดีมาก ๆ ทำให้ดวงตาสดใส คลายความล้า พอกหน้าทิ้งไว้ 30 นาที 11. พอถึงเวลาล้างออก ใช้น้ำอุ่นลูบเบา ๆ จนใบหน้าสะอาด ใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดในบริเวณที่ล้างออกยาก เช่น รอบดวงตาหรือร่องจมูก 12. แล้วทีนี้ก็พอดีกับเวลาที่ล้างครีมบำรุงผมออกได้ ซับน้ำออกจากผมให้แห้งหมาด ๆ คุณจะรู้สึกทันทีว่าผมนุ่มขึ้น 13. การนวดเป็นหัวใจสำคัญของการทำสปา ไม่ว่าจะที่บ้านคุณเอง หรือ สปาระดับอินเตอร์ตามโรงแรมหรู ๆ คุณอาจคิดว่า การนวดตัวเองคงยากน่าดู นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ชวนเพื่อนๆ มาร่วมวงบรรเลงกัน คุณอาจสลับกันนวดขา และท้ายทอย หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น Jacknobber มาช่วยในการนวดที่ถูกต้องนั้นสำคัญมาก เพราะหากนวดกดจุดโดยปราศจากความรู้ ก็อาจเป็นอันตรายได้ กรณีคุณอาจใช้บริการนักนวดมืออาชีพที่มานวดให้ถึงที่บ้านเพื่อความมั่นใจ 14. ถ้าคุณพอมีเวลาเหลือ เผื่อแผ่ความสุขให้เบื้องล่างของร่างกายบ้าง แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำมันสมุนไพร ขัดบริเวณจุดสัมผัสด้าน ตัดเล็มเล็บให้เรียบร้อยน่ามอง การทำสปาที่บ้านนอกจากจะต้องใช้ความละเอียดละออในแต่ละขั้นตอนแล้ว เรื่องของการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ก็ต้องเลือกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวได้สมบูรณ์ด้วย อย่างผลิตภัณฑ์สำหรับทำสปาที่บ้าน Origin SpaModern Friction
สครับขัดผิวหน้าที่มอบการทำงานเสมือนการทำ Microdermabrasion โดยวิธีธรรมชาติทีมีความปลอดภัยและละเอียดอ่อนกว่า microdermabrasion มีการผสมผสานของครีมขาว เหนียวข้นที่มีส่วนผสมของแป้งข้าวญี่ปุ่น จึงช่วยขจัดสิ่งสกปรกตกค้างจากผิวได้สะอาดเกลี้ยงเกลา และเมล็ดข้าวบดที่ได้รับการขัดกลึงเป็นรูปทรงกลม ทำหน้าที่ขัดผิวชั้นนอกได้อย่างอ่อนโยน และไม่บาดผิวให้เกิดเป็นแผลริ้วรอยเล็กๆ อันเป็นสาเหตุของการแพ้ระคายเคือง จึงเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนการไปพบแพทย์ผิวหนัง ประโยชน์ของเมล็ดข้าวญี่ปุ่น จะช่วยให้ผิวรู้สึกเนียนสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใสเปล่งประกายความมีน้ำมีนวลและสุขภาพที่ดีDrink Up
ครีมพอกผิวที่คืนความชุ่มชื้น มีน้ำมีนวลแก่ผิวหน้า ภายใน 10 นาที ผิวจะนุ่มนวลเปล่งประกายความเยาว์วัย ด้วยสารบำรุงผิวจากน้ำมันสกัดเมล็ดแอปปริคอท Pure Cream
เนื้อครีมแท้ๆ เข้มข้น ทำความสะอาดหน้าได้อย่างสะอาดเนียน เช็ดด้วยทิชชู่หรือสำลี หรือล้างออกด้วยน้ำก็ได้ เนื้อครีมประกอบด้วย น้ำมันจากแครอท และกลีเซอรีน ช่วยเช็ดเครื่องสำอาง ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกตกค้างที่กระชากความชุ่นชื้นไปจากผิว Out of Trouble
ครีมพอกหน้าผสมชาร์โคลเข้มข้น ชะล้างรูขุมขนที่อุดตัน ชาร์โคลทำหน้าที่เป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดสิ่งตกค้างที่ฝังลึกให้หมดไปจากรูขุมขน ขณะที่ White China Clay ดูดซับมลพิษที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมให้ผิวสะอาดล้ำลึก Brighter by nature : Brightening anti-stress moisture lotion with SPF25/PA++
สำคัญที่สุดหลังจากการบำรุงอย่างครบขั้นตอนแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือการปกป้องผิวจากแสงแดด รังสียูวีและความร้อนด้วยโลชั่นบำรุงผิวพร้อมเสริมค่าป้องกันแสงแดด SPF 25 PA++ มอบการปกป้องผิวจากแสงแดด และแก้ไขปัญหาจุดด่างดำต่างๆอย่างตรงจุด.ครีมพอกหน้าผสมชาร์โคลเข้มข้น ชะล้างรูขุมขนที่อุดตัน ชาร์โคลทำหน้าที่เป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดสิ่งตกค้างที่ฝังลึกให้หมดไปจากรูขุมขน ขณะที่ White China Clay ดูดซับมลพิษที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมให้ผิวสะอาดล้ำลึก Brighter by nature“ปฏิบัติการสปาส่วนตัว”
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
หลายๆ คนชอบทำสปา แต่ก็ไม่มีเวลาไปทำที่ร้าน เพราะชีวิตทุกวันนี้กว่าจะทำงานเสร็จกลับบ้านก็ฟ้ามืดแล้ว วันนี้เลยมีทางเลือกใหม่ในวันว่างกับการทำสปาที่บ้าน ง่ายๆ ประหยัดเงิน แถมผ่อนคลายไม่แพ้ทำสปาที่ร้านการทำสปาที่บ้านใช่ว่าจะน่าเบื่อ เพราะถ้าเตรียมพร้อมทุกอย่างจะเป็นการทำสปาที่เพลินสุดๆมากกว่าที่ร้านเสียอีก ลองชวนเพื่อนซึ้ 2-3 คนมาทำสปาร่วมกัน คงทำให้คลายเครียดและหายเหงาได้เยอะ
ช่วงวันว่างสุดสัปดาห์เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด เพราะไหนๆ ก็ไม่ได้ทำงาน ก็ถึงเวลาที่ต้องดูแลตัวเอง ขีดสีฉวีวรรณ เพื่อต้นสัปดาห์จะได้เปล่งปลั่งไปทำงานกว่าใครๆ วันนี้เลยทริปการง่ายๆ กับ “ปฏิบัติการสปาส่วนตัว” 1. ปิดอุปกรณ์สื่อสารให้หมด แล้วเพิ่มบรรยากาศด้วยการจุดเทียนหอม และดนตรีบรรเลงคลาสสิคเบา ๆ 2. ปรับอุณหภูมิของห้องไม่ให้หนาวหรือร้อนเกินไป หรือถ้าบ้านคุณมีต้นไม้รกครึ้ม อาจเพียงเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมธรรมชาติก็ได้ 3. เปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง แล้วนอนแช่ Bath Oil หรือ Bubble Bath ให้ฉ่ำใจนานๆ พร้อมหลับตาและลืมเรื่องต่างๆ ให้หมด 4. ขัดผิวให้ทั่วด้วยใยบวบ นอกจากจะเป็นการขจัดเซลล์ผิวเก่า ๆ ให้กระตุ้นชีพจร และยังกระตุ้นกระแสการไหลเวียนของโลหิตอีกด้วย พอจบชั้นตอนนี้ ล้างตัวออกให้สะอาดด้วยฝักบัว 5. ขณะเดียวกันก็สระผมเสียเลย เตรียมผมให้สะอาดหมดจดสำหรับการทำ “สปา” ให้เส้นผมและหนังศีรษะ 6. ใช้ผ้าเช็ดตัวชนิดฟูนุ่มพิเศษ ซับน้ำจากร่างกายและผม ลูบไล้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ บำรุงผิว ในขณะที่ผิวยังหมาดอยู่ คุณจะสัมผัสได้ว่าผิวนุ่มนวล และยังเปล่งประกายความมีสุขภาพดี 7. ใช้ครีมบำรุงผมสูตรเข้มข้น ลูบไล้ให้ทั่วเรือนผม แล้วทิ้งไว้ 30 นาที (สำหรับขั้นตอนนี้ต้องใจเย็นๆ อย่ารีบล้างออก ทิ้งไว้นานๆ เพื่อให้สารที่เป็นประโยชน์ได้ทำงานดีขึ้น) ถ้าจะให้ได้ผลดี ห่อผมด้วยพลาสติกบาง ๆ (ที่ใช้ห่ออาหาร) หรือสวมหมวกอาบน้ำแล้วห่อทับด้วยผ้าขนหนูอีกชั้นหนึ่ง 8. ห่อหุ้มกายด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำเนื้อผ้าซาติน เพราะทำให้คุณรู้สึกสบาย จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ตอนนี้จะขัดหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าด้วยก็ได้ ขั้นตอนนี้สำคัญมากทีเดียว (แต่คุณจะข้ามไปก็ได้ถ้าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่าย หรือผิวบอบบาง) บางที่นิยมใช้ AHA (Alpha Hydroxy Acid) เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมก่อนที่จะปฏิบัติขั้นต่อไป9. ต่อไป อบผิวด้วยไอน้ำ บางคนชอบวิธีนี้มากทีเดียวเพราะเป็นการเปิดรูขุมขนให้สิ่งตกค้างหลุดออกมา (ถ้าคุณผิว Sensitive มากๆ การใช้ความร้อนจะกระตุ้นผิวให้ทำงานหนักขึ้น) ใช้น้ำอุ่นใส่กาละมังไว้ น้ำอุ่นนะคะไม่ใช่น้ำเดือด หยดน้ำมันสมุนไพร Essential Oil เลือกกลิ่นที่ถูกใจ โดยเฉพาะลาเวนเดอร์ จะทำให้คุณผ่อนคลายเป็นพิเศษ ก้มหน้าเหนือผิวน้ำประมาณหนึ่งฟุต ใช้ผ้าขนหนูคลุมศรีษะไว้เพื่อกักไอน้ำมิให้ลอยออกไป การอบไอน้ำบนผิวหน้าสนุกมากทีเดียว และยังให้ประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะปฏิบัติหลังการล้างหน้าและก่อนการพอกหน้า 10. ขั้นตอนถัดมาคือการพอกหน้า เลือกชนิดของครีมหรือโคลนพอกหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ แบบ Moisturising คือการบำรุงผิวหน้า Deep Cleansing คือแบบที่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก และแบบ Refreshing จะทำให้ผิวอันเหนื่อยล้ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พอกครีมที่คุณเลือกลงบนผิวหน้าอย่างหนาๆ เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ นั่งเอนหลังเหยียดขาให้รู้สึกสบาย โปะตาด้วยถุงชาที่ใช้แล้ว (ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนะคะ) ถ้าเป็นชาสมุนไพร ยิ่งดีมาก ๆ ทำให้ดวงตาสดใส คลายความล้า พอกหน้าทิ้งไว้ 30 นาที 11. พอถึงเวลาล้างออก ใช้น้ำอุ่นลูบเบา ๆ จนใบหน้าสะอาด ใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดในบริเวณที่ล้างออกยาก เช่น รอบดวงตาหรือร่องจมูก 12. แล้วทีนี้ก็พอดีกับเวลาที่ล้างครีมบำรุงผมออกได้ ซับน้ำออกจากผมให้แห้งหมาด ๆ คุณจะรู้สึกทันทีว่าผมนุ่มขึ้น 13. การนวดเป็นหัวใจสำคัญของการทำสปา ไม่ว่าจะที่บ้านคุณเอง หรือ สปาระดับอินเตอร์ตามโรงแรมหรู ๆ คุณอาจคิดว่า การนวดตัวเองคงยากน่าดู นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ชวนเพื่อนๆ มาร่วมวงบรรเลงกัน คุณอาจสลับกันนวดขา และท้ายทอย หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น Jacknobber มาช่วยในการนวดที่ถูกต้องนั้นสำคัญมาก เพราะหากนวดกดจุดโดยปราศจากความรู้ ก็อาจเป็นอันตรายได้ กรณีคุณอาจใช้บริการนักนวดมืออาชีพที่มานวดให้ถึงที่บ้านเพื่อความมั่นใจ 14. ถ้าคุณพอมีเวลาเหลือ เผื่อแผ่ความสุขให้เบื้องล่างของร่างกายบ้าง แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำมันสมุนไพร ขัดบริเวณจุดสัมผัสด้าน ตัดเล็มเล็บให้เรียบร้อยน่ามอง การทำสปาที่บ้านนอกจากจะต้องใช้ความละเอียดละออในแต่ละขั้นตอนแล้ว เรื่องของการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ก็ต้องเลือกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวได้สมบูรณ์ด้วย อย่างผลิตภัณฑ์สำหรับทำสปาที่บ้าน Origin SpaModern Friction
สครับขัดผิวหน้าที่มอบการทำงานเสมือนการทำ Microdermabrasion โดยวิธีธรรมชาติทีมีความปลอดภัยและละเอียดอ่อนกว่า microdermabrasion มีการผสมผสานของครีมขาว เหนียวข้นที่มีส่วนผสมของแป้งข้าวญี่ปุ่น จึงช่วยขจัดสิ่งสกปรกตกค้างจากผิวได้สะอาดเกลี้ยงเกลา และเมล็ดข้าวบดที่ได้รับการขัดกลึงเป็นรูปทรงกลม ทำหน้าที่ขัดผิวชั้นนอกได้อย่างอ่อนโยน และไม่บาดผิวให้เกิดเป็นแผลริ้วรอยเล็กๆ อันเป็นสาเหตุของการแพ้ระคายเคือง จึงเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนการไปพบแพทย์ผิวหนัง ประโยชน์ของเมล็ดข้าวญี่ปุ่น จะช่วยให้ผิวรู้สึกเนียนสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใสเปล่งประกายความมีน้ำมีนวลและสุขภาพที่ดีDrink Up
ครีมพอกผิวที่คืนความชุ่มชื้น มีน้ำมีนวลแก่ผิวหน้า ภายใน 10 นาที ผิวจะนุ่มนวลเปล่งประกายความเยาว์วัย ด้วยสารบำรุงผิวจากน้ำมันสกัดเมล็ดแอปปริคอท Pure Cream
เนื้อครีมแท้ๆ เข้มข้น ทำความสะอาดหน้าได้อย่างสะอาดเนียน เช็ดด้วยทิชชู่หรือสำลี หรือล้างออกด้วยน้ำก็ได้ เนื้อครีมประกอบด้วย น้ำมันจากแครอท และกลีเซอรีน ช่วยเช็ดเครื่องสำอาง ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกตกค้างที่กระชากความชุ่นชื้นไปจากผิว Out of Trouble
ครีมพอกหน้าผสมชาร์โคลเข้มข้น ชะล้างรูขุมขนที่อุดตัน ชาร์โคลทำหน้าที่เป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดสิ่งตกค้างที่ฝังลึกให้หมดไปจากรูขุมขน ขณะที่ White China Clay ดูดซับมลพิษที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมให้ผิวสะอาดล้ำลึก Brighter by nature : Brightening anti-stress moisture lotion with SPF25/PA++
สำคัญที่สุดหลังจากการบำรุงอย่างครบขั้นตอนแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือการปกป้องผิวจากแสงแดด รังสียูวีและความร้อนด้วยโลชั่นบำรุงผิวพร้อมเสริมค่าป้องกันแสงแดด SPF 25 PA++ มอบการปกป้องผิวจากแสงแดด และแก้ไขปัญหาจุดด่างดำต่างๆอย่างตรงจุด.ครีมพอกหน้าผสมชาร์โคลเข้มข้น ชะล้างรูขุมขนที่อุดตัน ชาร์โคลทำหน้าที่เป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดสิ่งตกค้างที่ฝังลึกให้หมดไปจากรูขุมขน ขณะที่ White China Clay ดูดซับมลพิษที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมให้ผิวสะอาดล้ำลึก Brighter by nature“ปฏิบัติการสปาส่วนตัว”
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Friday, April 23, 2010
BLUE HARBOUR ร้านตัดผมในฝันของสถาปนิกดัง
BLUE HARBOUR ร้านตัดผมในฝันของสถาปนิกดัง
ในแวดวงสถาปัตยกรรมเมืองไทย ถ้าเอ่ยถึงชื่อของ นิธิศ สถาปิตานนท์ ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย และเจ้าของบริษัท A49 อันโด่งดัง เลื่องชื่อ นอกจากงานออกแบบที่รักและทุ่มเทอย่างเต็มที่ รวมถึงผลงานการเขียนหนังสือและบทความวิชาการด้านสถาปัตยกรรมแล้ว อีกหนึ่งความฝันของสถาปนิกมือรางวัล ที่เพิ่งสานต่อจนกลายเป็นจริง ในวัย 60 เศษ ก็คือ การได้ เป็นเจ้าของร้านตัดผมเล็กๆ ที่มีช่างรู้ใจคอยให้ บริการอย่างพิถีพิถัน
ร้านตัดผมในฝันของ อ.นิธิศ มีชื่อเท่ๆว่า BLUE HARBOUR ตั้งอยู่ชั้น 2 โครงการเนเบอร์ฮูด ไลฟ์สไตล์ มอลล์สุด ฮิปแห่งใหม่ K-Village ใจกลางซอยสุขุมวิท 26 แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจตกแต่งร้านให้เป็นบาร์เบอร์แบบชาวบ้านธรรมดาๆ เหมือนร้านตัดผมเก่าแก่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอยแถวสุขุมวิท แต่ด้วยความที่เป็นสถาปนิกมาทั้งชีวิต เมื่อลงมือออกแบบร้านตัดผม จึงออกมาสวยโก้มีสไตล์เกินกว่าจะเป็นบาร์เบอร์ธรรมดา
สถาปนิกใหญ่เล่าถึงคอนเซปต์ร้านว่า เป็นคนที่ชื่นชอบบรรยากาศของร้านตัดผมตามท่าเรือ จึงจำลองมาเป็นบาร์เบอร์ในฝันที่ดูอบอุ่นคลาสสิกไม่เหมือนใคร จะเห็นว่าภายในร้านมีเรือจำลองประดับประดาอยู่ทั่วทุกมุม อันนี้เป็นของรักของหวงส่วนตัว ซึ่งเขาสะสมมาตั้งแต่หนุ่มๆ ส่วนเก้าอี้ตัดผมโบราณ และบันได ท้ายเรือ ตระเวนค้นหามาอย่างตั้งใจ เพราะอยากให้ได้อารมณ์ของกะลาสีเรือจริงๆ โดยคลุมบรรยากาศทั้งร้าน ให้อยู่ในโทนสีน้ำเงิน, ฟ้า, ขาว และสีไม้โอ๊ก
นอกจากบรรยากาศจะโดดเด่นน่าประทับใจแล้ว เรื่องฝีมือการตัดผมก็ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ เพราะมีช่างผมเก่าแก่ ย่านสุขุมวิท คือ ช่างสวัสดิ์ รับหน้าที่คุมทีมช่างผมมืออาชีพ พร้อมให้บริการแบบเทรดดิชั่นแนลครบวงจร ตั้งแต่สระ ผม, ตัดผม, โกนหนวด, แคะหู, ทำสปาเล็บ, นวดแขนนวดขา, นวดผ่อน คลายศีรษะ-ต้นคอ-ไหล่ และพิเศษกว่าร้านตัดผมทั่วไปคือ มีบริการทรีตเมนต์, นวดหน้า และสครับหน้าตามตำรับแดน อาทิตย์อุทัย ไว้เอาใจหนุ่มๆเจ้าสำอางด้วย
ถ้าไม่อยากผิด หวัง แนะนำให้จองคิวช่างล่วงหน้านะคะ ที่โทร. 0-2661-2901-2 สามารถระบุได้ว่า ต้องการห้องตัดผมแบบไพรเวท สำหรับคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งชีพ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ในแวดวงสถาปัตยกรรมเมืองไทย ถ้าเอ่ยถึงชื่อของ นิธิศ สถาปิตานนท์ ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย และเจ้าของบริษัท A49 อันโด่งดัง เลื่องชื่อ นอกจากงานออกแบบที่รักและทุ่มเทอย่างเต็มที่ รวมถึงผลงานการเขียนหนังสือและบทความวิชาการด้านสถาปัตยกรรมแล้ว อีกหนึ่งความฝันของสถาปนิกมือรางวัล ที่เพิ่งสานต่อจนกลายเป็นจริง ในวัย 60 เศษ ก็คือ การได้ เป็นเจ้าของร้านตัดผมเล็กๆ ที่มีช่างรู้ใจคอยให้ บริการอย่างพิถีพิถัน
ร้านตัดผมในฝันของ อ.นิธิศ มีชื่อเท่ๆว่า BLUE HARBOUR ตั้งอยู่ชั้น 2 โครงการเนเบอร์ฮูด ไลฟ์สไตล์ มอลล์สุด ฮิปแห่งใหม่ K-Village ใจกลางซอยสุขุมวิท 26 แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจตกแต่งร้านให้เป็นบาร์เบอร์แบบชาวบ้านธรรมดาๆ เหมือนร้านตัดผมเก่าแก่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอยแถวสุขุมวิท แต่ด้วยความที่เป็นสถาปนิกมาทั้งชีวิต เมื่อลงมือออกแบบร้านตัดผม จึงออกมาสวยโก้มีสไตล์เกินกว่าจะเป็นบาร์เบอร์ธรรมดา
สถาปนิกใหญ่เล่าถึงคอนเซปต์ร้านว่า เป็นคนที่ชื่นชอบบรรยากาศของร้านตัดผมตามท่าเรือ จึงจำลองมาเป็นบาร์เบอร์ในฝันที่ดูอบอุ่นคลาสสิกไม่เหมือนใคร จะเห็นว่าภายในร้านมีเรือจำลองประดับประดาอยู่ทั่วทุกมุม อันนี้เป็นของรักของหวงส่วนตัว ซึ่งเขาสะสมมาตั้งแต่หนุ่มๆ ส่วนเก้าอี้ตัดผมโบราณ และบันได ท้ายเรือ ตระเวนค้นหามาอย่างตั้งใจ เพราะอยากให้ได้อารมณ์ของกะลาสีเรือจริงๆ โดยคลุมบรรยากาศทั้งร้าน ให้อยู่ในโทนสีน้ำเงิน, ฟ้า, ขาว และสีไม้โอ๊ก
นอกจากบรรยากาศจะโดดเด่นน่าประทับใจแล้ว เรื่องฝีมือการตัดผมก็ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ เพราะมีช่างผมเก่าแก่ ย่านสุขุมวิท คือ ช่างสวัสดิ์ รับหน้าที่คุมทีมช่างผมมืออาชีพ พร้อมให้บริการแบบเทรดดิชั่นแนลครบวงจร ตั้งแต่สระ ผม, ตัดผม, โกนหนวด, แคะหู, ทำสปาเล็บ, นวดแขนนวดขา, นวดผ่อน คลายศีรษะ-ต้นคอ-ไหล่ และพิเศษกว่าร้านตัดผมทั่วไปคือ มีบริการทรีตเมนต์, นวดหน้า และสครับหน้าตามตำรับแดน อาทิตย์อุทัย ไว้เอาใจหนุ่มๆเจ้าสำอางด้วย
ถ้าไม่อยากผิด หวัง แนะนำให้จองคิวช่างล่วงหน้านะคะ ที่โทร. 0-2661-2901-2 สามารถระบุได้ว่า ต้องการห้องตัดผมแบบไพรเวท สำหรับคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งชีพ.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เปลือกกุ้งรักษา อัมพาต หมอหวังซ่อมไขสันหลัง เสียหายให้คืนดีได้
เปลือกกุ้งรักษา อัมพาต หมอหวังซ่อมไขสันหลัง เสียหายให้คืนดีได้
นักวิจัยสหรัฐฯพบว่า เปลือกกุ้งมียารักษาคนไข้อัมพาตและคนไข้สมองเสียหาย ถือว่าเป็นการก้าวหน้าในการบำบัดรักษา คนไข้ไขสันหลังและสมองพิการ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาทีเดียวศาสตราจารย์ริชาร์ด บอเกนส์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอัมพาตของสหรัฐฯ ได้พบว่าน้ำตาลที่มีอยู่ในเปลือกกุ้ง มีสรรพคุณรักษาไขสันหลังที่เสียหายให้ดีขึ้นได้ ผมรู้สึกตื่นเต้น ที่พบสารเคมีที่ซ่อมแซมระบบประสาทที่เสียหายให้กลับคืนดีได้ นับเป็นหนทางในการรักษาผู้บาดเจ็บลำเค็ญวิธีใหม่โดยสิ้นเชิง และมันน่าทึ่งว่าสารเคมีพิเศษนี้อย่างหนึ่งเป็นน้ำตาลในการรักษา หมอจะเอาน้ำตาลละลายในน้ำกลั่น ฉีดเข้ากระแสเลือด และเมื่อเคลื่อนที่ไปถึงตรงไขสันหลังบาดเจ็บ มันจะเจาะรูทะลุปลอกหุ้มเซลล์ประสาทเข้าไป นักวิจัยได้ทดลองกับหนูได้ผล สำเร็จมาแล้ว และเชื่อว่าจะได้ผลในการทดลองกับมนุษย์เช่นกัน ไขสันหลังของหนูก็คล้ายกับของมนุษย์มาก เพียงแต่เล็กกว่าเท่านั้นหมอบอเกนส์กล่าวเสริมว่า วิทยาศาสตร์ ได้พบแนวทางใหม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เรามองหาแต่ยาซึ่งสามารถจะช่วยบรรเทาความเสียหายได้ แต่บัดนี้เรากำลังคิดถึงการซ่อมแซม ให้มันกลับปกติดังเดิม.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
นักวิจัยสหรัฐฯพบว่า เปลือกกุ้งมียารักษาคนไข้อัมพาตและคนไข้สมองเสียหาย ถือว่าเป็นการก้าวหน้าในการบำบัดรักษา คนไข้ไขสันหลังและสมองพิการ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาทีเดียวศาสตราจารย์ริชาร์ด บอเกนส์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอัมพาตของสหรัฐฯ ได้พบว่าน้ำตาลที่มีอยู่ในเปลือกกุ้ง มีสรรพคุณรักษาไขสันหลังที่เสียหายให้ดีขึ้นได้ ผมรู้สึกตื่นเต้น ที่พบสารเคมีที่ซ่อมแซมระบบประสาทที่เสียหายให้กลับคืนดีได้ นับเป็นหนทางในการรักษาผู้บาดเจ็บลำเค็ญวิธีใหม่โดยสิ้นเชิง และมันน่าทึ่งว่าสารเคมีพิเศษนี้อย่างหนึ่งเป็นน้ำตาลในการรักษา หมอจะเอาน้ำตาลละลายในน้ำกลั่น ฉีดเข้ากระแสเลือด และเมื่อเคลื่อนที่ไปถึงตรงไขสันหลังบาดเจ็บ มันจะเจาะรูทะลุปลอกหุ้มเซลล์ประสาทเข้าไป นักวิจัยได้ทดลองกับหนูได้ผล สำเร็จมาแล้ว และเชื่อว่าจะได้ผลในการทดลองกับมนุษย์เช่นกัน ไขสันหลังของหนูก็คล้ายกับของมนุษย์มาก เพียงแต่เล็กกว่าเท่านั้นหมอบอเกนส์กล่าวเสริมว่า วิทยาศาสตร์ ได้พบแนวทางใหม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เรามองหาแต่ยาซึ่งสามารถจะช่วยบรรเทาความเสียหายได้ แต่บัดนี้เรากำลังคิดถึงการซ่อมแซม ให้มันกลับปกติดังเดิม.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
แรงบันดาลใจจากเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป ถ่ายทอดสู่โลกแฟชั่นชั้นสูง
แรงบันดาลใจจากเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป ถ่ายทอดสู่โลกแฟชั่นชั้นสูง
มาแรงจริงๆสำหรับกระแสการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก เวิลด์ เอ็กซ์โป 2010 ที่มหานคร เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 1 พ.ค.นี้ แม้แต่แบรนด์เนมระดับโลก CHANEL ภายใต้การนำของดีไซเนอร์รุ่นเดอะ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ยังสร้างสรรค์คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด อุทิศให้ เซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะ ตั้งชื่อคอลเลกชั่นแบบจงใจว่า ปารีส เซี่ยงไฮ้ เพื่อเชิดชูบทบาทของเซี่ยงไฮ้ ในฐานะที่เป็นมหานครแห่งความหลาก หลายทางวัฒนธรรม
สำหรับคอลเลกชั่นนี้ ได้นำฝีมือความชำนาญของช่างเก่าแก่ชาวปารีเซียง มาผสมผสานกับผลงานการตัดเย็บสุดพิถีพิถันของห้องเสื้อชาเนล ถ่ายทอดออกมาเป็นความหรูหราแท้จริงตามแบบฉบับฝรั่งเศส จุดเด่นอีกอย่างที่น่าประทับใจคือ การทุ่มทุนสร้างเนรมิตเรือท้องแบนยาว 85 เมตร ให้เป็นแคตวอล์กกลางน้ำ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่ออวดผลงานการดีไซน์ล่าสุด โดยมีตึกสูงระฟ้าในย่านผู่ตง ใจกลางเซี่ยงไฮ้ เป็นฉากหลัง อันงดงามตระการตา
อิทธิพลจากความรุ่งโรจน์ของแดนมังกรปรากฏให้เห็นอย่างคึกคัก ไล่ตั้ง แต่สีสันความมั่งคั่งของพระราชวังจีน,ความเก๋ไก๋แวววาวที่นิยมทั่วเซี่ยงไฮ้ในยุคทศวรรษ 1930, ดีไซน์ของแขนเสื้อที่เล็กเรียว เหมือนรูปทรงเจดีย์จีน, โครงชุดเน้นความบอบบาง และเอวเล็กคอด, การประดับ ประดาด้วยระบายที่ชายผ้า เย็บซ้อนกันเป็นชั้นๆ, การเลือกผ้าโทนสีดำ-แดง-เขียวกากี-น้ำเงินมิดไนต์บลู มาตัดเย็บเป็นชุดสูทคอตั้ง และการใช้เทคนิคประดับเลื่อมเพื่อเน้นโครงสร้างของไหล่และเอวเล็กบาง
เครื่องประดับจิวเวลรี่ในคอลเลกชั่นนี้ก็โดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญถึงมาก มีทั้งตุ้ม หูยาวระย้า, หมวกจีนใบใหญ่ ที่ช่วยสร้างกรอบให้ ใบหน้า, สร้อยคอ, เข็มกลัด และกำไลข้อมือ ล้วนแต่ ประดับไข่มุก, เหรียญ, หินมีค่า และสลัก เสลาอย่างวิจิตร เป็นลวดลายมังกร แม้แต่รองเท้าบูตของชาเนลในซีซั่นนี้ ก็ตัดเย็บจากผ้าสักหลาดและผ้าต่วนจีน ประดับเลื่อมระยิบระยับ พร้อมส้นที่แกะสลักอย่างสวยงาม เป็นการผสมผสานระหว่างเสน่ห์ของโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกได้อย่างทันเหตุการณ์.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
มาแรงจริงๆสำหรับกระแสการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก เวิลด์ เอ็กซ์โป 2010 ที่มหานคร เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 1 พ.ค.นี้ แม้แต่แบรนด์เนมระดับโลก CHANEL ภายใต้การนำของดีไซเนอร์รุ่นเดอะ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ยังสร้างสรรค์คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด อุทิศให้ เซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะ ตั้งชื่อคอลเลกชั่นแบบจงใจว่า ปารีส เซี่ยงไฮ้ เพื่อเชิดชูบทบาทของเซี่ยงไฮ้ ในฐานะที่เป็นมหานครแห่งความหลาก หลายทางวัฒนธรรม
สำหรับคอลเลกชั่นนี้ ได้นำฝีมือความชำนาญของช่างเก่าแก่ชาวปารีเซียง มาผสมผสานกับผลงานการตัดเย็บสุดพิถีพิถันของห้องเสื้อชาเนล ถ่ายทอดออกมาเป็นความหรูหราแท้จริงตามแบบฉบับฝรั่งเศส จุดเด่นอีกอย่างที่น่าประทับใจคือ การทุ่มทุนสร้างเนรมิตเรือท้องแบนยาว 85 เมตร ให้เป็นแคตวอล์กกลางน้ำ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่ออวดผลงานการดีไซน์ล่าสุด โดยมีตึกสูงระฟ้าในย่านผู่ตง ใจกลางเซี่ยงไฮ้ เป็นฉากหลัง อันงดงามตระการตา
อิทธิพลจากความรุ่งโรจน์ของแดนมังกรปรากฏให้เห็นอย่างคึกคัก ไล่ตั้ง แต่สีสันความมั่งคั่งของพระราชวังจีน,ความเก๋ไก๋แวววาวที่นิยมทั่วเซี่ยงไฮ้ในยุคทศวรรษ 1930, ดีไซน์ของแขนเสื้อที่เล็กเรียว เหมือนรูปทรงเจดีย์จีน, โครงชุดเน้นความบอบบาง และเอวเล็กคอด, การประดับ ประดาด้วยระบายที่ชายผ้า เย็บซ้อนกันเป็นชั้นๆ, การเลือกผ้าโทนสีดำ-แดง-เขียวกากี-น้ำเงินมิดไนต์บลู มาตัดเย็บเป็นชุดสูทคอตั้ง และการใช้เทคนิคประดับเลื่อมเพื่อเน้นโครงสร้างของไหล่และเอวเล็กบาง
เครื่องประดับจิวเวลรี่ในคอลเลกชั่นนี้ก็โดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญถึงมาก มีทั้งตุ้ม หูยาวระย้า, หมวกจีนใบใหญ่ ที่ช่วยสร้างกรอบให้ ใบหน้า, สร้อยคอ, เข็มกลัด และกำไลข้อมือ ล้วนแต่ ประดับไข่มุก, เหรียญ, หินมีค่า และสลัก เสลาอย่างวิจิตร เป็นลวดลายมังกร แม้แต่รองเท้าบูตของชาเนลในซีซั่นนี้ ก็ตัดเย็บจากผ้าสักหลาดและผ้าต่วนจีน ประดับเลื่อมระยิบระยับ พร้อมส้นที่แกะสลักอย่างสวยงาม เป็นการผสมผสานระหว่างเสน่ห์ของโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกได้อย่างทันเหตุการณ์.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
คาถาสู้โลกร้อน...ชนะโรคร้าย!!
คาถาสู้โลกร้อน...ชนะโรคร้าย!!
มีเสียงเตือนจากนักวิชาการหลายสำนักว่า ระวังให้ดีปลายเดือนเมษายนนี้ อากาศบ้านเราจะร้อนถึงขีดสุด และดีไม่ดีอุณหภูมิอาจพุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียสด้วยซ้ำ เพราะผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดย ความแปรปรวนของธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่เพียงบ่งบอกถึงการปะทุรุนแรงของภาวะโลกร้อน แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพด้วย เชื่อหรือไม่คะว่า ผลจากภาวะโลกร้อน อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยมากมายนับไม่ถ้วน ไล่ ตั้งแต่อาการพื้นๆ อาทิ ตาแห้ง, ตาแดง, แสบตา, ตามัว, ขี้ตาเหนียว, เกิดสิว, ฝ้า, กระสี และกระเนื้อ, อาการร้อนใน, นอนกรน, ปากคอแห้ง, ริมฝีปากแตกเป็นขุย, ผมร่วง, มีรังแค, เส้นเลือดขอด, กล้ามเนื้อเกร็ง, ผิว หนังเกิดผื่นแดง ไปจนถึงอาการรุนแรงที่นำไปสู่โรคร้าย เช่น งูสวัด, เจ็บปลายลิ้น, หายใจร้อน, เสมหะเหนียวข้นและขาวขุ่น, รู้สึกร้อนแต่เหงื่อไม่ไหล และถ้าเป็นมากๆอาจเจ็บแปลบที่หน้าอก จนร้าวไปถึงส่วนอื่นๆของร่างกายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะเมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ชาวเมลเบิร์นต้องเสียชีวิตด้วยอาการฮีตสโตรก เป็นผลมาจากคลื่นความร้อนโหมกระหน่ำ อาการที่ว่านี้ทำให้เป็นลมแดดเฉียบพลันรุนแรง เนื่องจาก ระบบระบายความร้อนของร่างกายล้มเหลว ส่งผลให้ อวัยวะภายในเกิดอาการสโลว์ คุก คือ สุกอย่างช้าๆ ตัวร้อนจัด แต่ไม่มีเหงื่อ กระหายน้ำมาก หายใจหอบถี่เร็ว หน้ามืดหมดสติ และถ้าช่วยไม่ทันอาจถึงแก่ชีวิตในหนังสือ เผชิญโลกร้อน ผจญโรคร้าย ของสำนักพิมพ์แสงแดด เขียนโดย นิดดา หงษ์วิ-วัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด แนะนำวิธีง่ายๆในการเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับภาวะโลกร้อน และหนีไกลจากโรคร้าย เริ่มจาก งดอาหารที่เพิ่มดีกรีความร้อนให้ร่างกาย เช่น อาหารที่ปรุงนาน และใช้ความร้อนสูง ประเภททอด-อบ-ปิ้ง-ย่าง, อาหารรสจัดจ้าน ทั้งเผ็ดจัด, หวาน จัด, เค็มจัด และมันจัด ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ปรับอารมณ์เสียใหม่ พยายามทำอะไรให้ช้าลง เดินช้า พูดช้า กินช้า ออก กำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เล่นโยคะ หรือแกว่งแขนตามตำราจีน ช่วยให้เลือดลมและน้ำ-เหลืองหมุนเวียนดี เคี้ยวอาหารให้ ละเอียด กระเพาะจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องแทนการดื่มน้ำเย็น เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย และ กินอาหารตามลำดับการย่อย เริ่มจากที่ย่อยง่ายไปหาย่อยยาก จะช่วยให้ระบบการย่อยทำงานง่าย ไม่เกิดอาการคั่งค้างในกระเพาะ เริ่มจากทานผลไม้และผักสด แล้วตามด้วยอาหารจานหลัก โดยเก็บเนื้อสัตว์ไว้ทานสุดท้าย.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
มีเสียงเตือนจากนักวิชาการหลายสำนักว่า ระวังให้ดีปลายเดือนเมษายนนี้ อากาศบ้านเราจะร้อนถึงขีดสุด และดีไม่ดีอุณหภูมิอาจพุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียสด้วยซ้ำ เพราะผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดย ความแปรปรวนของธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่เพียงบ่งบอกถึงการปะทุรุนแรงของภาวะโลกร้อน แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพด้วย เชื่อหรือไม่คะว่า ผลจากภาวะโลกร้อน อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยมากมายนับไม่ถ้วน ไล่ ตั้งแต่อาการพื้นๆ อาทิ ตาแห้ง, ตาแดง, แสบตา, ตามัว, ขี้ตาเหนียว, เกิดสิว, ฝ้า, กระสี และกระเนื้อ, อาการร้อนใน, นอนกรน, ปากคอแห้ง, ริมฝีปากแตกเป็นขุย, ผมร่วง, มีรังแค, เส้นเลือดขอด, กล้ามเนื้อเกร็ง, ผิว หนังเกิดผื่นแดง ไปจนถึงอาการรุนแรงที่นำไปสู่โรคร้าย เช่น งูสวัด, เจ็บปลายลิ้น, หายใจร้อน, เสมหะเหนียวข้นและขาวขุ่น, รู้สึกร้อนแต่เหงื่อไม่ไหล และถ้าเป็นมากๆอาจเจ็บแปลบที่หน้าอก จนร้าวไปถึงส่วนอื่นๆของร่างกายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะเมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ชาวเมลเบิร์นต้องเสียชีวิตด้วยอาการฮีตสโตรก เป็นผลมาจากคลื่นความร้อนโหมกระหน่ำ อาการที่ว่านี้ทำให้เป็นลมแดดเฉียบพลันรุนแรง เนื่องจาก ระบบระบายความร้อนของร่างกายล้มเหลว ส่งผลให้ อวัยวะภายในเกิดอาการสโลว์ คุก คือ สุกอย่างช้าๆ ตัวร้อนจัด แต่ไม่มีเหงื่อ กระหายน้ำมาก หายใจหอบถี่เร็ว หน้ามืดหมดสติ และถ้าช่วยไม่ทันอาจถึงแก่ชีวิตในหนังสือ เผชิญโลกร้อน ผจญโรคร้าย ของสำนักพิมพ์แสงแดด เขียนโดย นิดดา หงษ์วิ-วัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด แนะนำวิธีง่ายๆในการเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับภาวะโลกร้อน และหนีไกลจากโรคร้าย เริ่มจาก งดอาหารที่เพิ่มดีกรีความร้อนให้ร่างกาย เช่น อาหารที่ปรุงนาน และใช้ความร้อนสูง ประเภททอด-อบ-ปิ้ง-ย่าง, อาหารรสจัดจ้าน ทั้งเผ็ดจัด, หวาน จัด, เค็มจัด และมันจัด ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ปรับอารมณ์เสียใหม่ พยายามทำอะไรให้ช้าลง เดินช้า พูดช้า กินช้า ออก กำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เล่นโยคะ หรือแกว่งแขนตามตำราจีน ช่วยให้เลือดลมและน้ำ-เหลืองหมุนเวียนดี เคี้ยวอาหารให้ ละเอียด กระเพาะจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องแทนการดื่มน้ำเย็น เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย และ กินอาหารตามลำดับการย่อย เริ่มจากที่ย่อยง่ายไปหาย่อยยาก จะช่วยให้ระบบการย่อยทำงานง่าย ไม่เกิดอาการคั่งค้างในกระเพาะ เริ่มจากทานผลไม้และผักสด แล้วตามด้วยอาหารจานหลัก โดยเก็บเนื้อสัตว์ไว้ทานสุดท้าย.
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
เอ็ม ศิรประภา จีระพันธุ์ ถักนิตติ้งเติมเต็มหญิงรุ่นใหม่
เอ็ม ศิรประภา จีระพันธุ์
ถักนิตติ้งเติมเต็มหญิงรุ่นใหม่
คมชัดลึก : เป็นการทำงานที่มีความสุขอีกครั้งในรอบปี ด้วยว่าวันนี้ทีมข่าวหน้าสตรี คม ชัด ลึก มีนัดเม้าท์และทำกิจกรรมตามประสาคนคอเดียวกันกับ "เอ็ม" ศิรประภา จีระพันธุ์ พีอาร์สาวคนเก่งของนาฬิกาแบรนด์หรู แกลมร็อค และ เท็นเด้นท์ ซึ่งหลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่งานที่รักแล้ว เธอยังเลือกใช้วันหยุดอย่างคุ้มค่ากับกิจกรรมที่ชื่นชอบอย่าง "งานเย็บปักถักร้อย" ที่หญิงรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกันสักเท่าไหร่นัก
ภายในร้าน บิ๊กนิต (Big Knit) ซอยสุขุมวิท 49 นอกจากไจไหมหลากสีสันนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว ยังเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าตั้งแต่สาวรุ่นไล่เรียงไปจนถึงสาวใหญ่ (เจ้าของร้านย้ำว่าบางช่วงเวลาก็มีหนุ่มๆ) เข้ามานั่งเย็บปักถักร้อย ประดิดประดอยผลงานของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ และแน่นอนว่าหนึ่งในจำนวนนั้นก็มี "สาวเอ็ม" รวมอยู่ด้วย ซึ่งทันทีที่ป๊ะหน้ากันเธอก็เล่าถึงแรงบันดาลใจของกิจกรรมสุดฮิตติดลมบนในครั้งนี้แบบสั้นๆ เข้าใจง่ายว่า เพราะเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกัน ในขั้นแรกจึงรู้สึกว่าอยากจะช่วยอุดหนุนเพื่อน
"ตอนแรกเอ็มไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ แค่อยากจะอุดหนุน ไนส์ ตันศรีสกุล ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเป็นเจ้าของร้านเท่านั้น ก็ให้เพื่อนเขาช่วยแนะนำว่า สำหรับคนไม่มีเวลาอย่างตัวเอ็ม พอจะเย็บปักถักร้อยทำอะไรได้บ้าง เพราะตัวเอ็มค่อนข้างจะมีเวลาอยู่อย่างจำกัด ด้วยว่ามีงานประจำจะมีเวลาบ้างก็เพียงวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์เท่านั้น ก็เลยอยากจะทำอะไรง่ายๆ เสร็จเร็วๆ ซึ่งเพื่อนก็ช่วยได้จริงๆ โดยการแนะนำตั้งแต่ขั้นแรกคือ เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสำหรับคนมือใหม่" สาวเอ็มเล่าขานถึงแรงบันดาลใจแรก
ก่อนที่การพูดคุยจะทอดยาวไปไกลเหมือนเส้นไหมพรม พีอาร์สาวออกตัวว่า แม้จะเป็นมือใหม่หัดถักต้องมีพี่เลี้ยงนั่งประกบคอยชี้แนะ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพียงแต่ทิ้งร้างไปนานจนเลือนๆ ไปบ้าง
"สมัยเด็กๆ เอ็มสนใจและชื่นชอบงานการฝีมือมากค่ะ ส่วนใหญ่ที่ทำก็จะเป็นพวกงานถักบ้าง และงานร้อยลูกปัดคละเคล้ากัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปจากเด็กน้อยค่อยๆ เติบใหญ่ ชีวิตจึงต้องทุ่มเทไปที่เรื่องวิชาการเป็นหลัก ส่งผลให้เอ็มค่อยๆ ถอยห่างจากงานเหล่านี้ไปทีละน้อยจนในที่สุดก็ไม่ได้จับอีกเลย มาถึงเมื่อไม่นานมานี้ที่คิดอยากอุดหนุนเพื่อนนี่แหละค่ะ" สาวผู้เป็นทั้งลูกค้าและเพื่อนในขณะเดียวกันเล่าให้ฟัง
ในขณะที่ริมฝีปากเรียวเล็กขยับเล่าเรื่องราวของ "หมอน ท.ทหาร" อันเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่เธอพร้อมใจนำเสนออย่างเต็มที่ มือทั้งสองข้างของลูกสาวคนเล็กของคุณพ่อ ดร.สุทธิพร และคุณแม่ สุมาลี จีระพันธุ์ ก็ขยับถักไหมพรมเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของงานฝีมือชิ้นถัดมาด้วยความคล่องแคล่ว
"ผลงานชิ้นแรกของเอ็มนับตั้งแต่ย้อนกลับมาสู่งานเย็บปักถักร้อยในครั้งนี้ ก็คือ "หมอน ท.ทหาร" ค่ะ อย่างที่เล่าว่าตอนแรกเอ็มยังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเลย แต่พอเข้ามาในร้านได้เห็นตัวอย่างผลงานหลายๆ รูปแบบทั้งตุ๊กตา ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ฯลฯ ก็นึกอยากจะทำ "หมอน" ด้วยเหตุผล 2 ประการ อย่างแรกคือทำง่ายใช้เวลาไม่มาก ส่วนเหตุผลที่สองก็อยากทำให้แฟน ซึ่งรับราชการเป็นนายทหารบก จากที่ตั้งใจว่าจะทำเพียงหมอนสีเขียวขี้ม้าธรรมดา ก็ลองต่อศีรษะ นำแถบผ้าสีต่างๆ ติดจนกลายเป็นหมอนประจำตัวเขาไปเลย ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาทำเพียง 1 วันเท่านั้น" ลูกสาวแห่งบ้านจีระพันธุ์เล่าอย่างสุดปลื้มในฝีมือตัวเอง
จากความชอบบวกกับความตั้งใจกลายเป็นของผลงาน สาวรุ่นใหม่หัวใจแม่บ้านแม่เรือน ยังบอกอีกว่ามากกว่านั้น คือ การได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และความภูมิใจใน (ฝีมือ) ตัวเอง ด้วยว่า ผลงานแต่ละชิ้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก!!
เมื่อก่อนพอมีเวลาว่างเอ็มก็มักจะไปเดินห้าง ช็อปปิ้งบ้าง ดูหนังบ้าง กินข้าวบ้าง พอได้เริ่มถักนิตติ้ง เอ็มรู้ได้ในทันทีว่า เออจริงๆ แล้วไลฟ์สไตล์คนเมืองโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว หรือ รุ่นใหม่ ไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับกิจกรรมเดิมๆ อีกทั้งยังช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับงานเย็บปักถักร้อยอีกว่าไม่ใช่สิ่งล้าสมัย หรือวิถีเชยๆ อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ทำได้เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโยลีสมัยใหม่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ในขณะเดียวกันสีสันของไหมพรมก็ดี วัสดุอุปกรณ์ก็ดี ล้วนมีให้เลือกเล่นเลือกใช้สารพัด เรียกว่าทั้งได้ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ได้เพื่อนใหม่ๆ รวมถึงยังช่วยสร้างสมาธิอีกทางหนึ่งด้วย" พีอาร์ร่างเล็กซึ่งมีหน้าที่ดูแลด้านภาพลักษณ์ของนาฬิกาถึง 2 ยี่ห้อบอกต่อถึงข้อดีให้ฟัง
เป็นเรื่องปกติธรรมดาเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อด้อย เกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าว สาวเอ็ม ยอมรับว่า ใช่จะมีด้านดีเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เธอแนะว่าควรใส่ใจในรายละเอียดเพิ่มขึ้นสักหน่อย อย่างเช่น หากต้องการนั่งทำในร้านก็ควรมองหาร้านสะอาดถูกสุขลักษณะ มีระเบียบวินัยเรื่องการจัดเก็บรักษาเครื่องมือเครื่องหมาย หรืออย่างเรื่องราคา สำหรับในรายที่มีรายได้ไม่มากนักอาจจะมองว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ก็มีให้เลือกหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับคุณภาพของไหมพรม
"สุดท้ายกิจกรรมเย็บปักถักร้อยเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะทำเพียงอย่างเดียวตลอดไปคงจะไม่ได้ ต้องหากิจกรรมชนิดอื่นๆ มาทำสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเพื่อให้เกิดความสมดุล อย่างตัวเอ็มเองก็มีทั้งออกกำลังกาย หรือบางทีพาน้องหมาไปว่ายน้ำ" หญิงรุ่นใหม่ผู้มีใจรักงานฝีมือไม่ลืมแชร์ความห่วงใยไปถึงคนคอเดียวกัน
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
ถักนิตติ้งเติมเต็มหญิงรุ่นใหม่
คมชัดลึก : เป็นการทำงานที่มีความสุขอีกครั้งในรอบปี ด้วยว่าวันนี้ทีมข่าวหน้าสตรี คม ชัด ลึก มีนัดเม้าท์และทำกิจกรรมตามประสาคนคอเดียวกันกับ "เอ็ม" ศิรประภา จีระพันธุ์ พีอาร์สาวคนเก่งของนาฬิกาแบรนด์หรู แกลมร็อค และ เท็นเด้นท์ ซึ่งหลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่งานที่รักแล้ว เธอยังเลือกใช้วันหยุดอย่างคุ้มค่ากับกิจกรรมที่ชื่นชอบอย่าง "งานเย็บปักถักร้อย" ที่หญิงรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกันสักเท่าไหร่นัก
ภายในร้าน บิ๊กนิต (Big Knit) ซอยสุขุมวิท 49 นอกจากไจไหมหลากสีสันนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว ยังเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าตั้งแต่สาวรุ่นไล่เรียงไปจนถึงสาวใหญ่ (เจ้าของร้านย้ำว่าบางช่วงเวลาก็มีหนุ่มๆ) เข้ามานั่งเย็บปักถักร้อย ประดิดประดอยผลงานของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ และแน่นอนว่าหนึ่งในจำนวนนั้นก็มี "สาวเอ็ม" รวมอยู่ด้วย ซึ่งทันทีที่ป๊ะหน้ากันเธอก็เล่าถึงแรงบันดาลใจของกิจกรรมสุดฮิตติดลมบนในครั้งนี้แบบสั้นๆ เข้าใจง่ายว่า เพราะเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกัน ในขั้นแรกจึงรู้สึกว่าอยากจะช่วยอุดหนุนเพื่อน
"ตอนแรกเอ็มไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ แค่อยากจะอุดหนุน ไนส์ ตันศรีสกุล ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเป็นเจ้าของร้านเท่านั้น ก็ให้เพื่อนเขาช่วยแนะนำว่า สำหรับคนไม่มีเวลาอย่างตัวเอ็ม พอจะเย็บปักถักร้อยทำอะไรได้บ้าง เพราะตัวเอ็มค่อนข้างจะมีเวลาอยู่อย่างจำกัด ด้วยว่ามีงานประจำจะมีเวลาบ้างก็เพียงวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์เท่านั้น ก็เลยอยากจะทำอะไรง่ายๆ เสร็จเร็วๆ ซึ่งเพื่อนก็ช่วยได้จริงๆ โดยการแนะนำตั้งแต่ขั้นแรกคือ เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสำหรับคนมือใหม่" สาวเอ็มเล่าขานถึงแรงบันดาลใจแรก
ก่อนที่การพูดคุยจะทอดยาวไปไกลเหมือนเส้นไหมพรม พีอาร์สาวออกตัวว่า แม้จะเป็นมือใหม่หัดถักต้องมีพี่เลี้ยงนั่งประกบคอยชี้แนะ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพียงแต่ทิ้งร้างไปนานจนเลือนๆ ไปบ้าง
"สมัยเด็กๆ เอ็มสนใจและชื่นชอบงานการฝีมือมากค่ะ ส่วนใหญ่ที่ทำก็จะเป็นพวกงานถักบ้าง และงานร้อยลูกปัดคละเคล้ากัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปจากเด็กน้อยค่อยๆ เติบใหญ่ ชีวิตจึงต้องทุ่มเทไปที่เรื่องวิชาการเป็นหลัก ส่งผลให้เอ็มค่อยๆ ถอยห่างจากงานเหล่านี้ไปทีละน้อยจนในที่สุดก็ไม่ได้จับอีกเลย มาถึงเมื่อไม่นานมานี้ที่คิดอยากอุดหนุนเพื่อนนี่แหละค่ะ" สาวผู้เป็นทั้งลูกค้าและเพื่อนในขณะเดียวกันเล่าให้ฟัง
ในขณะที่ริมฝีปากเรียวเล็กขยับเล่าเรื่องราวของ "หมอน ท.ทหาร" อันเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่เธอพร้อมใจนำเสนออย่างเต็มที่ มือทั้งสองข้างของลูกสาวคนเล็กของคุณพ่อ ดร.สุทธิพร และคุณแม่ สุมาลี จีระพันธุ์ ก็ขยับถักไหมพรมเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของงานฝีมือชิ้นถัดมาด้วยความคล่องแคล่ว
"ผลงานชิ้นแรกของเอ็มนับตั้งแต่ย้อนกลับมาสู่งานเย็บปักถักร้อยในครั้งนี้ ก็คือ "หมอน ท.ทหาร" ค่ะ อย่างที่เล่าว่าตอนแรกเอ็มยังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเลย แต่พอเข้ามาในร้านได้เห็นตัวอย่างผลงานหลายๆ รูปแบบทั้งตุ๊กตา ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ฯลฯ ก็นึกอยากจะทำ "หมอน" ด้วยเหตุผล 2 ประการ อย่างแรกคือทำง่ายใช้เวลาไม่มาก ส่วนเหตุผลที่สองก็อยากทำให้แฟน ซึ่งรับราชการเป็นนายทหารบก จากที่ตั้งใจว่าจะทำเพียงหมอนสีเขียวขี้ม้าธรรมดา ก็ลองต่อศีรษะ นำแถบผ้าสีต่างๆ ติดจนกลายเป็นหมอนประจำตัวเขาไปเลย ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาทำเพียง 1 วันเท่านั้น" ลูกสาวแห่งบ้านจีระพันธุ์เล่าอย่างสุดปลื้มในฝีมือตัวเอง
จากความชอบบวกกับความตั้งใจกลายเป็นของผลงาน สาวรุ่นใหม่หัวใจแม่บ้านแม่เรือน ยังบอกอีกว่ามากกว่านั้น คือ การได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และความภูมิใจใน (ฝีมือ) ตัวเอง ด้วยว่า ผลงานแต่ละชิ้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก!!
เมื่อก่อนพอมีเวลาว่างเอ็มก็มักจะไปเดินห้าง ช็อปปิ้งบ้าง ดูหนังบ้าง กินข้าวบ้าง พอได้เริ่มถักนิตติ้ง เอ็มรู้ได้ในทันทีว่า เออจริงๆ แล้วไลฟ์สไตล์คนเมืองโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว หรือ รุ่นใหม่ ไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับกิจกรรมเดิมๆ อีกทั้งยังช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับงานเย็บปักถักร้อยอีกว่าไม่ใช่สิ่งล้าสมัย หรือวิถีเชยๆ อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ทำได้เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโยลีสมัยใหม่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ในขณะเดียวกันสีสันของไหมพรมก็ดี วัสดุอุปกรณ์ก็ดี ล้วนมีให้เลือกเล่นเลือกใช้สารพัด เรียกว่าทั้งได้ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ได้เพื่อนใหม่ๆ รวมถึงยังช่วยสร้างสมาธิอีกทางหนึ่งด้วย" พีอาร์ร่างเล็กซึ่งมีหน้าที่ดูแลด้านภาพลักษณ์ของนาฬิกาถึง 2 ยี่ห้อบอกต่อถึงข้อดีให้ฟัง
เป็นเรื่องปกติธรรมดาเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อด้อย เกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าว สาวเอ็ม ยอมรับว่า ใช่จะมีด้านดีเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เธอแนะว่าควรใส่ใจในรายละเอียดเพิ่มขึ้นสักหน่อย อย่างเช่น หากต้องการนั่งทำในร้านก็ควรมองหาร้านสะอาดถูกสุขลักษณะ มีระเบียบวินัยเรื่องการจัดเก็บรักษาเครื่องมือเครื่องหมาย หรืออย่างเรื่องราคา สำหรับในรายที่มีรายได้ไม่มากนักอาจจะมองว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ก็มีให้เลือกหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับคุณภาพของไหมพรม
"สุดท้ายกิจกรรมเย็บปักถักร้อยเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะทำเพียงอย่างเดียวตลอดไปคงจะไม่ได้ ต้องหากิจกรรมชนิดอื่นๆ มาทำสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเพื่อให้เกิดความสมดุล อย่างตัวเอ็มเองก็มีทั้งออกกำลังกาย หรือบางทีพาน้องหมาไปว่ายน้ำ" หญิงรุ่นใหม่ผู้มีใจรักงานฝีมือไม่ลืมแชร์ความห่วงใยไปถึงคนคอเดียวกัน
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Subscribe to:
Posts (Atom)