Thursday, March 18, 2010

ม็อบ...หัวใจคนไทยเครียด!หลีกสิ่งเร้าก่อนต้องเยียวยา

ม็อบ...หัวใจคนไทยเครียด!หลีกสิ่งเร้าก่อนต้องเยียวยา



คมชัดลึก :"โพสต์ข้อความ" บนเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ไฮไฟว์ ทวิตเตอร์ และเว็บบอร์ดต่างๆ เป็นช่องทางหนึ่งที่คนไทยใช้สังคมออนไลน์ ในการแสดงความคิดหรือจุดยืนต่อสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนับตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นมา






 จนบางเว็บไซต์ตัวเลขคนเข้าโพสต์ทะลุนับหมื่นราย สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่อยู่ในภาวะเครียดกับเหตุการณ์และต้องการระบายออก
 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น หากมองในแง่ของสภาพทางจิตใจ นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต  กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ผลกระทบทางด้านจิตใจของคนไทยในปัจจุบันยังไม่รุนแรงถึงขั้นต้องเยียวยา เป็นเพียงอารมณ์และความรู้สึกร่วมของคนปกติทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันและบีบคั้น ถือเป็นปฏิกิริยาธรรมดา ในเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดา การจัดการความเครียดของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเครียดสะสมรุนแรงเป็นสิ่งที่ควรกระทำมากที่สุด
 เริ่มจากการเฝ้าระวังและตรวจสอบอาการเครียดของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ว่ามีการหมกมุ่น สับสน มึนงง ใจสั่น ปวดหัว ปวดท้ายทอย กินไม่ได้นอนไม่หลับหรือไม่ จากนั้นพิจารณาว่าความเครียดส่งผลรบกวนการทำหน้าที่ในครอบครัวและการงานของตนเองหรือไม่ แต่บางครั้งผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเครียดจะไม่รู้ตัวเอง คนใกล้ชิดทั้งคนในครอบครัว คู่รักควรที่จะเป็นผู้สังเกตและช่วยตรวจสอบ รวมทั้งเตือนให้บุคคลผู้นั้นรู้ตัว โดยยกผลกระทบต่อสุขภาพกายมาเชื่อมโยงกับสุขภาพใจ ชี้ให้เห็นว่า การตกอยู่ในความเครียดเป็นเวลานานจะส่งผลต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
 “เมื่อตระหนักรู้แล้วว่าตนเองอยู่ในภาวะเครียด ควรที่จะยอมรับและผ่อนคลาย ด้วยการหลีกหนีออกจากข่าวสาร ที่อาจจะทำให้ความเครียดเพิ่มระดับขึ้นแล้วหันไปทำกิจกรรมอื่น เช่น ดูหนัง ฟังเพลง คุยกับเพื่อน หรือญาติพี่น้อง เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจออกมา” นพ.วชิระกล่าว
 นพ.วชิระกล่าวด้วยว่า กลุ่มคนที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ที่จิตใจได้รับความกดดันอย่างรุนแรง จนปรับตัวไม่ได้ ความเครียดและความรุนแรงทางจิตใจที่เกิดขึ้นยังมีอาการอยู่นานร่วมเดือน แม้เหตุการณ์ที่เป็นสิ่งบีบคั้นจะผ่านพ้นไปแล้ว โดยผู้ที่เข้าข่ายเช่นนี้จะมีอาการทางกาย ส่งผลให้จิตใจฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย เห็นสิ่งใดขวางหูขวางตาไปหมด จนทำให้ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและการทำงานเสีย จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการเยียวยา เพราะอาจป่วยเป็นโรควิตกกังวลและความตึงเครียด การเยียวยาทำได้ด้วยการใช้ยาลดอาการ หรือพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ก่อนให้คำปรึกษาและปรับพฤติกรรม
 สำหรับกลุ่มวัยรุ่นสามารถใช้หลักในการสำรวจสภาพจิตใจเช่นเดียวกันนี้ได้ เพียงแต่กลุ่มนี้ยังอยู่ในวัยที่แสวงหาความหมายของชีวิตและคุณค่าตัวเอง การควบคุมอารมณ์ยังฝึกในการขจัดความรุนแรงได้ไม่ดี กอปรกับฮอร์โมนเพศขึ้นๆ ลงๆ ทำให้อารมณ์รุนแรงมาก ในขณะที่วุฒิภาวะในการยับยั้งชั่งใจมีน้อย เสี่ยงจะใช้ความรุนแรงหากมีการกระตุ้นเร้าอารมณ์ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ
 “ผู้ปกครองจะต้องสังเกตบุตรหลาน หากพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น มีอาการหมกมุ่น แสดงออกถึงความก้าวร้าว จะต้องรีบเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นเพื่อน ชี้ให้เห็นผลดี ผลเสีย เพราะผู้ปกครองมีประสบการณ์ชีวิตมามากกว่า แต่ต้องพูดคุยกันดีๆ ไม่ใช่โต้เถียงเพื่อเอาชนะกันและกัน” นพ.วชิระกล่าว
 ในกรณีผู้ปกครองและบุตรหลานหรือสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ผู้ปกครองที่เป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะมากกว่า ต้องระลึกให้ได้ว่ามนุษย์มีความแตกต่างทางความคิดกันได้ แต่ต้องไม่แตกแยก สามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ เป็นความงดงามของประชาธิปไตย ภายใต้จุดร่วมที่สำคัญยิ่งกว่าคือความเป็นพ่อแม่และลูก
 เฉกเช่นเดียวกับ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งให้ความเห็นว่า การรวมพลังประกาศจุดยืน แสดงความห่วงใยบ้านเมือง ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผ่านการส่งข้อความทางสื่อต่างๆ อาทิ การส่งเอสเอ็มเอส หรือการโพสต์ผ่านเว็บไซต์ ช่วยลดความเครียดความคับข้องใจที่มีอยู่ในตัวบุคคลได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการแปลงความเครียดวิตกกังวลให้เป็นพลังสร้างสรรค์สังคม
 การระมัดระวังไม่ให้เกิดความเครียดมากเกินไปและการลดความตึงเครียดกระทำได้โดยการบริหารเวลาในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองอย่างเหมาะสม ไม่ทำให้เสียชีวิตครอบครัวการงาน และการพักผ่อน ควรเปิดใจกว้างรับข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน เพื่อให้มีแง่มุมมากขึ้น รวมถึงเตือนตัวเองเสมอว่า ปรากฏการณ์ทางการเมืองมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครคิดเหมือนกันทั้งหมด ผู้ที่มีความเห็นต่างไม่ใช่ศัตรูที่ต้องเอาชนะ
 ส่วนผู้ชุมนุมและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า หากมีความเครียดหรือวิตกกังวลควรแปลงความวิตกกังวลเป็นการระมัดระวังและร่วมกันหาทางออกให้แก่ตนเองและชุมชนอย่างมีความรับผิดชอบร่วมกัน โดยการนำทักษะความอดทนมาใช้ อย่างไรก็ตาม หากมีความเครียดสูง ไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอรับบริการปรึกษาได้ที่หน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตทั่วประเทศ
 ท้ายที่สุดดูเหมือนการทำใจให้ยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยยึดตามหลักธรรมคำสอนทางศาสนา มาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ระลึกเสมอว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง มีเกิดขึ้น คงอยู่และดับไป” ทุกคนควรให้อภัยกันและกัน จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการช่วยให้จิตใจไม่เครียดและสังคมสงบสุข
 0 พวงชมพู  ประเสริฐ 0 รายงาน
 








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"ทักษิณ"โฟนอินขอบคุณ"ทอม ดันดี"ขึ้นเวทีแดงพิษเสื้อแดงลาวไม่กล้าข้ามมาซื้อสินค้าหนองคายทอม ดันดีเปิดตัวเวทีนปช.ขอติดคุกกับ"ทักษิณ" หวั่นลอบฆ่าอภิสิทธิ์อนุพงษ์ส่งร. 21รอ.เพิ่มอารักขาทหารพาสื่อทัวร์ราบ11โชว์แสดงรับมือม็อบเสื้อแดง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive