Saturday, March 20, 2010

1 วันกับชีวิตของม็อบแดง

1 วันกับชีวิตของม็อบแดง

การกินอยู่ ของใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ถูกนำมาจัดวางไว้หลายจุด เพื่อชาวเสื้อแดงที่มาเข้าร่วมชุมนุม เสมือนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขาไปแล้วชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันของม็อบเสื้อแดง ตั้งแต่เช้าก็จะลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวัน จากนั้นก็ช่วยกันหุงหาอาหาร และนั่งฟังปราศัยจากกลุ่มแกนนำ พร้อมกับนอนพักผ่อนบ้าง หรือนั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันจนมืด 1 สัปดาห์แล้ว ที่ม็อบแดงอพยพมาอยู่ที่นี่ คอลัมน์ “ไลฟ์ไสตล์”วันนี้ เลยอยากจะพาไปดูอีกมุมของม็อบแดงใน 1 วันกันค่ะนางทองเลื่อน  ทับแสง อายุ 40 ปี หรือไก่ มากับคุณแม่ เป็นชาวจังหวัดมุกดาหารที่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายและหญิงครึ่งต่อครึ่ง อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยเธอได้บอกถึงการใช้ชีวิตระหว่างที่อยู่ที่นี่ว่าทุกอย่างสะดวกสบายดี“ไก่มาตั้งแต่วันที่ 12 กับคุณแม่ ชาวมุกดาหารมากันเยอะเป็นพันคนมาอยู่กินที่นี่ อยู่ด้วยกันเหมือนมีพ่อแม่เดียวกัน เวลากินก็แบ่งกัน เพราะแต่ละเต็นท์จะมีแม่ครัวทำอาหารไว้หลายที่ สามารถไปกินตรงไหนก็ได้ ไม่มีการแบ่งแยก ของทุกอย่างที่ติดตัวมาก็มีแค่เสื้อผ้าชุดเดียว ที่เหลือก็มาซื้อที่นี่ใส่ โดยรวมทุกอย่างสบายดี ห้องน้ำห้องท่าสะดวก ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากกว่าอยู่บ้าน”ม็อบแดงแดนอีสานอีกคนจาก จ. ขอนแก่นอย่างคุณ ล้วน เบ็คเกอร์ อายุ 50 ปี เป็นอีกคนนึงที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงมาตั้งแต่ยุคแรก โดยเธอได้เล่าถึงการใช้ชีวิตที่นี่ว่าถ้าเรามีความอดทนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็อยู่ได้ ไม่ว่าจะในเมืองหรือบ้านนอก“อากาศที่กรุงเทพฯ อาจจะร้อนมากไปหน่อย แต่ก็จะอดทนให้ถึงที่สุด เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เพื่อนก็เยอะ พวกเรารักกันไม่ว่าจะเป็นคนอีสานจากที่ไหนเรามานั่งคุยกัน กินด้วยกันได้ตลอด อาหารที่นี่ ก็มีเยอะมาก ไม่เคยให้เราอด อย่างเมื่อเช้าก็มีตำแตง ไข่ต้ม ข้าวเหนียว ปลาทอด บางคนก็ทำกันเอง แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือส้มตำปลาร้ากับข้าวเหนียว เพราะมันเป็นอาหารคู่กับคนอีสานอยู่แล้ว”จากม็อบภาคอีสานมาดูม็อบภาคเหนือกัน ซึ่งมีหลายจังหวัดทั้งเชียงราย แพร่ เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ซึ่งสาวคนนี้เป็นม็อบจากแพร่ที่มากับคุณพ่อ ซึ่งมาอยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2553“ชื่อยุ้ย อายุ 26 ปี มาจากแพร่ค่ะ การใช้ชีวิตที่นี่ไม่ได้ลำบากนะ เพราะอยู่แบบพี่น้อง มีอะไรก็ช่วยกัน มีเพื่อนเยอะขึ้น ส่วนใหญ่ก็มีพวกลุงๆ ป้าๆ  และยุ้ยก็ชอบแลกเปลี่ยนความคิดกับคนวัยนี้  แต่บางทียุ้ยก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดเพราะต้องกลับไปทำงานที่แพร่ด้วย อย่างเมื่อวานก็กลับไปเคลียร์งาน พอเช้าก็มาใหม่ก็สลับไปมา เดินทางตลอด  ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ทานกันง่ายๆ ทำอะไรให้ทานก็ทานหมด อย่างอาหารเหนือก็ทำน้ำพริกอ่อง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นอาหารทานง่ายมากกว่า เน้นสะดวกและอิ่ม แต่เราจะมีปัญหาตรงเรื่องการใช้ห้องน้ำเพราะไกลนิดนึง และยุ้ยเองก็ไม่สามารถอาบน้ำในจุดที่เขาเตรียมไว้ให้ได้ ส่วนตัวเลยไปอาบที่วัดมกุฏฯ ก็ปลอดภัยค่ะ เพราะคนเยอะ ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะไปอาบที่นั่น  รุ่นป้าๆ ลุง ๆก็จะอาบที่เตรียมไว้  เรื่องเสื้อผ้าก็เอามาจากที่บ้าน แต่ตอนมาจะไม่ใส่เสื้อแดงนั่งรถ จะมาใส่ที่นี่ ไม่พอใส่ก็ซื้อจากที่นี่เอาเลย”ทางด้านม็อบแดงภาคกลางก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเขาได้บอกถึงชีวิตแต่ละวันว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนตัวนั้นมองว่าเป็นการได้มาเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้ทำให้เจอเพื่อนใหม่ด้วย เลยไม่รู้สึกเหงา“คุณปาณิสรา  กลิ่นมะลิ (อ้อ) อายุ 49 ปี เป็นคนจังหวัดพัทยาค่ะ มาที่นี่ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. แล้ว อาหารการกินที่นี่สมบูรณ์ไม่ไหวจะกินด้วย แต่อ้อเอง ส่วนใหญ่ก็ทานแต่ไก่กับข้าวเหนียวเพราะเป็นอิสลาม ชีวิตประจำวันก็นอนพักผ่อนและก็ไปฟังแกนนำเขาปราศัยออกอากาศพร้อมกับเพื่อนๆ อ้อก็คิดว่าจะอยู่ยันให้ทักษิณชนะเลย เป็นเดือนก็อยู่ได้ ขอให้ทักษิณชนะ เรื่องความสะดวกการเข้าห้องน้ำ อ้อไม่เป็นห่วงเลย เพราะเขาเตรียมห้องน้ำทั้งที่อาบ ที่ถ่ายไว้ให้อย่างสะดวก  ส่วนเรื่องการแต่งตัวอ้อค่อนข้างจะเต็มยศ ปกติจะใส่ข้อแขนผ้าโพก แต่วันนี้มันร้อนเลยใส่เสื้อกล้าม”นอกจาก เรื่องความเป็นอยู่ของม็อบเสื้อแดงในครั้งนี้ที่น่าสนใจ  เรื่องของแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน ซึ่งออกแบบมาเอาใจชาวม็อบแดงทุกเพศทุกวัย มาเริ่มที่คอลเลคชั่นเสื้อผ้าชุดแดงที่ข้อตั้งชื่อว่า Red alert Fashion of Summer 2010  เพราะเยอะมากจริงๆ กับเสื้อสีแดง ที่มีทั้งสำหรับชาย หญิง คนแก่ และ เด็ก หลายสไตล์ตามใจคนใส่สุดๆ ทั้งคอโปโล คอ กลม เสื้อรัดรูป เสื้อกล้าม รวมถึงรองเท้าแตะสำหรับสาวม็อบเสื้อผ้าผู้ชาย ที่มีตั้งแต่เรียบๆ ลายดอก คอกลม เสื้อกั๊กเสื้อผ้าผู้หญิงทั้งคอกลม แขนกุด และเสื้อกล้ามสำหรับสาวม็อบขี้ร้อนดูเสื้อผ้ากันเต็มอิ่มมาต่อที่ของตกแต่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นชาวเสื้อแดงเต็มยศกันบ้าง ณ สถานที่แห่งการชุมนุมครั้งนี้ก็มีให้เลือกเยอะแยะ ตามใจคนใส่มีแบบไหนกันบ้างมาดูกันเลย..ช่วงนี้แดดมันแรง เลยต้องดีไซน์หมวกมาเพื่อเอาใจชาวม็อบแดงที่มีหลายแนว ตั้งแต่ม็อบฮอลลีวู้ด , ม็อบรักชาติ,ม็อบคาวบอย, ม็อบเด็ก, ม็อบเรียบง่าย และม็อบฮิปฮอปAccessories อย่างของประกอบการเชียร์ แว่นตากันแดด ผ้าพันมือลายธงชาติ และผ้าพันอเนกประสงค์ ก็ขาดไม่ได้ผ่านไปกับเรื่องการแต่งกายมาที่เรื่องปากท้องกันบ้าง ก็อย่างที่สาวๆ ม็อบแดงบอกกันนั่นแหละค่ะ ว่าเกินจะทานไหว เพราะเต็นท์สำหรับทำอาหารก็มีทั่ว เสบียงก็มาไม่ขาดสาย  ก็จะให้อดอยากปากแห้งได้ยังไง มีกิจกรรมทุกวันมันต้องใช้พลังงานตลอดเมนูแต่ละวันมีนับไม่ถ้วน ทั้งข้าวต้ม แกง และผัดต่างๆ แต่บางภาคก็จะทำอาหารทานเองอย่างภาคเหนือจะชอบทำน้ำพริกอ่อง ส่วนภาคอีสานก็คงหนีไม่พ้นส้มตำปลาร้า อาหารคู่ชีพหลังจากอิ่มแปร้ บางคนก็นอนพักกันตามอัธยาศัย แต่บางคนก็ต้องมีทำธุระส่วนตัวกันบ้าง ห้องน้ำ ห้องท่าเลยขาดไม่ได้สำหรับที่นี่ ซึ่งมีรองรับไว้หลายจุด ทั้งสุขาสำหรับชายและหญิง รวมถึงที่อาบน้ำให้สบายเนื้อตัวกันด้วยประทับใจการออกแบบสุขาชายที่ดีไซน์ได้แปลกดีจริงๆค่ะ   ไม่รู้จะเรียกสไตล์อะไรดี แต่ขอตั้งชื่อเองว่า Folk Modern แล้วกันค่ะ ในส่วนห้องน้ำผู้หญิงก็จะกั้นเป็นห้อง เพดานเปิดโล่ง เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับอากาศบริสุทธิ์ระหว่างทำธุระ จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดมากเกินไป ท้ายสุดคือห้องอาบน้ำค่ะ ใช้ผ้าใบสีขาวกั้นไว้ คิดว่าสาวๆ คงไม่กล้าอาบแน่ๆ ส่วนใหญ่เลยมีแต่ผู้ชาย และพวกป้าๆ อาบกันการได้ไปเห็นชีวิตของคนกลุ่มหนึ่งที่พร้อมใจกันมากินอยู่ที่นี่แรมสัปดาห์ในครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ก็คือ พื้นที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่เพื่อการเรียกร้องประชาธิปไตยแล้ว ยังเปรียบเสมือนหมู่บ้าน ที่มีระบบการจัดการได้อย่างครบถ้วน หรือจะตั้งชื่อว่า หมู่บ้าน Red Alert ดีน้า..สุดๆ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive