Monday, May 31, 2010

แลครู

แลครู





คมชัดลึก :ฉบับนี้เป็นฉบับประเดิมเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 2 พอสิ้นเดือนนี้ก็เท่ากับว่าปี 2553 ก็จะผ่านไปครึ่งปีพอดี เผลอนิดเดียวก็จะสิ้นปีอีกแล้ว นับว่าวันเวลามันก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก็แน่นอนมันก็จะทำให้พวกเราแก่เร็วไปอีก







  แต่ความแก่หรือมีอายุมากในบางสิ่งบางอย่างก็อาจจะเป็นอุปสรรค เช่น นักกีฬาฟุตบอล มวย หรืออื่นๆ แต่สำหรับในบางเรื่องอายุก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด ตรงกันข้ามการมีอายุอาจจะเป็นเรื่องดีเสียอีก โดยเฉพาะอาชีพครู ซึ่งต้องบอกว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งเหมือนมะพร้าว ซึ่งจะสะสมวิชาความรู้ รวมถึงประสบการณ์มากขึ้น ปัจจุบันอาชีพครู ก็จะมีการให้เหล่าครูอาจารย์ต่างๆ ได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด โดยให้มีการค้นคว้าทำผลงานการสอน เพื่อเพิ่มตำแหน่งให้แก่ตัวเอง และก็แน่นอน ก็จะมีเงินประจำแหน่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแบบนี้ก็เหมือนทำให้ครูอาจารย์ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ฃ
 จะว่ากันจริงแล้ว ครูอาจารย์บ้านเราต้องถือว่า มีเงินเดือนไม่มาก ถ้าไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ หรือกล่าวง่ายๆ ว่า ประเทศอื่นหลายประเทศ เขาให้ความสำคัญแก่ครูอาจารย์ โดยเงินเดือนของครูจะไม่ต่างกับหมอหรือวิศวกร  และที่เขาให้ความสำคัญแก่อาชีพครู เพราะถือว่า อนาคตของประเทศฝากความหวังเอาไว้กับอาชีพครู ซึ่งผิดกับบ้านเรา อาชีพครูของบ้านเราเงินเดือนที่ได้รับยังเทียบไม่ได้กับอาชีพอื่นๆ คือถ้าอยากได้เงินเยอะๆ ก็ต้องทำผลงานของตัวเองแลกกับเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งมองดูก็เหมือนกับครูอาจารย์ต้องวิจัยค้นคว้าและพัฒนาตัวเอง แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง  การพัฒนาตัวเองก็ทำให้การทุ่มเทในการสอนหรืออบรมทางด้าน จริยะธรรม  คุณธรรม  นั้นลดน้อยลงไปอีกเหมือนกัน ยิ่งบางคนที่ไม่ได้ทำตำแหน่งหรือทำแล้วไม่ผ่าน ก็ทำให้คิดหนักขึ้นไปอีกว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะได้ตำแหน่งอาจารย์3  และบางท่านได้ตำแหน่งอาจารย์อาจารย์3 แล้ว ก็อยากได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก ก็คืออาจารย์ 3 ระดับ 9 และก็เช่นเดิมมันก็หมายถึงเงินประจำตำแหน่งก็จะมากขึ้นไปอีก
 ซึ่งเหล่านี้ผมคิดว่ามันทำให้ความทุ่มเทในการสอนของครูลดน้อยลง เพราะใจมันติดอยู่กับตำแหน่งอาจารย์ 3 หรือ อาจารย์ 3 ระดับ 9 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนโยบายตั้งแต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี  ซึ่งท่านเป็นผู้สร้างระบบนี้ขึ้นมา ซึ่งตัวผมเองในฐานะที่เคยเป็นข้าราชการครูมา 20 ปี ก็พอจะทราบถึงความรู้สึกรวมถึงความจริงต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น ดูเหมือนว่ามันไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนว่า ใครคนไหนหรืออาจารย์ท่านนั้น ควรจะได้รับตำแหน่งพร้อมเงินพิเศษ ซึ่งทุกสิ่งมันก็จะถูกตัดสินจากคณะกรรมการที่ตรวจผลงาน ว่าอาจารย์ท่านนั้นที่ทำผลงานส่งมา จะผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่านก็หมายถึงจะได้ตำแหน่ง อาจารย์ 3 พร้อมทั้งเงินพิเศษที่จะได้รับทุกๆ เดือน ซึ่งหลายท่านก็ผ่านฉลุย แต่อีกหลายท่านทำอย่างไรก็ไม่ผ่าน
 แล้วถามว่า มาตรฐานมันคืออะไรว่า จะผ่านหรือไม่ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ ขนาดลาออกจากครูมา 6 ปีกว่า ก็ยังมีความรู้สึกว่า การพิจารณาตำแหน่งอาจารย์ 3 มาตรฐานมันอยู่ตรงไหน ความจริงแล้วควรจะยกเลิกระบบนี้แล้วเพิ่มเงินเดือนครูให้มากขึ้นกว่าเดิม และเงินพิเศษควรจะให้เป็นครั้งคราวหรือเป็นรางวัลมากกว่า เช่น นักเรียนโรงเรียนไหนไปแข่งขันชนะระดับประเทศ เอาไปสามหมื่น ระดับโลกเอาไปห้าหมื่น สำหรับครูผู้สอนของนักเรียนคนนั้น และแบบนี้ผมว่า มันน่าจะดีกว่าแบบเดิม ซึ่งมันหมายถึงว่า ครูคนไหนทุ่มเทให้แก่เด็กก็จะได้รับเงินตอบแทนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นวิธีสอนแบบใดก็แล้วแต่ครูผู้นั้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกใครให้รู้ถึงวิธีสอนน
 ไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อนของผมเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนแห่งหนึ่งของรัฐบาล ในระดับมัธยม ได้โทรมาปรึกษากับผมว่า ตัวเขากำลังทำอาจารย์ 3 ระดับ 9 และก็ทำไปส่งแล้วผลปรากฏว่าไม่ผ่าน ซึ่งหนึ่งในคณะกรรมการได้บอกว่า การทำอาจารย์ 3 ระดับ 9 มันต้องมีอะไรที่พิเศษกว่าตำแหน่งอาจารย์ 3 ธรรมดา จึงได้ให้คำแนะนำแก่เพื่อนของผมว่า ให้ทำเทคนิคพิเศษ การปฏิบัติเครื่องดนตรีไทยในวงปี่พาทย์ ซึ่งจะให้ทำส่งมาเป็นรูปแบบ VCD ประกอบการสอน และด้วยความเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน จึงทำให้เพื่อนผมที่เป็นอาจารย์ในสังกัด ส.พ.ฐ. จึงได้ยกหูโทรศัพท์ถึงผม ซึ่งเพื่อนผมนั้นจบ วิทยาลัยนาฏศิลปะ สาขาขับร้องไทย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมาขอความช่วยเหลือจากผม ก็คือถ้าจะบอกตรงๆ ก็คือเขาไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของการสอนปี่พาทย์ หรือความรู้ที่เกี่ยวกับวงปี่พาทย์ แต่ได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการพิจารณาให้ทำเรื่องนี้ โดยตามความคิดของผมคณะกรรมการที่ให้คำแนะนำหัวข้อเรื่องในการทำตำแหน่งอาจารย์ 3 ระดับ 9 ควรจะมองอะไรให้มันถ่องแท้เสียก่อนที่จะให้คำปรึกษาแก่อาจารย์ที่มุ่งมั่นกับตำแหน่ง ที่จะนำมาถึงเงินพิเศษก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่จะคิดว่าทำอย่างไรถึงจะให้ลูกศิษย์ของเรามีความรู้รวมถึงความสามารถ และการอบรมที่จะทำให้เด็กๆ ที่จะเติบโตเป็นผู้ที่มีความสามารถในด้านต่างๆ  ควบคู่ไปกับความมีจริยธรรม คุณธรรม เผื่อวันใดที่เขาได้เป็นใหญ่เป็นโต จะได้ไม่สร้างนโยบายอะไรต่างๆ ที่มันมองแล้วเห็นแก่เงินที่จะเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว
 ความจริงแล้วฉบับนี้ผมตั้งใจจะตอบคำถามของคุณกบ ที่ถามเรื่องประวัติของครูแล เอาไว้ฉบับหน้าผมจะมาเขียนประวัติของครูแล ที่สอนดนตรีอยู่ที่ จ.เพชรบุรี สำหรับฉบับนี้แลครูไปก่อนก็แล้วกันนะครับ
"ขุนอิน"










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive