Wednesday, May 12, 2010

พบผู้หญิงกระเพาะปัสสาวะอักเสบง่ายกว่าผู้ชาย

พบผู้หญิงกระเพาะปัสสาวะอักเสบง่ายกว่าผู้ชาย

เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายในอวัยวะเพศของผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่ายมากกว่าผู้ชาย หากเป็นเรื้อรังไม่รักษา ส่งผลถึงเป็นกรวยไตอักเสบได้...กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะจากเชื้อโรค โดยเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะเป็นเชื้อโรคที่อาศัยอยู่บริเวณปลายท่อปัสสาวะ และจะเป็นส่วนที่ใกล้กับทางเดินอุจจาระด้วย เชื้อโรคจะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายในอวัยวะเพศของผู้หญิง โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงพบได้ง่ายในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่ชอบกลั้นปัสสาวะอาการที่สำคัญเช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแล้วรู้สึกแสบ ขัด สีของปัสสาวะขุ่น และมีไข้ รู้สึกถ่ายไม่สุด พอปวดปุ๊บจะต้องรีบเข้าห้องน้ำเลย มิฉะนั้นอาจกลั้นไม่อยู่ รวมทั้งจะเจ็บมากระหว่างที่ปัสสาวะ 
บางรายมีเลือดปน มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบั้นเอว ถ้าหากมีอาการดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะ และนำปัสสาวะไปเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อโรคในกระเพาะปัสสาวะ แพทย์จะให้การรักษาโดยการรับประทานยาฆ่าเชื้อ ถ้าปล่อยให้มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบนานๆ โดยไม่รับการรักษา จะทำให้การติดเชื้อนั้นสวนขึ้นไปจนถึงกรวยไต ทำให้กรวยไตอักเสบตามไปด้วยสาเหตุ- กลั้นปัสสาวะมากไป
 กรณีที่เป็นบ่อยๆ อาจมีความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือนิ่วร่วมด้วยการรักษา- ดื่มน้ำมากๆ ดื่มจนกว่าปัสสาวะจะใสเหมือนน้ำที่ดื่มเข้าไป- เข้ารับการตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาล เพื่อยืนยันว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่
 รับประทานยาปฏิชีวนะ 
กรณีที่เป็นบ่อยๆ อาจต้องวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น x-ray หรือส่องกล้องข้อแนะนำในการป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ 1. ถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนการไปทำธุระข้างนอกทุกครั้ง 
2. อย่ากลั้นปัสสาวะถ้าไม่จำเป็น 
3. ถ้าเริ่มมีอาการปัสสาวะแสบขัด ให้รีบดื่มน้ำมากๆ และไม่กลั้นปัสสาวะ 
4. ถ้าอาการปัสสาวะแสบขัดไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ หรือถ้าอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบั้นเอว ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองหากเป็นผู้มีโรคประจำตัวอยู่ก่อน เช่น เบาหวาน ต่อมลูกหมากโต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ เมื่อมีอาการปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะลำบาก ปวดขัดเวลาถ่ายปัสสาวะ ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อลดอาการ แทรกซ้อนที่ตามมา 
หากมีอาการปวดท้อง ก็ควรได้รับยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล และใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะที่สามารถรักษาได้ มีหลายกลุ่ม เช่น Cotrimoxazole (ห้ามใช้ยา cotrimoxazole ในกรณีแพ้ยากลุ่มซัลฟา และหญิงมีครรภ์) หรือ Amoxycillin, Amoxycillin ห้ามใช้ในกรณีแพ้ยา เพนนิซิลิน เป็นต้น ยาปฏิชีวนะในการรักษาควรจะรับประทานติดต่อกัน ประมาณ 7-14 วัน ถึงแม้ว่าอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะหายไป ก็ควรจะรับประทานยาติดต่อกันจนหมดจำนวนที่ได้รับ และการดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยบรรเทาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อีกทางหนึ่งศูนย์โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเวชธานีwww.vejthani.com

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive