Friday, February 1, 2013

ตะวันลับฟ้า ที่สัตหีบ

ตะวันลับฟ้า ที่สัตหีบ
                 ฉันไม่เคยนึกหรอกว่า สักวันจะได้ขึ้นไปยืนบนยอดเขา มองดูท้องทะเลที่เห็นฐานทัพเรือสัตหีบทั้งหมด  ไม่เคยนึกหรอกว่าจะได้เข้าไปเพ่นพ่านในเขตของฐานทัพเรือ และหน่วยต่างๆ เพราะไม่ได้เป็นทหารเรือ หรือมีอาชีพหรือญาติพี่น้องที่อยู่ในนั้น แล้วฉันก็เลิกเที่ยววันเด็กที่เดี๋ยวนี้เหล่าทัพต่างๆ จะเปิดสถานที่ตัวเองให้เด็กๆ เข้าไปสัมผัสมานานแล้วด้วย จนมาคราวนี้แหละโอกาสมาเป็นของฉันซะที                  เวลาว่างไม่มากไปกว่าเสาร์-อาทิตย์ ก็เที่ยว สัตหีบ ได้ ว่าแล้วก็ขีดหมุดหมาย ได้ที่เที่ยวเล่นแถว ฐานทัพเรือสัตหีบ นี่เอง                 จริงๆ หน่วยทหารเขาก็เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมานานแล้วนะ ไม่ใช่เพิ่งเปิด จนเดี๋ยวนี้หลายๆ หาด เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ อย่างหาดนางรำ หาดริ้น ฮูววว ช่วงเทศกาลไม่ต้องพูดถึง คนเยอะมากๆ เป้าหมายของฉันเลยเลี่ยงๆ ไป เอาว่าแค่ไปขับรถชิลๆ นอนเล่นฟังเสียงคลื่นในบรรยากาศสุดฟิน ก็พอคลายเหนื่อยแล้ว                 เส้นทางสบายๆ วันนี้ เลยเลือกพี่อู้ดดี้ ไปด้วยกัน ขึ้นด่วนบูรพาวิถี ลงชลบุรี ออกเลี้ยงเมือง (ชลบุรี-พัทยา-ระยอง) แล้วก็ไปออกถนนสุขุมวิท เลยพัทยาใต้ไป ผ่านสวนนงนุชไปไม่ไกล จะเห็น โรงเรียนชุมพลทหารเรือ (ฝั่งขวามือ) ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อันเป็นที่ตั้งของหาดทรายแก้ว เลี้ยวขวาไฟแดงตรงเข้าไป แลกบัตรผ่านด้านหน้าก่อน แล้วก็แล่นตรงไปด้านใน ไม่ต้องแยกซ้ายขวาให้งุนงง ถนนเส้นนี้สวยดี เพราะร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่                  ด้านในจะมีอีกด่าน ผ่านไปแล้ว ก็ถึงชายทะเล เห็นวงเวียน มีเสากระโดงเรือใหญ่ๆ  มีพลับพลาสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อยู่ริมทะเล เราเลี้ยวซ้ายไปจอดรถที่สุดทาง ถ้าไปเร็วก่อน 5 โมงเย็น ก็ต้องจอดรถตรงนี้ แล้วนั่งสองแถวเข้าไป แต่ถ้าหลัง 5 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม ก็สามารถเอารถเข้าไปจอดใกล้ชายหาดที่พักได้เลย                 "หาดทรายแก้ว" อยู่ในบริเวณ อ่าวน้อย  ซึ่งกองทัพเรือซื้อต่อจากเอกชนในวงเงิน 5 ล้านบาท และพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของกำลังพลของกองทัพเรือและบุคคลภายนอก โดยมีแนวทางการท่องเที่ยวที่เน้นในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ในแง่ของการพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง                 ที่นี่จะมีทั้งบ้านพักบังกะโล หรือจะกางเตนท์ก็ได้ เราเลือกมุมเหมาะๆ  ใต้ร่มไม้ กางเต็นท์นอน ช่วงกลางวันนี่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากันเยอะ เพราะเห็นมีเมนูภาษาอังกฤษกำกับทุกหน้า ถามไถ่จากแม่ค้าได้ความว่า มีทั้งรัสเซียและเกาหลีมาเที่ยวกันเยอะ ส่วนใหญ่มาเล่นน้ำทะเล หรือพายคยัค ตกเย็นก็กลับกันไป  ต้องบอกว่า อาหารที่นี่อร่อยมากๆ ราคาไม่แพง แถมที่ทางสะอาด เพราะทางหน่วยจัดการบริเวณชายหาด จะจัดเวรคนดูแล เดินเก็บขยะตลอด                 กลางวันนักท่องเที่ยวจะเยอะ แต่พอตกเย็น หาดทรายกลับมาสงบเงียบอีกครั้ง เหลือเพียงนักท่องเที่ยวที่พักค้าง ถ้าใครเข้าไปเร็วก็สามารถออกไปนำรถที่จอดไว้ด้านนอกเข้ามาจอดใกล้ชายหาดได้แล้ว                  มื้อค่ำง่ายๆ แต่อ้อยอิ่งประวิงเวลาไปเรื่อยๆ มีเสียงคลื่นเห่กล่อม ประกอบกับเสียงกีตาร์ของกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ... ใครว่าไปทะเลจะเหงา ไม่มี้                 รุ่งเช้า ตื่นมา ไม่เห็นดวงอาทติตย์ เพราะขึ้นอีกฝั่งที่เป็นป่าเขา จัดการมื้อเช้าง่ายๆ แล้วก็เก็บเต็นท์ เก็บข้าวของขึ้นรถออกเดินทางกันต่อ                  “เคยไปเที่ยวหน่วยนาวิกโยธินมั้ย” เพื่อนร่วมทางถามขึ้นมา “งั้นเดี๋ยวพาไป” เมื่อเห็นเราลังเลเหมือนจำไม่ได้ เลยจากโรงเรียนชุมพลทหารเรือมาไม่ไกล ถึง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร เลี้ยวขวาตรงเข้าไปแลกบัตร ฉันได้ “บัตรผ่านชั่วกาล“ มา ดูแลดูอีก ตีความแล้วตีความอีก แบบงงๆ สงสัยฉันจะผ่านได้ตลอดกาล เข้าข้างตัวเองซะเลย (555)  ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของ หาดเตยงาม แต่ฉันไม่ได้แวะ เพราะอยากเข้าไปดูด้านในๆ มากกว่า                 ตรงเข้าไปด้านในจะเห็นวงเวียน และอนุสรณ์สถานของนาวิกโยธิน ดูขรึมขลัง  ตั้งอยู่ริมทะเล ฉันขับรถวนดูจนครบ 4 ด้าน กับความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ เพราะพวกเขาเหล่านี้ เราถึงมีแผ่นดินอยู่ได้ พวกเขาเหล่านี้ยอมสละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยและคนในชาติ ฉันนึกไปถึงเพลงของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  ที่ทุกวันนี้ก็ยังได้ยิน                   หะเบสสมอ พลัน ออกสันดอนไป                 ลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟ                 เที่ยวหาข้าศึก มิได้นึกจะกลับมาใน                 ถึงตายตายไป ตายให้แก่ชาติของเรา                  เลยจากวงเวียน ขับรถขึ้นไปด้านบนภูเขา เพื่อไปยังศาลกรมหลวงชุมพรฯ ระหว่างทางเห็นป้าย "ห้ามให้อาหารลิง" สองข้างทางเป็นป่า เลยไปไม่ไกล ก็เห็นลิงฝูงใหญ่ ทั้งลูกเล็กเด็กแดง ออกมาเดินเล่นกันกลางถนน จะผ่านไป ก็ดันเป็นคนกลัวลิงซะอีก เอาว่าผ่านไปช้า .. ช้า จะได้ไม่ไปทับหาง หรือทับหัวลิง จะเป็นเรื่อง เรามาที่เขา เราก็ควรเคารพ เลยไปได้ก็ถอนใจเฮือกใหญ่ มิน่า มีป้ายกำกับไว้                 เลยขึ้นไปเห็นลานจอดรถ และทางขึ้นจุดชมวิว เลยจอดแวะดู มุมนี้เห็นทะเลสัตหีบในมุมกว้าง ยิ่งพอขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน ซึ่งมีทางรถขึ้นไปด้วย วันที่ฉันขึ้นไป รถจอดกันเต็ม เพราะด้านบนจุดชมวิว เป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพรฯ บริเวณโดยรอบจะมีรูปเรือรบและเรือหลวงขนาดจำลองแบบต่างๆ ไว้ให้ดูด้วย และมีหอชมวิว จะเห็นเวิ้งอ่าวสัตหีบ และที่ตั้งของฐานทัพเรือ ท่าเรือจีน ท่าเรือจุกเสม็ด ได้อย่างชัดเจน จนต้องมีป้ายห้ามถ่ายรูปกำกับไว้ด้วย เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้มงวดขนาดริบกล้อง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "จิตสำนึก" ของแต่ละคนจริงๆ รวมถึงเรื่องให้อาหารลิง                ที่คนให้อาจจะบอกว่าสงสาร แต่ฉันว่าเป็นการฆ่าพวกมันทางอ้อมมากกว่า ไม่ว่าการลงมาอยู่ถนน รอรถผ่าน จะวิ่งออกมารับอาหาร หรือ การออกมาเพ่นพ่านแย่งของกินช่วงที่อดหยากที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แทนที่จะให้มันอยู่ตามธรรมชาติของมัน ที่จะเป็นตัวควบคุมประชากรลิงด้วย                 ออกจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผ่านกองเรือยุทธการ ฉันพาพี่อู๊ดดี้แล่นไปตามถนนลองบีช ผ่านอ่าวดงตาล ที่มีสโมสรเรือใบมาตั้งอยู่ เลยไปอีกหน่อย ก็ถึง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หรือ สอ.รฝ ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ถนนลาดยางดี มีป้ายบอกทาง เข้าไปไม่ต้องกลัวหลง  และยังมี หาดเทียนทะเล หาดทรายสลับโขดหิน เป็นจุดชมวิวมุมกว้างและสวยงามโดยเฉพาะยามอาทิตย์ลับขอบทะเล                  ฉันยืนมองทะเลอยู่เงียบๆ มีเกาะแก่งน้อยใหญ่ สวยงาม ท้องทะเลสงบ ทำเลสุดยอดจริงจนอดชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของ สมเด็จกรมหลวงชุมพรฯ ที่ทรงเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของฐานทัพ จนสัตหีบเป็นหมู่บ้านทหารเรือ จนทุกวันนี้                หมายเหตุ : ติดต่อบ้านพักที่หาดทรายแก้ว โทร. 03843-6187 ในวันและเวลาราชการ หรือ 08-6700-6931   ............................................... (ตะวันลับฟ้า ที่สัตหีบ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง // ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)                      

No comments:

Post a Comment

Blog Archive