Sunday, February 10, 2013

ฮี้ฮ่อ...ท่องทับสะแก

ฮี้ฮ่อ...ท่องทับสะแก
               ก็นะ เดินทางท่องเที่ยวมาเยอะ ไปขี่ม้าเที่ยวบ้างก็ดี หลังจากที่เพื่อนๆ ที่ไปแล้วติดใจแถมราคาไม่แพงอย่างที่คิด คราวนี้จังหวะมาลงล็อกพอดี เลยควบพี่โม่ ลง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดหมายปลายทางอยู่ที่บ้านหนองหอย หมู่บ้านชายแดนของทับสะแกเลยก็ว่าได้ เพราะเลยจากนี้ไปก็เฉียดเข้า อ.บางสะพาน แล้ว                  อ.ทับสะแก เมืองเล็กๆ ที่อยู่ตรงช่วงคอดที่สุดของประเทศไทยพอดิบพอดี จริงๆ ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งภูเขา และน้ำตก เช่นที่ เขาหลวงประจวบคีรีขันธ์ ที่ฉันเคยเอาตัวเองขึ้นไปนอนดูทะเลประจวบอยู่บนยอดเขา หรือจะเป็นหาดทรายสวยๆ ที่วนกร ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยยาง หรือจะเป็นแถบชายทะเลบ้านกรูด ที่เคยโด่งดังเมื่อครั้งที่เป็นข่าวต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาวันนี้ บ้านกรูด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงเงียบสงบ (นอกช่วงเทศกาล) และอีกหนึ่งชนิดของการท่องเที่ยวที่ไม่จำเจ "ขี่ม้าท่องป่า"                  "S.N.Farm" อยู่เลยตัวอ.ทับสะแกไปถึงกม.376-377 ทางแยกขวาไปบ้านหนองหอย (มีป้ายบอกทางไปโบสถ์ไม้ตาล-วัดอ่างสุวรรณ) เป็นจุดยูเทิร์นรถพอดิบพอดี พอเลี้ยวก็ตรงเข้าซอยไปราวๆ 7 กม. "พี่เกาะ" สันติชัย แต้ชูตระกูล เจ้าของฟาร์ม และเป็นประธานมารอเราอยู่แล้วตามที่นัดหมายกัน                  ทางเข้าซอยมีหลายช่วงที่ถนนขรุขระ ต้องขับรถระมัดระวังสักหน่อย แค่รถผ่านเข้าเขตฟาร์ม ก็เหมือนหลุดมาอีกโลก ตอนแรกนึกว่า ที่ทำการอยู่ด้านหน้า แต่ที่ไหนได้ เข้าไปอีกลึกทีเดียว ระหว่างทางเป็นทิวต้นมะพร้าว ข้ามธารน้ำไปตามถนนลูกรัง ผ่านอ่างเก็บน้ำย่อมๆ ก่อนจะไปสิ้นสุดตรงที่ทำการ                 พื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ พี่เกาะเล่าว่า เนื้อที่ตรงนี้ราวๆ  2,000 ไร่ เมื่อก่อนเริ่มจากเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวสมัยพ่อ คือ สนอง แต้ชูตระกูล ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อ S.N.Farm นี่เอง ปัจจุบันก็แบ่งพื้นที่กันไปในหมู่พี่น้อง แต่ก็ยังใช้พื้นที่ร่วมกันในการทำมาหากิน โดยพี่เกาะจะชอบม้า ก็เลยหันมาเอาดีทางด้านนี้                  "ชอบม้า ขี่ม้าเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ พอเลิกทำไม้ ก็หันมาเลี้ยงม้า ตอนนี้มีอยู่เป็น 100 ตัว ส่วนใหญ่เป็นม้าสายพันธุ์ควอเตอร์ฮอร์ส อาราเบียน" พี่เกาะเล่าให้ฟัง ขณะขับพี่โม่ออกชมฟาร์มกัน โดยเฉพาะขับลึกเข้าไปด้านในฟาร์ม จะเป็นทุ่งกว้างๆ ที่ปล่อยม้าเป็นฝูงให้ออกหากินอย่างอิสระ ระหว่างทางยังเห็นลูกม้าอายุไม่กี่ขวบ                 ม้าที่นี่มีอิสระในการหากิน แต่ช่วงนี้เห็นม้ามาอยู่รวมๆ กันเยอะๆ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงตั้งท้อง บางตัวก็เตรียมผสมพันธุ์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นฟาร์มปรับปรุงพันธุ์ม้าขี่ขนาดใหญ่ ซึ่งพี่เกาะบอกว่า ลูกม้านี่ขายไม่ทัน จองกันหมด   ช่วงที่ขับรถเข้าไปในโซนทุ่งม้า บรรดาคาวบอยเพื่อนพี่เกาะมาเที่ยวพอดี เลยพากันช่วยต้อนฝูงม้ายังกับในหนังคาวบอยควบตามม้าป่า สนุกไปอีกแบบ ก่อนจะพากันขี่ไปชมวิวบนเนินเขาที่อยู่ท้ายฟาร์ม ที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนจากทุ่งหญ้าเป็นไร่สับปะรดของน้องชายไปแล้ว ด้านหลังเป็นทิวสันเขาตะนาวศรี                    เช้ารุ่งขึ้น ค่อยถึงคิวฉันเรียนขี่ม้า จิบกาแฟเสร็จก็ได้เวลาเรียน ครูอี๊ด สอนให้รู้จักม้า การทำความคุ้นเคย การขึ้นขี่ การทรงตัว แล้วก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง พอครูสอนจบก็ขึ้นขี่ให้นักเรียนโข่งอย่างฉันดู  แล้วก็ถึงคิว ... "บร๊ะเจ้า !! มันตื่นเต้นมว้ากก"  ฉันฝึกกับ "เจ้ายู" ตัวสูงใหญ่ ความสูงเกือบจะเท่าๆ กับพี่โม่ของฉันเลยเชียว รอบแรกให้ตีวงไปก่อน แล้วครูก็สั่งให้ปล่อยมือ แอร๊ยยย ...ฉันจะตกมั้ยเนี่ยะ                 "ท็อด" คำสั่งให้ม้าเดิน ก่อนจะควบเยาะๆ พอเจ้ายูเร่งฝีเท้า ฉันก็ตกใจคว้าบังเหียนทันทีเหมือนกัน ฉันขี่ตีวงเล่น พอเอาตัวรอดไปได้ จวนสายฉันถึงได้ออกไปท่องทับสะแกเสียหน่อย ตัวอำเภอที่ฉันไม่เคยแวะเข้าไปเสียที เป็นเมืองเล็กๆ บ้านไม้แบบเก่าแก่ยังคงรักษาสภาพ ที่ตั้งอำเภอ และโรงพักอยู่ออกไปริมทะเล เห็นบรรยากาศแล้วชอบจริงๆ                 ทะเลทับสะแก น้ำสีฟ้าสวย แต่หาดแคบและลาดลึก ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำเท่าไหร่ แต่ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสปาทราย ซึ่งเป็นทรายเม็ดหยาบจากทะเลลึก ที่จะดูดดึงความเมื่อยล้าออกจากร่างกาย ...นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งที่ฉันติดไว้ แล้วจะกลับไปเก็บคืนให้หมด (ฮา)                 ตะเวนทับสะแกจวนบ่ายกว่าๆ ก็กลับมานอนเล่นเอาแรง รอแดดร่ม ลมตก ฉันจับคู่กับเจ้าเจริญ ม้าเพศผู้ที่ดูเชื่อง ออกท่องเทรลไปในไร่ ท้ายไร่ ขึ้นเนินนิดหน่อย แต่ระยะทางแบบนี้ ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมงทีเดียว                 เจ้าเจริญของฉัน มันเจริญจริง...จริ๊ง เดินนวยนาดอยู่นั่น จนนึกถึงละครที่เคยมีม้าแกล้งไม่เดิน จนต้องลงไปยกมือไหว้ ขอร้องให้เดินหน่อยเถอะ ...(ฮา) ขอฉันดีกว่าหน่อยไม่ต้องถึงกับยกมือไหว้ แค่เอาส้นเท้ากระแทกสีข้าง สั่ง "ท็อด ..ท็อด" แต่มันก็ยังเดินทอดน่องทั้ง 4 ของมันไปเรื่อยๆ พาเฉียดเข้าใต้ต้นปาล์ม จนครูหัวเราะ ว่าฉันไม่ยอมให้มันลากเข้าไปได้ ขึ้นเนิน ลงเนิน เดินทางราบชั่วโมงกว่าๆ แต่เหมือนเวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ คงเพราะฉันใจจดจ่ออยู่กับการบังคับม้าไปให้ได้นั่นเอง                 เราต้องเป็นนายมัน สั่งมันให้ได้ เมื่อเราบังคับเขาได้ เขาก็จะเป็นเพื่อนเที่ยวที่สนุก ม้าที่นี่ไปไหนไปกัน ข้ามน้ำ ไปน้ำตกขาอ่อน ที่อยู่ไม่ไกล หรือจะไปขี่ที่ชายทะเล ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป                 ฉันนึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง The Horse Whisperer เรื่องราวของอาชาบำบัด แต่ภาพยนตร์กับเรื่องจริงไม่ต่างกัน ม้าช่วยบำบัดสภาวะทางจิตได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสรีระทางร่างกาย พี่เกาะเล่าว่า ที่ฟาร์มเคยมีเด็กออทิสติก มาเรียนขี่ม้า ทำให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น รวมถึงเด็กคนหนึ่งที่พ่อพามาขี่ม้า ไม่เคยพูดจาเกินไปกว่า มาๆๆ ไปๆๆ แต่วันนั้นหลังจากที่ขึ้นหลังขี่ม้าไปได้พักใหญ่ๆ เจ้าหนูน้อยกลับพูดได้เป็นประโยคทำเอาพ่อถึงกับน้ำตาซึม จนพี่เกาะคิดจะเปิดโครงการซัมเมอร์แคมป์ และอาชาบำบัดสำหรับเด็กๆ ช่วงปิดเทอมนี้                 ฉันปิดท้าย ทริปท่องขี่ม้าท่องป่า ด้วยสเต๊กจานโต จาก SN.Farm นี่แหละ สเต๊กนุ่มๆ ชุ่มน้ำเกรวี่ จิ้มซอสทำเองรสเด็ด ก่อนโบกมือลา                 ทับสะแก ...เมืองเล็กๆ ที่อุดมไปด้วยการท่องเที่ยวแบบครบรส ที่ฉันเองยังต้องกลับไป ฮี้....ฮ่อ ตามเก็บอีกสักหลายๆ รอบ                   วันนี้วันตรุษจีนนี่นา  ...  สวัสดีปีมะเส็ง ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ อั่งเปาตั่วตั่วไก้ แล้วไปเที่ยวด้วยกันต่ออาทิตย์หน้านะคะ                หมายเหตุ : สอบถามรายละเอียด S.N.Farm  08-9550-4741 (พี่เกาะ)   ........................................ (ฮี้ฮ่อ ... ท่องทับสะแก : คอลัมน์ชวนเที่ยว)                 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive