Sunday, February 3, 2013

โครงการหลวงอวดโฉมกุหลาบ 5 สายพันธุ์ใหม่

โครงการหลวงอวดโฉมกุหลาบ 5 สายพันธุ์ใหม่
กุหลาบกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการสื่อถึงความรัก ดังนั้นในเทศกาลแห่งความรักหรือวาเลนไทน์ที่กำลังจะถึงนี้ ห้างเซ็นทรัลจึงเตรียมบรรยากาศแสนโรแมนติก โดยเนรมิตสวนกุหลาบรวม 30 สายพันธุ์ให้บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ ดิ อีเว้นท์ ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ในงาน “โครงการหลวงสตรอเบอรี่แฟร์ 2013” ระหว่างวันที่ 8-14 ก.พ. และงานนี้ไม่เพียงแต่จะมีสตรอเบอรี่สดพันธุ์พระราชทานผลโตๆมาจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นครั้งแรกของการเปิดตัวกุหลาบ 5 สายพันธุ์ใหม่ ที่มูลนิธิโครงการหลวงได้ปรับปรุงขึ้นดร.วชิระ เกตุเพชร นักวิชาการดอกไม้ของมูลนิธิโครงการหลวง เผยว่า ดอกกุหลาบที่จะนำมาจัดแสดงครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของมูลนิธิโครงการหลวงที่ได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์มาตั้งแต่ปี 2547 โดยใช้พันธุ์กุหลาบที่เป็นที่นิยมจำนวน 28 สายพันธุ์ นำมาผสมเกสร คัดเลือก และทดสอบผลผลิตและคุณภาพ ที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ จน กระทั่งได้กุหลาบพันธุ์ใหม่ขึ้นมา โดยในปี 2555 ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการแล้ว 6 สายพันธุ์ และล่าสุดในปี 2556 ได้สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 5 สายพันธุ์ และยังไม่ได้มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ สายพันธุ์แรก กุหลาบ (รหัส 04-005.) สามารถเจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่สูง ให้ดอกใหญ่ มีสองสี ด้านบนสีส้มด้านล่างสีขาว มีหนามค่อนข้างมาก มีอายุปักแจกัน 13 วัน มีกลีบดอกหนามาก และมีความทนทานต่อการขนส่ง, กุหลาบ (รหัส 04-137.) ให้ดอกขนาดกลาง และให้ผลผลิตสูง กลีบดอกสีชมพูครีม มีอายุปักแจกันเฉลี่ย 14 วัน เหมาะสำหรับตัดดอก มี รอบการตัดสั้น, กุหลาบ (รหัส 04-119.) ให้ดอกขนาดใหญ่ มีสีชมพูครีม ดอกมีกลิ่นหอมคล้ายเทียนหอม กลีบดอกหนา  มี ความถี่หนามปานกลาง ทนต่อการขนส่งได้ดี, กุหลาบ (รหัส 05-049.) เป็นกุหลาบตัดดอกประเภทดอกใหญ่ มีกลีบดอกจำนวน 35-40 กลีบ กลีบสีแอพริคอตอ่อนหวาน มีความถี่หนามปานกลาง ให้ผลผลิตสูง อายุปักแจกัน 10-13 วันและกุหลาบ (รหัส 04-010.) มีดอกขนาดกลาง สีส้มเหลือบชมพู มีอายุปักแจกัน 11-12 วัน ดอกจะคงระยะการบานที่สวยงามยาวนานกว่าสายพันธุ์อื่นงานนี้ ทางผู้จัดขอเชิญประชาชนทั่วไปเข้าชมและร่วมตั้งชื่อดอกกุหลาบ 1 ใน 5 สายพันธุ์ใหม่ โดยชื่อที่ ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงทรงเลือก จะได้รับของรางวัลเป็นแพ็กเกจทัวร์ชมกุหลาบ ณ สถานีเกษตรอ่างขาง.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive