29 พฤศจิกายน 2012 Automobili Lamborghini และ Niche Cars เปิดตัวรถสายพันธุ์กระทิงดุรุ่นใหม่ล่าสุดแห่งตระกูล Aventador นั่นก็คือ Lamborghini Aventador LP700-4 Roadster ซุปเปอร์คาร์เปิดประทุนสุดหรูหราและร้อนแรงแห่งปีท่ามกลางความสำเร็จอันยิ่งใหญ่หลังจากได้เปิดตัว Lamborghini Aventador LP700 - 4 ในฤดูร้อนของปี 2011 ด้วยยอดขายที่ส่งมอบรถไปแล้วมากกว่า 1,300 คัน ถือเป็นการตอบรับที่ดีเยี่ยมต่อผู้ผลิตรถยนต์ระดับซุปเปอร์พรีเมียมอย่าง Lamborghini และมาในปีนี้ 2012 ก็ถึงเวลาของการปล่อยกระทิงตัวใหม่ออกสู่ท้องถนนด้วยเวอร์ชั่นเปิดประทุน Lamborghini Aventador LP700-4 Roadster รถที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุดของยนตรกรรมแห่งการขับขี่The new Lamborghini Aventador LP 700-4 Roadster สะกดทุกสายตาด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของการออกแบบด้วยการใช้รูปทรงเรขาคณิต ตั้งแต่ส่วนของหลังคาจรดไปถึงฝากระโปรงเครื่องยนต์การออกแบบใหม่นี้เพื่อให้ความหรูหราแต่แข็งแรง พร้อมรองรับสมรรถนะที่ร้อนแรงเมื่อยามตัวรถต้องเปิดประทุนในการขับขี่ ผู้ขับขี่ได้จะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่พิเศษสุดเหนือใคร หลังคาประทุนของ Lamborghini Aventador LP 700-4 Roadster ขึ้นรูปเป็น 2 ชิ้น ทำขึ้นมาจากวัสดุน้ำหนักเบาคาร์บอนไฟเบอร์ โดยนำเทคโนโลยี RTM และ Forged Composite ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ทาง Lamborghini คิดค้นและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ถือว่าเป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการผลิตรถซุปเปอร์คาร์โรดสเตอร์คันใหม่ของโลก เพราะสามารถรองรับแรงเสียดทาน และให้ความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระทำในทุกสภาพของตัวรถแต่มหัศจรรย์ตรงที่วัสดุนี้กลับมีน้ำหนักที่เบาอย่างเหลือเชื่อ โดยหลังคาทั้งชิ้นมีน้ำหนักน้อยกว่า 6 กิโลกรัม ทำให้การปรับเปลี่ยนจากรถที่มีหลังคามาเป็นรถซุปเปอร์คาร์เปิดประทุนสุดหรูทำได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ชิ้นส่วนหลังคาทั้งสองชิ้นสามารถถอดเก็บไว้ในที่เก็บสัมภาระบริเวณฝากระโปรงด้านหน้าตัวรถในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เสาหลังของตัวรถถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับการขับขี่เมื่อยามที่รถเปิดประทุน และเพิ่มระบบความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร อีกทั้งยังออกแบบให้มีการหมุนเวียนของลมที่จะเข้าระบายความร้อนของห้องเครื่องให้ได้อย่างพอเพียงLamborghini Aventador LP 700-4 Roadster มีการออกแบบฝาครอบเครื่องยนต์ให้มีความแตกต่างไปจากตัว Aventador Coupe ฝาครอบเครื่องยนต์เป็นเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ใน Aventador Roadster จะมีหน้าต่างฝาครอบรูปทรงหกเหลี่ยมคู่วางขนานกันอย่างสวยงาม การออกแบบนี้เพื่อโชว์เครื่องยนต์ V12 อันทรงพลังภายในห้องเครื่อง และยังเป็นเกราะป้องกันสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ฝนตก ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเลือกความสนุกสนานในการขับขี่ขณะเปิดประทุนหลังคาด้วยการเลือกระดับของเสียงสายลมและเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V12 โดยสามารถเลือกเปิดหรือปิดกระจกไฟฟ้าหลังส่วนการออกแบบแผงกันลม (Wind Deflector) ที่ติดอยู่บนกรอบตัวกระจกด้านหน้ารถนั้นจะลดเสียงลมในห้องผู้โดยสารขณะขับขี่ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถถอดเก็บแผงกันลมนี้ไว้ในที่เก็บสัมภาระบริเวณฝากระโปรงด้านหน้าตัวรถได้เช่นกันAventador Roadster ได้ถูกออกแบบให้เป็นรถที่ไม่มีขอบกระจกเพื่อความสวยงาม และเป็นโรดสเตอร์พันธุ์แท้ ที่สำคัญคือความแม่นยำในการออกแบบและผลิต เมื่อตัวรถปิดประทุน กระจกจะถูกปิดขึ้นได้พอดีกับขอบของหลังคาที่ปิดลงมาของตัวรถ Lamborghini Aventador LP 700-4 Roadster ดีไซน์แบบ two - tone หรือ 2 เฉดสี โดยในส่วนที่เริ่มจากส่วนของเสากระจกหน้าไล่มาถึงหลังคาจรดมาถึงแผงกระจกหลัง ต่อไปจนถึง fins (ก้านที่มีรูปร่างคล้ายครีบปลา) จะเป็นสีแบบ gloss black สีดำเงาเข้มที่ตัดกับสีตัวถัง โดยสีใหม่ล่าสุดสำหรับตัว Roadster นี้เป็นสีฟ้าเมทัลลิก หรือ Azzuro Thetis ให้ความรู้สึกเบา เมื่อยามแสงไฟตกกระทบกับสี AzzuroThetis จะสร้างมิติที่หลากหลาย ซึ่งการเลือกสีดำตัดฟ้านี้จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นและสวยงาม และแม้ยามที่เปิดหลังคาเส้นสายของตัวรถสีฟ้านี้ยังให้อารมณ์ของความเป็นรถสปอร์ตและความหรูหราไปพร้อมกัน การเลือกสีฟ้าเมทัลลิกนี้ถือเป็นการย้อนระลึกถึงความทรงจำครั้งหนึ่งที่สุดแสนประทับใจในปี 1968 ของรถ Lamborghini Miura Roadster สีฟ้าเมทัลลิกเป็นเสมือนการผสานความเข้มแข็งและพลวัตของเครื่องยนต์เอามาไว้ร่วมกัน ตัว Roadster ตกแต่งภายในให้มีความสวยงามเป็นพิเศษด้วยการเลือกใช้หนัง Sabbia Nefertem ตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีตโดยช่างหนังฝีมือเอกของโรงงาน Lamborghini ที่เซนต์ อกาต้า แคว้นโบโลญเนสAventador LP700 - 4 Roadster เพิ่มความดุดันแฝงความสง่างามให้กับตัวรถด้วยล้อแม็กซ์ขึ้นรูปด้วยฟอร์จอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาลายใหม่ ลาย Dione ที่มีขนาด 20 นิ้ว ทางด้านหน้า และ 21 นิ้วทางด้านหลัง ซึ่งชุดล้อลายใหม่นี้เมื่อเปรียบเทียบกับล้อในรุ่นปกติจะมีน้ำหนักเบากว่าถึง 10 กก. Aventador LP700 - 4 Roadster มาพร้อมกับสมรรถนะที่ร้อนแรงด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ที่ 3 วินาทีและความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 6.5 ลิตร V12 สูบ ให้กำลัง 700 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ ISR 7 สปีด ระบบช่วงล่างแบบรถแข่ง push – rod องค์ประกอบเหล่านี้ส่งผลให้ Aventador LP700 - 4 Roadster ขึ้นเป็นหนึ่งเดียวของรถซุปเปอร์สปอร์ตคาร์โรดสเตอร์ ซึ่งยังไม่มีรถรุ่นไหนมาเทียบเคียงได้ Aventador LP700 - 4 Roadster ยังได้บรรจุเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดทั้ง Start & Stop System และ CylinderDeactivation System : CDS ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการรถซุปเปอร์คาร์ Start & Stop System ด้วยการออกแบบ Supercaps เข้ามาเป็นตัวช่วยกักเก็บและจ่ายพลังงานในระบบเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ V12 ออกตัวได้อย่างรวดเร็วขึ้นในเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที โดยใช้เวลาเพียง 180 มิลลิวินาที หรือ 0.18 วินาที แม้รถอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งมากของเทคโนโลยี Supercaps CylinderDeactivation System : CDS เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการทำงานที่สูญเปล่าของเครื่องยนต์และเพิ่มอายุการทำงานของลูกสูบ โดยหลักการทำงานมีอยู่ว่า ในสภาวะที่รถทำงานในย่านความเร็วต่ำ หรือที่ไม่เกิน 135 กม./ชม. ระบบ CDS จะเข้ามาช่วยตัดระบบการทำงานจาก 2 ไลน์ให้เหลือการทำงานเพียงไลน์เดียว คือ จากเดิน 12 สูบปกติ เป็นเดิน 6 สูบเท่านั้น แม้ว่าจะมีการเพิ่มอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาให้กับรถ แต่ Lamborghini ก็ยังอยู่ภายใต้แนวคิดการเป็นรถซุปเปอร์คาร์น้ำหนักเบา ที่สำคัญการออกแบบระบบนี้ทำให้แบตเตอรี่ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ดังนั้นน้ำหนักรถจึงลดลงไปถึง 3 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใน Aventador 2013 จะมีหน้าที่ทำงานเลี้ยงระบบไฟฟ้าของตัวรถเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานไปตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว และเป็นที่ยืนยันแล้วว่าในปี 2013 จะมีเพียง Lamborghini Aventador LP700 – 4 เพียงหนึ่งเดียวของโลกซุปเปอร์คาร์เท่านั้นที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้มาให้แก่ลูกค้า อาคม รวมสุวรรณE-Mail chang.arcom@thairath.co.thFacebook https://www.facebook.com/chang.arcom
No comments:
Post a Comment