Wednesday, December 19, 2012

หยุดอาการคัดจมูกเรื้อรัง ด้วยคลื่นวิทยุ

หยุดอาการคัดจมูกเรื้อรัง ด้วยคลื่นวิทยุ
ภาวะคัดจมูกเรื้อรัง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่กว่าคนทั่วไป เช่น เสียสมาธิในการเรียน การทำงาน ไม่มีความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ หรือแม้กระทั่งการนอนหลับพักผ่อน ซึ่งบางกรณีทำให้เกิดภาวะนอนหลับยาก หรือนอนหลับไม่สนิท อันส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดภาวะง่วงในเวลากลางวันได้สาเหตุของภาวะคัดจมูกเรื้อรังที่พบบ่อยภาวะเยื่อบุจมูกส่วนล่าง (inferior turbinate) บวมโต ทำให้ปากทางของช่องจมูกแคบลง ส่งผลให้อากาศไม่สามารถผ่านช่องจมูกได้อย่างสะดวก ภาวะนี้อาจเกิดจากเยื่อบุจมูกอักเสบชนิดภูมิแพ้ที่เป็นเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุจมูกส่วนล่างเกิดการบวมโตมากกว่าปกติ หรือเกิดจากการอักเสบเรื้อรังก็ได้ภาวะสันจมูกคด ทำให้เกิดอาการคัดจมูกข้างใดข้างหนึ่งอยู่เสมอ ซึ่งภาวะนี้อาจเกิดร่วมกับภาวะเยื่อบุจมูกบวมโตก็ได้การอักเสบในช่องโพรงจมูกและไซนัส ภาวะการอักเสบของไซนัส จะทำให้มีมูกปนหนองไหลออกจากโพรงไซนัสมาที่บริเวณเยื่อบุจมูกตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้เกิดการบวมของเยื่อบุจมูกเรื้อรังได้เช่นกันภาวะต่อมอดีนอยด์โต มักพบในผู้ป่วยเด็กที่มีภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือไซนัสอักเสบเรื้อรังการรักษาแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก จะทำการตรวจร่างกาย เพื่อวินิจฉัยภาวะคัดจมูกเรื้อรัง ว่ามาจากสาเหตุใด และให้การรักษาตามสาเหตุ เช่น ควบคุมภูมิแพ้ในผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากภูมิแพ้ ผ่าตัดแก้ไขสันจมูกในกรณีที่สันจมูกคดมาก หรือรักษาการติดเชื้อในกรณีมีการอักเสบติดเชื้อภายในช่องจมูกสำหรับผู้ป่วยกลุ่มที่แพทย์วินิจฉัยว่า มีภาวะเยื่อบุจมูกส่วนล่างโต ส่งผลให้เกิดอาการคัดจมูก แม้ว่าจะทำการรักษาสาเหตุไปแล้ว แต่ยังมีอาการคัดจมูกเรื้อรังอยู่ ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่เรียกว่า RF (Radio frequency) จะทำการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุผ่านเข็มเล็กๆ ซึ่งจะเหนี่ยวนำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เข็มเกิดความร้อน และเกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อจากพังผืดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตามมาภายหลังทำการจี้เยื่อบุจมูก ซึ่งจะส่งผลให้เยื่อบุจมูกบริเวณที่จี้ไปเกิดการหดตัวเล็กลง ทำให้ทางเดินอากาศของช่องจมูกใหญ่ขึ้นกว่าเดิมการหดตัวของเยื่อบุจมูกจะเริ่มหดตัวหลังทำการจี้ไปแล้ว 1-3 สัปดาห์ โดยการหดตัวทำให้ผู้ป่วยสามารถหายใจได้โล่งจมูกมากขึ้น ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 80 จะยังรู้สึกหายใจโล่งแม้ว่าเวลาผ่านไปมากกว่า 1 ปี  การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถทำซ้ำได้ ถ้ามีอาการคัดจมูกจากเยื่อบุจมูกบวมโตกลับมาอีกครั้ง และผู้ป่วยบางราย นอกจากอาการคัดจมูกซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการจี้เยื่อบุจมูกดีขึ้นแล้ว อาการ คัน จาม น้ำมูกไหล หรือเสมหะลงคอ ก็ลดลงได้เช่นเดียวกันการจี้เยื่อบุจมูกนั้น สามารถทำแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยการใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ หรือนอนโรงพยาบาล ใช้เวลาเพียง 15-30 นาที พักดูอาการหลังทำการจี้จมูกอีกประมาณ 30-60 นาที ก็สามารถกลับบ้านได้ การปฏิบัติตนและสิ่งที่ควรทราบหลังการรักษา 1.  ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้หลังจากพักฟื้นเพียง 1-2 ชั่วโมง ยกเว้นบางรายที่แพทย์เห็นสมควรให้นอนพักนานขึ้น และผู้ป่วยจะได้รับยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ยาลดบวม แล้วแต่อาการ 2.  หลังการรักษาสัปดาห์แรก อาการมักยังไม่ดีขึ้นทันที ผู้ป่วยอาจมีอาการแสบ หรือเจ็บภายในจมูก และมีน้ำมูกหรือ เลือดกำเดาออกเล็กน้อย ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะหายไปเองในเวลาต่อมา3.  หลังรักษาไปแล้ว 48-72 ชั่วโมง ควรล้างทำความสะอาดในช่องจมูกบริเวณที่รักษาเบาๆ โดยใช้น้ำเกลือ เพื่อป้องกันการเกิดสะเก็ดแผล ซึ่งเกิดจากน้ำมูกและคราบเลือดที่ค้างอยู่ ผู้ป่วยควรล้างจมูกวันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย ยกเว้นมีเลือดออกมากให้หยุดล้างจมูกชั่วคราว และใช้ยาหยอดห้ามเลือดแทน4. หลังรักษาโดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิต หรือทำกิจกรรมได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือการกระแทกบริเวณจมูก และหลีกเลี่ยงการออกกำลังที่หักโหมใน 24 ชั่วโมงแรก 5. ถ้ามีเลือดออกจากจมูก ควรนอนพัก ยกศีรษะสูง หยอดยาหยอดจมูกห้ามเลือด แต่ถ้าเลือดออกไม่หยุดควรไปพบแพทย์หลังจากทำการรักษาด้วยวิธีการจี้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ หรือ RF แล้ว แพทย์จะนัดผู้ป่วยทุกรายมาดูแผลครั้งแรกประมาณ 1 สัปดาห์หลังรักษา และหลังจากนั้นจะนัดมาเป็นระยะ หากอาการต่างๆ ไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แพทย์จะแนะนำทางเลือกในการรักษาตามความเหมาะสมต่อไป คลินิกหู คอ จมูก โรงพยาบาลเวชธานี

No comments:

Post a Comment

Blog Archive