เป็นต้นตำรับการบริการสไตล์ Chef’s Table เจ้าแรกของเมืองไทย สำหรับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โดยประเดิมความสำเร็จด้วยการปรุงอาหารไทยให้รับประทานกันสดๆจานต่อจาน ที่ห้องอาหารศาลาริมน้ำ ล่าสุด ถึงคิวของห้องอาหารอิตาเลียน Ciao ซึ่งเพิ่งปรับปรุงโฉมใหม่จนโก้หรูมีสไตล์ จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเปิดครัวแสนโมเดิร์นให้เชฟมือทองระดับมิเชลลินจากเมืองฟลอเรนซ์ “เชฟลูก้า คาสินี” ได้โชว์ฝีมือการปรุงอาหารให้ชมกันสดๆ ชนิดไม่หวงสูตร สำหรับห้องอาหารเชาว์ เปิดให้บริการมานานกว่า 25 ปีแล้ว แต่ปิดปรับโฉมขนานใหญ่เพื่อให้ดูโก้หรูทันสมัยยิ่งขึ้นในโทนสีแดงดำ ยิ่งมีเสน่ห์โดดเด่นขึ้นด้วยกลิ่นอายของตึกเก่าคือ ตึกออเธอร์ส วิงส์ ที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยาการทานอาหารตำรับ Chef’s Table ให้อร่อยและคุ้มค่าการรอคอย จะต้องรื่นรมย์ไปกับศิลปะการปรุงอาหารอันพิถีพิถัน ก่อนจะเข้าสู่เมนู 8 คอร์ส เชฟจะต้อนรับผู้มาเยือนด้วยเมนูของทานเล่นเบาๆสไตล์อิตาเลียน ซึ่งแต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย โดยเชฟจะอธิบายอาหารแต่ละจานหลังจากเสิร์ฟเสร็จแล้ว เพื่อให้ดื่มด่ำไปกับศิลปะการปรุงอาหารแบบติดขอบครัวสำหรับจานแรกของเมนู 8 คอร์ส จะสตาร์ตด้วย “ซุปมะเขือเทศ” เสิร์ฟมาใน 2 ถ้วยเล็กๆแบบร้อนกับเย็น โดยเชฟแนะนำให้ทานแบบเย็นก่อน เพื่อความสดชื่น ตามมาด้วย “กุ้งลายเสือลวกเสิร์ฟบนสลัดส้มโอกับสาหร่ายทะเล” จานนี้ปรุงอย่างละเมียดละไมมาก โดยเอาเนื้อกุ้งมาทุบจนแบนซะก่อน จากนั้นก็ม้วนกุ้งเป็นก้อนกลมยาวแล้วนำไปลวก ทำให้ได้ลิ้มรสความสดและหวานของกุ้งเต็มปากเต็มคำ อีกจานอร่อยยังรวมถึง “หอยเชลล์ย่างราดซอสวานิลลา” เชฟวางหอยเชลล์บนเบคอนทอดกรอบผสมกับกะหล่ำดอกอร่อยอย่าบอกใครขาดไม่ได้สำหรับอาหารอิตาเลียนคือ “พาสต้า” เชฟลงมือผัด “พาสต้าหมึกดำกับหอยลาย” ให้ได้ซู้ดซ้าด ก่อนจะถึงจานเก่งที่เป็นซิกเนเจอร์คือ “พาสต้าห่อชีส” ที่อร่อยจนลืมแคลอรี ขณะที่เมนคอร์สเป็น “เนื้อลูกหมูย่าง” จานนี้เสิร์ฟ 3 แบบ เป็นเนื้อลูกหมูย่างและซี่โครงเล็กๆกับผัก แล้วมีเนื้อตรงหัวไหล่ตุ๋นเป็นสตูเสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ กับเทอรีนเนื้อหมูติดมันคำเล็กๆกับสลัด ปิดท้ายด้วย “ช็อกโกแลตผสมถั่วเสิร์ฟคู่ราสเบอร์รี่ซอส” ตั้งชื่อเก๋ไก๋ว่า “Zuccotto my way” และ “ช็อกโกแลตร้อนกับไอศกรีมวานิลลาผสมน้ำผึ้ง เสิร์ฟคู่กับถั่วพิทาชิโอและเกาลัด”สนใจโปรโมชั่น Chef’s Table สำรองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันได้ที่ 0-2659-9000 ต่อ 7640 เปิดให้บริการสำหรับ 6-8 คนเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. หรือจะนั่งรับประทานอาหารชิลล์ๆริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็มีบริการ A la carte รองรับลูกค้าได้ถึง 56 ที่นั่ง และยังมีบาร์เปิดให้บริการจนถึงตีหนึ่ง...นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มตาอิ่มใจด้วย เพราะได้สัมผัสทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของเมนูจานอร่อย พิถีพิถันทุกรายละเอียดขนาดนี้ก็เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ไม่เหมือนใครให้แฟนๆโอเรียนเต็ล.
No comments:
Post a Comment