Saturday, April 13, 2013

ครอบครัวอบอุ่นคือพื้นฐานของสังคมเข้มแข็ง

ครอบครัวอบอุ่นคือพื้นฐานของสังคมเข้มแข็ง
ครอบครัวจิราธิวัฒน์วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นโอกาสดีในการรวมญาติรวมครอบครัว ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมดีๆร่วมกัน และเพื่อส่งเสริมความรักความอบอุ่นในแฟมิลี่ รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 14 เมษายนของทุกปี เป็นวันครอบครัว เมื่อพูดถึงครอบครัวอบอุ่นแล้ว มีครอบครัวคนดังหลายครอบครัว ที่เป็นแบบอย่างอันดีงามของสังคมไทย“ครอบครัวร่มเย็น” ต้องยกให้ ครอบครัวมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทย “เจ้าสัวธนินท์  เจียรวนนท์” ประธานกรรมการและประธานคณะบริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งลูกๆเรียกขานติดปากว่า ท่านประธาน “เจ้าสัวซีพี” สมรสกับคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ มีบุตรธิดา 5 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 2 คน ในสายตาของลูกๆ เจ้าสัวเป็นคุณพ่อที่ใจดี มักมีคำสอนและคำแนะนำดีๆให้ลูกเสมอ โดยสิ่งที่เจ้าสัวเน้นก็คือ ทุกคนต้องประกอบอาชีพสุจริต ทำแต่สิ่งดีงาม และคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ยังต้องยอมเสียเปรียบบ้าง รู้จักเสียสละ เพื่อประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ต่อสังคม และประเทศชาติครอบครัวเจียรวนนท์อีกหนึ่งคำสอนที่ลูกๆจำขึ้นใจก็คือ เวลาทำอะไรผิด อย่าไปโทษคนอื่น แต่ให้มองตัวเอง!! ถ้าลูกคนไหนไปทำเรื่องไม่ดีมา “เจ้าสัวซีพี” จะเตือนสติว่า ถ้ารู้ว่ามันไม่ดี ก็ให้กลับไปคิดว่าพรุ่งนี้จะปรับปรุงตัวใหม่อย่างไร เป็นการปลูกฝังให้ลูกๆ รู้จักวิเคราะห์ตัวเองทุกวัน และให้อยู่กับความจริง อีกเรื่องที่เจ้าสัวเน้นมากคือ สอนให้เห็นข้อดีของคนอื่น รู้จักชื่นชมในสิ่งที่เขาดี และมองข้ามข้อเสียของเขา อย่าจับผิด!! เพราะในมนุษย์ทุกคนมีข้อดีและไม่ดี อันไหนดีเราก็ต้องชื่นชมอย่างจริงใจ ส่วนความไม่ดีของคนอย่าไปพูด อย่าไปอคติ เพราะเท่ากับเป็นการทำร้ายเขา และเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวเรา ต้องรู้จักฝึกตัวเองให้มองหาข้อดีของคนอื่นให้ได้ ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าใคร ก็ต้องหาข้อดีให้เจอ ถือเป็นการดูแลหัวใจตัวเอง เมื่อเราไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร ก็ไม่ต้องแบกความทุกข์ไปกับเราด้วย เจ้าสัวยังให้ข้อคิดกับลูกๆว่า เวลาใครมาด่าเรา อย่าไปโกรธตอบ เพราะเขาอาจเข้าใจผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องชี้แจง แต่ถ้าเราไปทำอะไรเขาจริงๆ ก็ควรขอโทษซะ ดีกว่ามานั่งโกรธเกลียดกัน ส่วนเรื่องการอ่อนน้อมถ่อมตน และให้เกียรติคนอื่น ได้รับการปลูกฝังมาจาก “คุณหญิงเทวี” ซึ่งมีพื้นฐานมาจากครอบครัวยากจน จึงเข้าใจหัวอกคนอื่นเป็นอย่างดี“ครอบครัวประชาธิปไตย” จะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจาก “ชวน หลีกภัย” อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัยของไทย ซึ่งให้อิสระเต็มที่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “ปลื้ม–สุรบถ หลีกภัย” ในการเลือกทางเดินชีวิต กระทั่งทายาทหนุ่มสามารถพิสูจน์ตัวเอง กลายเป็นเจ้าของรายการทีวีออนไลน์ VRZO ซึ่งมีแฟนๆวัยรุ่นติดตามชมทั่วประเทศ โดย “ปลื้ม” บอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อคุณพ่อว่า ผมภูมิใจในตัวคุณพ่อมาก คุณพ่อเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เคยโกงเงินซักบาท ทุกวันนี้เวลาเข้ามากรุงเทพฯ พ่อก็ยังไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน คุณพ่อเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์มาก ผมจำได้ว่า สมัยเด็กๆ ผมชอบสมุดวาดภาพแบบต่อจุดมาก ชอบจนวาดหมดเป็นเล่มๆ พอจะหมดเล่ม ก็ไปขอคุณพ่อซื้อเล่มใหม่ ปรากฏว่าคุณพ่อเอายางลบมาไล่ลบรอยดินสอที่ผมเขียนทีละภาพๆจนหมด แล้วบอกผมว่า นี่ไงเล่มใหม่ ไม่ต้องไปซื้อใหม่หรอก พ่อบอกว่าแต่ละเล่มภาพมันซ้ำกันหมด สุดท้ายผมก็เอาเล่มเก่าที่ลบจนเหมือนใหม่ไปวาดครอบครัวหลีกภัยสำหรับเส้นทางการเมือง “ปลื้ม” ก็เดินตามรอยบิดาในเรื่องคำพูดคำจาและการเสนอความคิดเห็นที่เฉียบแหลม จนได้รับฉายา “มีดโกนน้อย” คล้องจองกับฉายา “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ของบิดา โดย “ปลื้ม” ช่วยคุณพ่อหาเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์อย่างสม่ำเสมอ และเคยรั้งตำแหน่งผู้ช่วยโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อปี 2553 ในฐานะลูกชายคนเดียวของอดีตนายกฯชวน “ปลื้ม” ยืนกรานว่า ผมไม่เคยบอกว่าจะเลิกเล่นการเมือง คนอาจจะคิดไปเอง เมื่อผมทำรายการทีวี หลายคนคิดว่าผมจะมาเอาดีทางนี้ แต่การเมืองยังเป็นความถนัดอันดับหนึ่งของผม ไม่มีอะไรมาแทนที่งานการเมืองได้ ผมรู้ว่าจุดไหนทางการเมืองที่มันบอด มันชั่ว มันแย่ มันเลว ผมรู้ว่าต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง แต่ผมทำอะไรไม่ได้!! ผมเชื่อว่ายังมีโอกาสเข้าสู่เวทีการเมืองเสมอ ขอเพียงแค่ต้องไม่เข้าไปอยู่ในระบบการเมืองที่ตัวผมเองกลายเป็นเพียงแค่เบี้ยตัวหนึ่ง ที่ต้องทำความเลว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ขอไปเป็นคนกวาดขยะที่ทำประโยชน์ให้สังคมได้แน่ๆจะดีกว่าขึ้นชื่อว่าเป็น “ครอบครัวนักกิจกรรม” สำหรับ ครอบครัวอดีตรองผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร “เสี่ยเอ๋–พรเทพ เตชะไพบูลย์” กับ “กบ–ปภัสรา เตชะไพบูลย์” ซินเดอเรลล่าผู้ผันตัวจากชาวนา มาสู่เวทีนางงาม และวงการบันเทิง ก่อนจะขึ้นทำเนียบภรรยานักการเมืองดัง ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนเป็นโซ่คล้องใจ ชื่อว่า “น้องเหนือ-ดิสรยา” มาดามคนสวยเล่าถึงความรักความผูกพันในครอบครัวว่า ครอบครัวเราเป็นครอบครัวนักกิจกรรม ชอบขี่ม้า เพราะสามีเป็นเจ้าของฟาร์มม้าแข่ง และรักม้ามาก, ยามว่างยังชวนกันขี่จักรยานเมาเทนไบค์, ชอบไปทะเล และตีกอล์ฟ โดยเสาร์อาทิตย์เราทั้งคู่จะทุ่มเทเวลาให้ลูกอย่างเต็มที่ ขณะที่วันจันทร์ถึงศุกร์ “กบ”จะเป็นคนดูแลเรื่องลูกเป็นหลักครอบครัวเตชะไพบูลย์นอกจากการส่งเสริมให้เล่นกีฬาแล้ว ครอบครัวนี้ยังเน้นเรื่องของจิตใจด้วย โดยแม่ลูกคู่นี้จะตักบาตรด้วยกันทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน สิ่งที่มาดามเน้นมากก็คือ จะสอนลูกเสมอว่า การเป็นผู้ให้เป็นอะไรที่มีความสุขนะ และการให้ยังทำให้เราเป็นคนมีสติมีสมาธิ และไม่อารมณ์ร้อน อยากให้ลูกเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ เพราะยังมีคนด้อยโอกาสอีกมาก “น้องเหนือ” มีโอกาสดีกว่าคนอื่น ก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง “กบ” จะปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็กว่า อย่าเป็นคนหวงของนะ เวลาถึงวันเกิดจะพาเขาไปทำบุญที่มูลนิธิเด็ก ซึ่ง “น้องเหนือ” ก็จะเอาตุ๊กตาและของเล่นที่ไม่ได้ใช้แล้วไปแบ่งเพื่อนๆ ทุกวันเสาร์ก่อนไปเรียนดนตรี “กบ” ยังชอบพาลูกไปทำสังฆทานที่วัด อยากให้ลูกซึมซับสิ่งดีๆ เพื่อเป็นพื้นฐานให้ชีวิตคำว่า “ครอบครัวสมานฉันท์” คงจะไม่เหมาะสมกับใครเท่า ครอบครัวเจ้าพ่อธุรกิจโรงแรมอันดับหนึ่งของไทย “เจ้าสัวสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ซึ่งมีคติประจำใจในการสอนลูกๆทั้ง 5 คนว่า เกิดเป็นพี่น้องต้องรักกัน ถึงแม้จะคนละแม่ แต่ก็มีสายเลือดจิราธิวัฒน์เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ ลูกทุกคนของเจ้าสัวจึงกินนอนอยู่ในบ้านเดียวกันตั้งแต่เล็กจนโต ไปไหนก็หอบหิ้วกันไปทั้งครอบครัว เพื่อปลูกฝังให้เกิดความรักความผูกพันกันตั้งแต่เด็กๆ แม้มาถึงรุ่นหลานๆ เจ้าสัวก็ยังใช้กติกาเดียวกันคือ หลานทุกคนจะต้องมานอนรวมกันกับคุณปู่ เพื่อความสมานฉันท์ และในฐานะลูกหลานจิราธิวัฒน์ ทุกคนจะต้องเข้ามาทำงานที่บ้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ โดยสไตล์ของเจ้าสัว จะไม่สอนลูกด้วยคำพูด แต่เน้นให้ลูกๆได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ทุกคนต้องเริ่มต้นจากกวาดพื้น ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหาร เพราะการจะเป็นเจ้านายคนที่ดี ต้องรู้จักงานทุกแง่มุม และเข้าใจหัวอกของพนักงาน ถึงจะครองใจลูกน้องได้.ทีมข่าวหน้าสตรี

No comments:

Post a Comment

Blog Archive