
“ไจโรโทนิค” ถือเป็นการรวมศาสตร์การออกกำลังกายทุกแขนงเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น โยคะ, บัลเลต์, ยิมนาสติก, ไทชิ และว่ายน้ำ โดยเน้นการเคลื่อนไหวของข้อต่อและกล้ามเนื้อให้เป็นจังหวะขึ้นลงคล้ายแนวคลื่นผลลัพธ์ที่ได้รับจากการฝึกไจโรโทนิคก็คือ นอกจากร่างกายจะแข็งแกร่งแล้ว ยังช่วยปั้นรูปร่างและเหลาหุ่นให้เพรียวกระชับขึ้นทันตาเห็น โดยแกนกลางร่างกายจะแข็งแรง กระดูกสันหลังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถโค้งงอได้ง่ายขึ้น ข้อต่อหมุนได้ดีและเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพในฐานะกูรูด้านโยคะและไจโรโทนิคของเมืองไทย “ป้าจิ๊–อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ” ผู้ก่อตั้ง Yoga & Me เผยถึงที่มาของศาสตร์แขนงใหม่ “ไจโรโทนิค” ที่นำเข้ามาฝึกสอนเป็นแห่งแรกในประเทศไทยว่า คิดค้นขึ้นโดย “จูลิอู โฮร์วาธ” นักบัลเลต์ชาวฮังกาเรียน เขาเกิดในโรมาเนีย ต่อมามีปัญหาที่เอ็นร้อยหวาย ทำให้ต้องหยุดเต้น และขอลี้ภัยมาอยู่ที่อเมริกาในปี 1960 เพื่อหาวิธีเยียวยาตัวเอง เขาได้คิดค้นไจโรโทนิคขึ้น จากการสังเกตทักษะการเคลื่อนไหวแบบไร้ขีดจำกัดของลิง, ปลาหมึก และแมว จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อุปกรณ์ และคิดค้นเทคนิคที่จะทำให้ร่างกายมนุษย์สามารถเคลื่อนไหวแบบไม่มีขีดจำกัด โดยผสมผสานเข้ากับหลักการของโยคะ, บัลเลต์, ยิมนาสติก, ไทชิ และว่ายน้ำคำว่า Gyro เป็นคำกรีก หมายถึงเคลื่อนไหวเป็นวงกลม ขณะที่คำว่า Tonic แปลว่าความสนุกสนานของชีวิต ฉะนั้น “ไจโรโทนิค” จึงเป็นการออกกำลังกายพร้อมด้วยอุปกรณ์ ที่จะทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระเป็นวงกลมรอบทิศ และสามารถเหยียดยืดได้ 360 องศา โดยการฝึกไจโรโทนิคจะไม่ก่อให้เกิดแรงกระแทก เพราะใช้แรงต้านจากสปริงและรอกของเครื่องสำหรับประโยชน์ของการฝึกไจโรโทนิค “ป้าจิ๊” โชว์ต้นแขนสวยเพรียว และหุ่นฟิตเปรี๊ยะ ราวกับสาวรุ่น อันเป็นผลพวงมาจากการเล่นไจโรโทนิค พร้อมบอกเล่าว่า การฝึกไจโรโทนิค เน้นการเคลื่อนไหวเป็นวงกลม จึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกายทุกส่วน โดยเฉพาะแกนกลางร่างกายจะแข็งแรง เนื่องจากกระดูกสันหลังได้เคลื่อนไหวรอบทิศ ทำให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น สามารถโค้งงอได้ง่าย สรีระร่างกายก็สง่างามยิ่งขึ้น เวลาฝึกกล้ามเนื้อจะค่อยๆเหยียดยืดไปเรื่อยๆตามที่ทำได้ ไม่ฝืนร่างกายจนรู้สึกตึงเกร็ง ขณะเดียวกัน ลมหายใจก็ต้องเชื่อมโยงกับร่างกาย ต้องมีสมาธิกับการฝึกฝนจึงเกิดประสิทธิภาพสูงสุด.
No comments:
Post a Comment