หวนคืนสู่ เมืองแห่งสายน้ำ ...!
สารคดีสัปดาห์นี้ไทยรัฐออนไลน์พาไปลุยเย็นๆ กับเมืองแห่งสายน้ำ...เมืองฝูหลิงตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำแยงซีเกียงกับแม่น้ำอู่ ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 เมืองนี้ทั้งเงียบเหงาและโดดเดี่ยว ไม่มีทางหลวงหรือทางรถไฟ เรือเฟอร์รีล่องแม่น้ำแยงซีเกียงใช้เวลาร่วมเจ็ดชั่วโมงกว่าจะถึงฉงชิ่ง เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดผมพำนักในฝูหลิงระหว่างปี 1996 ถึง 1998 ตอนเป็นอาสาสมัครพีซคอร์ปส์อยู่ที่วิทยาลัยในท้องถิ่น เวลานั้นทั้งเมืองมีประชากรราว 200,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยสำหรับมาตรฐานของจีน คนส่วนใหญ่สนับสนุนการสร้างเขื่อนสามผา (Three Gorges Dam) อย่างแข็งขัน แม้พวกเขาจะไม่พูดคุยถึงเรื่องนี้กันเท่าไรนัก เขื่อนมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2009 ยุคปฏิรูปของ จีนเปิดฉากขึ้นเมื่อปี 1978 แต่ก็ต้องรอถึงกลางทศวรรษ 1990 กว่าที่แนวคิดตลาดเสรีจะส่งผลกระทบต่อเมืองเล็กๆ อย่างฝูหลิง นั่นหมายถึงอวสานของงานที่ภาครัฐว่าจ้าง และที่อยู่อาศัยซึ่งแปรสภาพกลายเป็นของเอกชนในชั่วพริบตา ในเวลานั้น วิทยาลัยครูฝูหลิงยังเป็นเพียงสถาบันที่สอนหลักสูตรสามปี จึงจัดว่าอยู่รั้งท้ายในระบบอุดมศึกษาของจีน แต่บรรดาลูกศิษย์ของผมก็พึงพอใจกับโอกาสที่ได้รับ เพราะเกือบทั้งหมดมาจากครอบครัวชนบทที่แทบไม่มีธรรมเนียมส่งลูกหลานให้เล่าเรียน กระนั้น พวกเขาก็เลือกวิชาเอกภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นก้าวที่น่าทึ่งมากสำหรับประเทศที่ปิดตัวเองมาตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ของศตวรรษที่ยี่สิบลูกศิษย์สอนอะไรผมหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงนัยหรือความหมายของการมาจากชนบท ที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ของจีนอาศัยอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุคปฏิรูป นับจากนั้นเป็นต้นมา ประชากรราว 155 ล้านคนได้โยกย้ายไปยังเมืองใหญ่ๆ และลูกศิษย์ของผมพากันเขียนเรียงความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับญาติมิตรที่ต้องดิ้นรนกับการเปลี่ยนผ่านนี้ พวกเขายังสอนผมถึง ความซับซ้อนของความยากจนในประเทศจีนอีกด้วย นักเรียนของผมไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมาย แต่พวกเขายังมองโลกในแง่ดีและได้รับโอกาส เขื่อนสามผาไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยในประเทศที่ยากจน ทางการปักกิ่งรายงานว่า อภิมหาโครงการนี้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขประมาณการอย่างไม่เป็นทางการระบุว่าสูงกว่านั้นมากหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเป็นอาสาสมัครพีซคอร์ปส์ ผมเดินทางกลับบ้านในสหรัฐฯ และพยายามบันทึกช่วงเวลาในฝูหลิง หลังจากร่างต้นฉบับหนา 400 หน้าที่ผมตั้งชื่อว่า เมืองแห่งสายน้ำ (River Town) ผมส่งต้นฉบับดังกล่าวไปตามตัวแทนและสำนักพิมพ์ต่างๆ เกือบทุกแห่งปฏิเสธกลับมา บรรณาธิการคนหนึ่งพูดตรงๆว่า “เราไม่คิดว่าจะมีใครอยากอ่านหนังสือเกี่ยวกับประเทศจีน” (อย่าลืมว่าตอนนั้นเป็นทศวรรษ 1990 และชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้เรื่องราวความเป็นไปในประเทศจีน) แต่ในที่สุดผมก็หาสำนักพิมพ์จนได้ และตอนนั้นเองที่ผมเริ่มกังวลว่า ชาวเมืองฝูหลิงจะตอบรับหนังสือเล่มนี้อย่างไรแต่ไหนแต่ไรมา ชาวจีนอ่อนไหวอย่างมากต่อภาพลักษณ์ประเทศที่ชาวต่างชาตินำเสนอ ผมส่งร่างต้นฉบับให้ลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อ เอมิลี ความเห็นส่วนใหญ่ของเธอออกมาในเชิงบวก แม้บางครั้งจะแฝงนัยของความผิดหวังอยู่บ้าง เป็นต้นว่า “หนูว่าคงไม่มีใครชอบเมืองฝูหลิง หลังจากอ่านเรื่องที่อาจารย์เขียน แต่ก็บ่นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะทุกอย่างที่อาจารย์เขียนล้วนเป็นข้อเท็จจริงทั้งนั้น หนูหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป เมืองนี้จะมีอะไรน่าสนใจมากขึ้นค่ะ”การจะทำให้ทุกคนถูกใจแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ผมอยากแสดงออกซึ่งความรักและความผูกพันกับเมืองฝูหลิง แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ต้องพูดตรงๆ เรื่องมลพิษ เขื่อน และปัญหาที่บางครั้งผมต้องเผชิญในฐานะชาวต่างชาติ ท้ายที่สุด ผมจำต้องยอมรับความเป็นไปได้ที่ตัวเองอาจไม่เป็นที่ต้อนรับในเมืองนั้นอีกต่อไป แต่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปได้เร็วขนาดนี้ ตอนที่หนังสือ เมืองแห่งสายน้ำ ได้รับการตีพิมพ์เมื่อต้นปี 2001 ทางหลวงสายแรกของเมืองก็สร้างเสร็จแล้ว ทำให้เรือเฟอร์รีล่องแม่น้ำแยงซีเกียงหมดความจำเป็น ทางหลวงอีกสองสายพร้อมกับทางรถไฟสามสายกำลังตามมาติดๆ โครงการเขื่อนสามผาทำให้เม็ดเงินจากรัฐบาลกลางหลั่งไหลมายังฝูหลิง รวมทั้งผู้คนที่อพยพมาจากเมืองริมฝั่งแม่น้ำที่อยู่ต่ำลงไปและกำลังกลายเป็นเมืองใต้บาดาล (รวมแล้วมีผู้คนกว่า 1.4 ล้านคนต้องย้ายถิ่นฐาน) ภายในช่วงเวลาทศวรรษเดียว ประชากรในเขตเมืองของฝูหลิงเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และวิทยาลัยครูที่ผมเคยสอนก็ได้รับการยกฐานะเป็นสถาบันสอนหลักสูตรสี่ปี ซึ่งมาพร้อมกับวิทยาเขตแห่งใหม่และชื่อใหม่ว่า มหาวิทยาลัยครูแยงซีเกียง (Yangtze Normal University) จำนวนนักศึกษาเติบโตจาก 2,000 คนเป็นกว่า 17,000 คน ในเวลาเดียวกัน ชาวอเมริกันเริ่มหันมาสนใจประเทศจีน ทำให้ เมืองแห่งสายน้ำ กลายเป็นหนังสือขายดีอย่างไม่น่าเชื่อนี่เป็นครั้งแรกที่ผมกลับมาเยือนเมืองนี้ในรอบกว่าห้าปี ลูกศิษย์ราว 15 คนมารวมตัวกันเพื่อเลี้ยงรุ่นโดยไม่ได้นัดหมายกันล่วงหน้า พวกเขาเล่าถึงความเป็นไปของเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ต่างจากชาวจีนส่วนใหญ่ในช่วงอายุเดียวกัน นั่นคือต้องอพยพโยกย้ายไปไกลบ้าน หลายคนอยู่ตามเมืองชายฝั่งที่กำลังเติบโต คนหนึ่งทำการค้าในอินเดีย อีกคนถูกจำคุกข้อหาคอรัปชัน วิลเลียม เจฟเฟอร์สัน ฟอสเตอร์ ซึ่งตั้งชื่อภาษาอังกฤษสวยหรูให้ตัวเอง มีรายได้สูงมากจากการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกๆ ของบรรดาเจ้าของโรงงานที่ร่ำรวยทางภาคตะวันออก ส่วนเอมิลีตอนนี้ทำงานในโรงเรียนประถมของฝูหลิงทัศนคติใหม่ๆ ทำให้ผมประทับใจยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุเสียอีก เย็นวันหนึ่งระหว่างที่ผมบรรยายให้นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยครูแยงซีเกียง ในช่วงถาม-ตอบ นักศึกษาปีหนึ่งคนหนึ่งลุกขึ้นถามว่า “อาจารย์คิดว่าประเทศจีนจะสามารถแซงหน้าอเมริกาในด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพได้ไหมครับ” ตอนที่ผมเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าถามคำถามแบบนี้ในที่สาธารณะ คำตอบของผมฟังดูออกแนวนักการทูตหน่อยๆ แต่จริงใจว่า “นั่นขึ้นอยู่กับคุณและ คนรุ่นคุณแล้วละครับ”ผมยังพบว่าชาวจีนที่มีการศึกษาดูจะสนใจที่จะวิเคราะห์สังคมของตนเองมากขึ้นด้วย เอมิลีบอกผมว่า ญาติเธอ อาจรวย แต่เธอเห็นว่าเงินทองไม่ได้ทำให้เขามีความสุขขึ้นเลย เมื่อไม่นานมานี้ วิลเลียมและภรรยาตัดสินใจฝ่าฝืนนโยบาย “ลูกคนเดียว” ของทางการจีน ด้วยการมีลูกคนที่สอง เขาตัดสินใจเช่นนี้หลังจากไปร่วมงานศพของชายที่มีลูกคนเดียว วิลเลียมเล่าว่า “ผมต้องช่วยลูกชายเขายกหีบศพ ทำให้ผมได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนที่พวกเราจากไปแล้ว และลูกสาวผมต้องอยู่ตัวคนเดียวในโลก การมีพี่น้องน่าจะดีกว่าครับ”โมมันนี เพื่อนร่วมชั้นของเขา เป็นเด็กยากจนอีกคนที่ตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เขาประสบความสำเร็จในฐานะครูที่โรงเรียนชั้นนำแห่งหนึ่งในฉงชิ่ง แต่ยังรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ กับแรงกดดันอันไม่หยุดหย่อนของวิถีชีวิตในเมืองใหญ่ของจีน เขายอมรับว่า “ชีวิตต้องแก่งแย่งแข่งขันกันครับ ผมว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญของประเทศเรา ที่ผ่านมา ชาวจีนอาจเคยวิพากษ์วิจารณ์ประเทศอื่น ตอนที่ประเทศเหล่านั้นก้าวผ่านช่วงเวลาแบบเดียวกัน สมัยก่อนเราวิจารณ์ลัทธิทุนนิยมของอเมริกาอย่างหนักหน่วง แต่ทุกวันนี้ เรากำลังก้าวผ่านกระบวนการเดียวกันครับ” เรื่อง ปีเตอร์ เฮสส์เลอร์ ภาพถ่าย แอนาสเตเชีย เทย์เลอร์-ลินด์ ข้อมูลจากนิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย http://www.ngthai.com/ngm/1303/default.asp
Thursday, March 28, 2013
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Blog Archive
-
▼
2013
(246)
-
▼
March
(54)
- SHELL เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมันหล่อลื่นสำหร...
- เห็นงานเป็นลม เห็นนม...สู้ตาย
- MINI ทำเก๋ กับฟังก์ชั่นใหม่ Connect Us เพื่อหาคู่เ...
- อะบุ๊ก! จัดหนัก หนังสือดี ต้อนรับ สัปดาห์หนังสือ ป...
- เผิง ลี่หยวน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งโดดเด่นที่สุด ใน...
- มองไม่เบื่อ....!
- โต๊ะเดียว สังขละสวรรค์ของนักเดินทางหัวใจสุนทรีย์
- ไจโรโทนิคเทรนด์ออกกำลังกายแนวใหม่เพื่อชีวิตฟิตกว่า...
- หรูเลิศมีสไตล์รับซัมเมอร์
- สภาสตรีฝากรัฐบาลเร่งพัฒนาสตรี ให้มีความรอบรู้ก้าวท...
- ท่องโลกหนังสือ
- ศุกร์สบาย 29/03/56
- หวนคืนสู่ เมืองแห่งสายน้ำ ...!
- อีเลคโทรลักซ์จัดงานมหกรรมนวัตกรรม “The Inspiration”
- ระเบิดความชิค อาร์ตตัวแม่กับ CMRR BOMB clutch
- เปิด ร.ร.เสริมสวยชลาชล พัฒนาวิชาชีพช่างผม
- อณิชา อรรถสกุลชัย เดินตามฝัน Lovebird จากโลกออนไลน...
- พาเหรดแฟชั่นแบรนด์นอก เพิ่มสีสัน ให้หนุ่มสาวเทรนดี้
- อัพเดทแฟชั่นแว่นตา 2013
- 4สาวใจใหญ่ เปิดสถาบัน ความงามไฮเอนด์
- ศิลปะบนตัวปลา จากเศษวัสดุ สู่ประติมากรรมใหญ่ใจกลาง...
- กางเกงเก่า มีประโยชน์ C&D นำปรับโฉม ช่วยการกุศล
- หอยแมลงภู่อบซอสเขียวหวาน
- สุดเว่อร์ เริ่ดหรู อลังการ... ประมวลภาพห้องน้ำ สุว...
- เซ็กซ์คลายร้อน เติมอุณหภูมิรักให้พุ่งทะลุปรอท!!!
- เปิดตัวอีกแล้ว CHEVROLET SPIN ยนตรกรรมอเนกประสงค์
- ‘บ้านสวนสวย รีสอร์ท’พักสมองดื่มด่ำธรรมชาติ ครบทุกค...
- แฟชั่นอาหาร เทรนด์เมนูยอดฮิตมาแรงในปี 2013
- Roll Royce Wraith เผยโฉมแล้วที่เจนีวามอเตอร์โชว์
- ยัสปาล โชว์ ที-เชิ้ต สุดแนวฝีมือ 11 ศิลปินฉลองสาขา...
- เก๋มีสไตล์! Hardcover the Art Book Shop
- IWC THE NEW COLLECTION 2013 นาฬิกาหรูคู่รถ BENZ
- รับหน้าร้อนกับ ข้าวแช่แม่เล็ก ท่ายาง
- ท่องเที่ยวใช้ Bric’s Milano หรูหราเทียบชั้นเซเลบฯร...
- น่ารักสดใส สไตล์คุณหนูไฮโซ
- โยคะเด็ก กิจกรรมสร้างสรรค์รับปิดเทอมเปลี่ยนลูกลิงใ...
- ลองก่อนใคร...ซามูไรในหิมะ ALL NEW HONDA ACCORD 2014
- เสริมโหวงเฮ้งบนใบหน้า 5 จุดสำคัญเปิดดวงรับทรัพย์!!
- ฮือฮา! ฟังเพลง ชมมิวสิก สุดโรแมนติกประเทศ สิงคโปร์...
- อวดโฉม 10 สาวข้างบ้านผู้เข้าประกวด FHM GND2013
- เซ็กซ์ขจัดโรค!!...ไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องง้อคุณหมอ
- เปิดตำนาน HONDA AUTOMOBILE เจ้าของสโลแกน THE POWER...
- ปันไอเดียปลูกผักสวนครัว จากวัสดุเหลือใช้ กระตุ้นคน...
- ปลากะพงซอสกะหรี่เคียงคู่พาสต้าเคี้ยวหนึบ!!!
- Hyundai Veloster Turbo พร้อมเปิดตัวในประเทศไทยแล้ว
- เม-ญ่าช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ มิติใหม่แหล่งรวมไลฟ์สไตล์เ...
- อร่อยกับผัดไทยท่ายาง เมืองเพชรฯ
- NEW TOYOTA ALTIS TRD SPORTIVO ของร้อนสไตล์ซิ่ง
- เจาะเบื้องหลังความสวยหรูตระการตา พรมแดงออสการ์ 2013
- บางกอกแอร์เวย์สฉลองใหญ่ครบรอบ 45 ปี
- แฟชั่นโลกปรับตัวขนานใหญ่ รับมือวิกฤติหนี้ยุโรป
- บุฟเฟ่ต์สารพันเมนูหอย ขุมทรัพย์แห่งมหาสมุทร
- เจ้าหญิงในเทพนิยาย
- เจาะเบื้องหลังความสวยหรูตระการตา พรมแดงออสการ์ 2013
-
▼
March
(54)
No comments:
Post a Comment