Saturday, March 2, 2013

แฟชั่นโลกปรับตัวขนานใหญ่ รับมือวิกฤติหนี้ยุโรป

แฟชั่นโลกปรับตัวขนานใหญ่ รับมือวิกฤติหนี้ยุโรป
โลกทั้งโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในแถบยุโรปยังอ่วมอรทัยไม่เลิก เพราะซุกปัญหาทับถมไว้ใต้พรมเยอะแยะยาวนาน เล่นเอาเก๊กซิมกันไปทั่วหน้า  เจอเรื่องเครียดๆแบบนี้ เหล่าดีไซเนอร์แถวหน้าของโลกเลยพลอยจิตตกไปด้วย ส่งผลให้บรรยากาศทึมทึบและเคร่งขรึมปกคลุมไปทั่ว มิลาน แฟชั่น วีก กับ ปารีส แฟชั่น วีก ซีซั่นฟอลล์/ วินเทอร์ 2013–2014 โดยมีโทนสีดำทะมึน, สไตล์สุดแกร่งแบบมาสคิวลีน, ขนเฟอร์-ขนนก, วัสดุแปลกใหม่ที่เป็นผลลัพธ์จากความทันสมัยของเทคโนโลยี และโครงร่างเสื้อผ้าที่ได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของสถาปัตยกรรม เป็นคีย์หลักประจำฤดูกาลARMANIรวมพลังกันร่ายมนตร์สะกดให้เคลิ้มฝัน เพื่อดึงดูดเงินจากกระเป๋าแฟชั่นนิสต้ายุคถังแตก ภายใต้การนำของ “คุณปู่จิออร์จิโอ อาร์มานี” ทุ่มทุนจัดแฟชั่นโชว์ 2 แบรนด์รวดบนรันเวย์เดียวกัน คือ Giorgio Armani และ Emporio Armani สร้างสีสันคึกคักให้แคตวอล์กมิลาน แฟชั่น วีก ซีซั่นล่าสุด เป็นอย่างมาก โดยดีไซเนอร์วัย 78 ปี สัญชาติอิตาเลียน โชว์ความเก๋าว่า แม้เศรษฐกิจยุโรปจะฝืดเคือง แต่อาร์มานียังขายดิบขายดี เฉพาะแฟชั่นโชว์เอ็มโพริโอ อาร์มานี 75% ของเสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่ขายหมดเกลี้ยงแล้ว ตอกย้ำความเป็นขวัญใจพรมแดงออสการ์ และดีไซเนอร์หัวเซ็งลี้Dolce&Gabbana ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะยุคไบแซนไทน์ ซึ่งเป็นศิลปะคริสเตียนยุคแรก ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะกรีกโบราณ นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา, วิหาร, พิธีเจิมน้ำมนต์, รูปไม้กางเขนกรีกอยู่ในรูปวงกลม, รูปคนกำลังสวดมนต์, ภาพโมเสก และภาพปาฏิหาริย์ตอนสำคัญๆของพระผู้เป็นเจ้าที่นำมาจากพระคัมภีร์เก่าและใหม่ โดยนางแบบเกินครึ่งสวมมงกุฎประดับประดาศีรษะพร้อมสร้อยคอห้อยจี้กางเขนยุคไบแซนไทน์  แมตช์กับต่างหูระย้าคู่โต และรองเท้าส้นแบนผ้ากำมะหยี่ประดับประดาด้วยจิวเวลรี่ ทำให้นึกถึงภาพเจ้าหญิงกรีกโบราณGUCCIด้านดีไซเนอร์สาวคนเก่งแห่ง GUCCI “ฟริด้า จิอานนินี” อุ้มท้องโตบุกมิลาน แฟชั่น วีก โดยเปลี่ยนมู้ดจากความสดใสของสีสันจัดจ้านในฤดูร้อนซีซั่นก่อน มาเป็นดาร์คไซด์สุดดำมืดของฤดูใบไม้ร่วง ได้อินสไปเรชั่นจากผลงานดีไซน์ของ “อัลเลน โจนส์” ศิลปินป๊อบอาร์ตชื่อดังสัญชาติบริติช แม้จะพยายามออกตัวว่าซีซั่นนี้ขายความดิบและเซอร์ แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ในคอลเลกชั่นกลับเต็มไปด้วยวัสดุเซ็กซี่ๆ เช่น หนังงู, ผ้าลูกไม้, ขนเฟอร์ และขนนก เอกลักษณ์สร้างชื่อประจำแบรนด์กุชชี่H&Mสำหรับ “ปารีส แฟชั่น วีก” เพิ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย เพราะจู่ๆแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นแนวสตรีท  H&M ก็ลุกขึ้นทำแฟชั่นโชว์ครั้งแรกบนรันเวย์ระดับโลก ภายใต้การกุมบังเหียนของ “แอน โซฟี โจแฮนสัน” หัวหน้าทีมดีไซเนอร์ของ H&M โดยหลายปีก่อน แบรนด์เสื้อผ้าไฮสตรีทคู่แข่ง TOPSHOP เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้ว ด้วยการร่วมทำโชว์บนแคตวอล์กลอนดอน แฟชั่น วีก 2005 ทั้งนี้ การทำแฟชั่นโชว์ในแต่ละซีซั่นต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ ห้องเสื้อขนาดเล็กหลายแห่งจึงถอนตัวออกจากแฟชั่นวีกไปตามๆกัน แต่สำหรับแบรนด์แฟชั่นขายดีอันดับหนึ่งของโลก เช่น H&M เงินแค่นี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับยอดขายถล่มทลายที่จะตามมาDries van Notenก่อนที่ห้องเสื้อใหญ่ๆจะเปิดโชว์ อุ่นเครื่องกันเบาๆด้วยฝีมือสร้างสรรค์ของสองห้องเสื้อขาใหญ่ประจำปารีส แฟชั่น วีก Dries Van Noten กับ Mugler ซึ่งได้รับเสียงชมอื้อซ่าส์!! โดย “ไดร์ส วอน โนเทน” ดีไซเนอร์รุ่นใหญ่ สัญชาติเบลเยียม ซึ่งแอนตี้แคตวอล์กแฟชั่นโอต์กูตูร์ เพราะไม่เห็นด้วยที่ต้องทุ่มทุนสร้างกับสิ่งที่ขายไม่ได้  เรียกเสียงปรบมือด้วยการยืมแรงบันดาลใจจากสองนักเต้นคู่ขวัญโลกเซลลูลอยด์แห่งยุคทศวรรษ  1930  “เฟร็ด แอนด์ จิงเจอร์” เพื่อส่งสัญญาณถึงโลกแฟชั่นว่า อย่าซีเรียสกันนักเลย ลุกขึ้นมาเต้นๆๆกันดีกว่า  เปิดโชว์ล่าสุดด้วยกางเกงสแล็กของผู้ชาย แล้วตัดภาพไปที่บอลรูมแดนซิ่ง ตามมาด้วยขนนกกระจอกเทศสุดแสนอลังการ ขณะที่ “นิโคล่า ฟอร์มิเกตตี” ดีไซเนอร์เลือดใหม่แห่งห้องเสื้อมูแกลร์ พาขึ้นไทม์แมชชีนเดินทางสู่โลกอนาคต หยิบความประทับใจวัยเด็กที่มีต่อชุดแอร์โฮสเตสของม่ามี้ในยุคซิกตี้ส์ มาผสมผสานกับภาพฝันของนิยายไซไฟแห่งโลกอนาคต ถ่ายทอดเป็นลุคของสาวเจ็ตเซ็ตที่ท่องโลกอย่างมีสไตล์.Muglerทีมข่าวหน้าสตรี

No comments:

Post a Comment

Blog Archive