
อาจจะไม่ได้อยู่ในลิสต์ของสุดยอดเมืองเคานท์ดาวน์ แต่ เคปทาวน์ (Cape Town) แห่งแอฟริกาใต้ ก็อยู่ในลิสต์ของเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมเสมอ ชาวบ้านอาจจะตั้งใจไปปีนภูเขาโต๊ะ (Table Mountain) แต่ฉันตั้งใจไปอยู่กับเคปทาวน์ในคืนข้ามปี ไม่ใช่อะไรหรอก ไม่อยากหนาวเหน็บในคืนข้ามปีอีกแล้ว นิวยอร์กในคืนเคานท์ดาวน์ทำให้เข็ดขยาดกับอุณหภูมิที่กรีดเฉือนเลือดเนื้อ ปีถัดมาเลยไปเคาท์ดาวน์ที่แทนซาเนีย อยู่กับสิงสาราสัตว์กลางป่าซะเลย แต่จะดีแค่ไหนล่ะ ถ้าได้ไปนับถอยหลังในเมืองที่อากาศดี วิวห้าดาว ไม่หนาว ไม่ร้อน ในเมืองสุดฮอตยอดฮิตเมืองหนึ่งของโลกอย่างเคปทาวน์ ที่จริงเที่ยวนี้เริ่ดตั้งแต่ออกตัวแล้ว เพราะสายการบินเอมิเรตส์ (www.emirates.com) ที่พาเหาะไปหาเคปทาวน์ทุกวันเขาพาบินไปแวะดูไบก่อน ระยะบินประมาณ 6 ชั่วโมงนั้นแสนสะดวกสบาย เพราะโดยสารไปกับเที่ยวบินแอร์บัส A380 เครื่องบิน 2 ชั้นที่จุผู้โดยสารได้เกือบ 500 คน ที่นั่งกว้างขวางและบริการอันยอดเยี่ยมทำให้ช่วยคลายเหนื่อย จากนั้นบินต่อไปอีก 9 ชั่วโมงจึงถึงเคปทาวน์ คนไทยไปเที่ยวแอฟริกาใต้ไม่ต้องทำวีซ่า แต่ที่ทำให้วิงเวียนก่อนเดินทางอยู่เป็นเดือนคงเป็นเรื่องที่พัก ความที่เป็นช่วงพีคสุดของเคปทาวน์ เพราะใครๆ ก็อยากไปเคานท์ดาวน์กันที่นี่ด้วยกันทั้งนั้น ที่พักทั่วเมืองพร้อมใจกันขยับราคา และมีตัวเลือกน้อยลงเรื่อยๆ เลยเดือดร้อนเว็บไซต์อโกดา (www.agoda.com) ให้ช่วยสแกนหาเรือนพักย่านกลางเมืองที่ราคายังพอรับไหว คลิกเข้าไปดูแอพพลิเคชั่นของอโกดาที่โหลดไว้บนสมาร์ทโฟน โฟกัสไปเจาะแถวใจกลางเมือง ย่าน City Bowl ก็พบว่ายังพอมีที่ให้เอนหลัง ใครไปเที่ยวเคปทาวน์แนะให้พักแถวนี้ เพราะนี่เป็นมุมที่จะไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างสะดวก ใกล้แหล่งท่องเที่ยวทุกจุด หะแรกที่เห็นนักท่องเที่ยวที่เคปทาวน์ ก็ต้องบอกว่าเป็นเมืองทั้งฮอตและฮิตจริงๆ เดิมทีเคปทาวน์ก็ร้อนแรงอยู่แล้ว ยิ่งพอ ภูเขาโต๊ะ ติดอันดับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เพิ่งโหวตกันเมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 ที่ผ่านมา เลยทำให้เคปทาวน์ยิ่งเนื้อหอมหนักขึ้นกว่าเดิมอีก นี่คือเมืองอากาศดี วิวห้าดาวที่ทอดตัวอยู่ปลายสุดของทวีปแอฟริกาใต้ มุมที่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก นัดพบกันโดยมีเทือกเขาสูงใหญ่ที่ชื่อภูเขาโต๊ะ เป็นสักขีพยาน ยิ่งถ้าใครเป็นคอไวน์แล้วล่ะก็ เคปทาวน์ยิ่งเป็นเมืองที่ควรบรรจุให้อยู่ในลิสต์ของเมืองที่จำเป็นต้องไป เพราะไวน์ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอยู่ที่เมือง 2 มหาสมุทรแห่งนี้ มุมแรกที่เหมาะจะทำความรู้จักกับเคปทาวน์ คือ วิคตอเรีย&อัลเฟรด วอเทอร์ฟรอนท์ (Victoria & Alfred Waterfront) แค่มุมนี้มุมเดียวก็ทำให้ฉันยิ้มให้กับภูเขาโต๊ะได้เป็นวักเป็นเวร ในมุมโล่งแจ้งริมน้ำของเคปทาวน์มุมนี้ มีความสุนทรีย์ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ผู้คนถึงได้มาแออัดกันอยู่ที่นี่ ลมจากมหาสมุทรอินเดียคงปะทะกับลมที่ปลิวจากมหาสมุทรแอตแลนติก วิคตอเรีย&อัลเฟรด วอเทอร์ฟรอนท์ถึงได้กลายเป็นมุมที่ลมโกรกได้ทั้งวี่ทั้งวัน คนมาที่นี่ โดยมากถ้าเป็นชาวเมืองก็หอบลูกจูงหลานมาเล่นเครื่องเล่น หรือไม่ก็พาครอบครัวมาดินเนอร์ แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็มักมาช็อปปิ้ง นั่งกินดื่ม จิบวิวทะเลและสบตากับภูเขาโต๊ะอย่างเพลินใจ พูดถึงภูเขาโต๊ะ บางทีก็เหมือนงานศิลปะ ผลจากการขลุกอยู่กับเคปทาวน์หลายวัน ฉันลองหามุมเหมาะที่เปลี่ยนไปเรื่อย ก็พบว่า เป็นแบบนั้นจริงๆ บางวันมีเมฆมาคลอเคลียเป็นหย่อมๆ ลอยระเกะระกะ ดูสวยไปอีกแบบ บางวันฟ้าโปร่ง ไร้เงาสีเข้ามาคอยก่อกวน ภูเขาโต๊ะกลับดูเสน่ห์เหือดลง บางวันมีแผ่นเมฆสีขาวมาคลุมเหนือยอดเขา ก็เหมือนวันนั้นมีผ้าปูโต๊ะสีขาวมาคลุม เหมือนงานศิลปะที่เปลี่ยนไปทุกวันทุกโมงยาม แล้วแต่ธรรมชาติจะละเลง แต่บางวันดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ ภูเขาโต๊ะก็เหมือนหายตัวไปอย่างไร้ล่องลอยจากเคปทาวน์ ไร้เงาทะมึนของภูเขาโต๊ะ วันนั้นแหละ เคปทาวน์ดูไม่เป็นเคปทาวน์ ฉันเฝ้ามองภูเขาโต๊ะอยู่หลายวัน จากวิคตอเรีย&อัลเฟรด วอเทอร์ฟรอนท์บ้าง จากกลางเมืองบ้าง จากดาดฟ้าเรือนพักบ้าง แล้วก็พบว่า ไม่เพียงเป็นที่สิงสถิตของความสูง แต่ภูเขาโต๊ะเป็นเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ที่เฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวในเคปทาวน์อย่างไม่กะพริบตา รอจนค่ำคืนสุดท้ายของปีเดินทางมาถึง เคปทาวน์มี 2 มุมหลักๆ ให้เฉลิมฉลองคืนปีใหม่ คือหน้าศาลาว่าการประจำเมือง และที่วิคตอเรีย&อัลเฟรด วอเทอร์ฟรอนท์ หลังจากซุ่มสังเกตการณ์ทั้ง 2 มุม ฉันพบว่า ถ้าเป็นชาวเมือง เขาจะไปปักหลักที่ศาลาว่าการประจำเมืองกันตั้งแต่บ่าย ส่วนนักท่องเที่ยวและวัยรุ่นของเคปทาวน์จะไปแฮงก์เอาท์กัน แถววิคตอเรีย&อัลเฟรด วอเทอร์ฟรอนท์ แต่ไม่ว่าจะมุมไหนเคปทาวน์ก็ดูร่าเริงและเบิกบานในคืนข้ามปี ............................................... (คืนข้ามปีที่'เคปทาวน์' : คอลัมน์เที่ยวนี้ขอเล่า : โดย...กาญจนา หงษ์ทอง)
No comments:
Post a Comment