Wednesday, October 31, 2012

เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ทรงขอให้หมอพยาบาล ดูแลผู้ป่วยเสมือนคนในครอบครัว

เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ทรงขอให้หมอพยาบาล ดูแลผู้ป่วยเสมือนคนในครอบครัว
Pic_302719 ในวาระครบรอบ 3 ปีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ในการช่วยเหลือประชาชนที่ทนทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2552 โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ผู้ทรงก่อตั้ง จึงได้ประทานพระวโรกาสให้คณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งชาวชมรมผู้ป่วยมะเร็งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เข้าเฝ้า ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.55

เมื่อ เสด็จถึงโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ได้เสด็จเยี่ยมผู้ป่วยมะเร็งจำนวนนับสิบราย ที่นอนพักรักษาบนหออภิบาลผู้ป่วยชั้น 7 และชั้น 8 เป็นรายบุคคล ซึ่งใช้เวลานานนับชั่วโมง โดยทรงซักถามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดไม่ถือพระองค์ และทรงให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย พร้อมทั้งประทานดอกไม้เยี่ยม ซึ่งเป็นช่อดอกไม้แห้งแก่ผู้ป่วยทุกราย โดยรับสั่งว่า “ที่ให้ดอกไม้แห้ง  เพราะถ้าเป็นดอกไม้สด บางคนอาจจะแพ้ และดอกไม้แห้งอยู่ได้นานกว่า” พร้อมกันนี้ยังประทานกำลังใจแก่ผู้ป่วยด้วยว่า “ป่วยเป็นโรคนี้ต้องมีกำลังใจสู้ คนไหนมีกำลังใจสู้จะอยู่ได้นาน ขอให้มีกำลังใจสู้ต่อไป และดูแลตัวเองให้ดีๆ” พร้อมกับทรงกำชับเจ้าหน้าที่และคุณหมอให้การดูแลผู้ป่วยอย่างดี เสมือนคนในครอบครัว
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และรองประธานบริหารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้นำคณะแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ใหม่ของโรงพยาบาลเข้าเฝ้าถวายตัว จำนวน 97 ราย ซึ่งพระองค์ได้ประทานพระโอวาทว่า ทรงยินดีมากที่คนไข้ทุกคนชมโรงพยาบาลว่ามีหมอเก่ง พยาบาลมีจิตเมตตา เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีใจเมตตาต่อคนไข้ เราได้เกิดมาเป็นคน ได้มีโอกาสเกิดมาได้มีโอกาสทำบุญ รู้ดี รู้ชั่ว ฉะนั้นก็ควรเลือกประพฤติในสิ่งที่ดีงาม เพื่อเป็นมงคลชีวิตของตนเอง พระองค์ทรงอยากให้ทุกคนยึดพระบรมราโชวาท สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่ว่า ให้ถือเอากิจส่วนรวมมาเป็นกิจที่ 1 กิจส่วนตน มาเป็นกิจรอง  ถ้าเราทำให้สังคมเจริญรุ่งเรือง ร่มเย็น เราก็พลอยสงบร่มเย็น เจริญรุ่งเรืองไปด้วย แต่ถ้าสังคมชิงดีชิงเด่น ตีกันวุ่นวาย ทุกคนก็พลอยเดือดร้อน สรุปคือประโยชน์ส่วนรวม ก็คือประโยชน์ส่วนตนเอง รวมทั้งการรักษาพยาบาลทุกคนต้องสามัคคี ทำงานอย่างกลมเกลียวโรงพยาบาลจึงจะดำเนินการอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ ยังมีรับสั่งต่ออีกว่า งานแพทย์พยาบาลเป็นงานที่เหนื่อย คนไข้ที่เต็มประดาก็มี พระองค์ทรงเจอเช่นกัน จึงขอให้ทุกคนมีความอดทน อดกลั้น มีเมตตากรุณา เพราะคนไข้โดยเฉพาะป่วยโรคมะเร็ง แค่รู้ว่าเป็น ใจก็ตกไปถึงตาตุ่ม พระองค์เองทรงเคยมีความรู้สึกนี้มาแล้วเช่นกัน คุณหมอวินิจฉัยว่าพระองค์ทรงป่วยเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ แต่สุดท้ายไม่ได้เป็น ทำให้พระองค์ได้ทรงเห็นอีกมุมหนึ่ง ในมุมของคนไข้ ที่ตกอยู่ในความกลัวเจ็บ กลัวตาย จึงอาจมาออกอารมณ์ใส่หมอและพยาบาล ฉะนั้นอย่าไปถือสา เรามีหน้าที่รักษา ให้กำลังใจเขาสักหน่อย และทรงขอให้คุณหมอมีเวลาให้กับคนไข้สักนิด อย่าดูผ่านๆ ขอให้อธิบายคนไข้ว่าทำอะไร เพราะอะไร ทรงเชื่อว่าคนไข้มีเหตุผลพอที่จะรับฟังและทำความเข้าใจ

No comments:

Post a Comment